ตอนที่ 4 ลุงเคผู้แสนดีของพอลี่ 1
เมื่อกลับมาจากเกาหลี ชายหนุ่มก็รีบมาหาหญิงสาวที่ตนแอบรักที่บ้านทันที แต่พอมาหาที่บ้านกลับได้ทราบว่าหญิงสาวกลับไปคืนดีกับสามีแล้ว แถมยังย้ายไปอยู่บ้านกับเขาคนนั้นแล้ว ชายหนุ่มนั้นเจ็บปวดใจเหลือเกิน แต่ยังไงก็ไม่ยอมแพ้หรอก ความรักที่มีให้หญิงสาวนั้นมันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่ได้แต่แอบมอง และหวังว่ารัตนาจะมีความสุข ในเมื่อเธอตัดสินใจกลับไปหาสามีแล้ว ก็ถือว่ารัตนานั้นได้เลือกชายคนนั้น ไม่ได้เลือกตน แต่ก็จะไม่วางใจเสียทีเดียว ในเมื่อครั้งหนึ่งชายผู้นั้นเคยทำให้รัตนาเสียใจ เจ็บปวด เขาจะคอยอยู่ห่างๆ ดูแลอยู่ห่างๆ ยามใดที่หญิงสาวนั้นเสียใจ เศร้า เขาจะได้เป็นคนแรกที่ช่วยให้เธอรู้สึกดี
เขารู้ว่ามันผิด รู้ว่าทำยังไงหญิงสาวก็ไม่เคยรักตน แต่ก็ทำใจให้หยุดรักเสียไม่ได้ เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เขาทำทุกอย่างเพื่อให้หญิงสาวนั้นรักและสนใจ แต่กลับได้แค่มิตรภาพกลับคืนมา รัตนาไม่เคยเห็นเขาเป็นมากกว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งเลย ไม่เคยคิดจะรักเขาเลย แต่เขาไม่สนอะไรทั้งนั้น ในเมื่อใจรักแล้วเขาก็พร้อมจะทรมานกับการแอบรับภรรยาคนอื่น
พอไม่เจอรัตนา เขาก็กลับบ้านตนทันที พร้อมกับเอาของฝากให้กับรักชาติ พ่อของหญิงสาว ที่ตนตั้งใจซื้อมาให้ ส่วนของรัตนากับพอลี่ผู้น่ารักนั้น เขาจะเอาไปให้เอง ไม่ได้เจอหญิงสาวและลูกนานคิดถึงเหมือนกัน เพราะไปเกาหลีตั้งหลายวันไม่ได้โทรคุยกันเลยกับสองแม่ลูกคู่นั้น
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
ระหว่างที่กำลังนั่งคิดถึงเรื่องของตนกับรัตนาเพลินๆ อยู่นั้นโทรศัพท์ก็สั่น
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” กดรับสายพร้อมกับเอ่ยอย่างสุภาพ เพราะเบอร์ที่โทรหานั้นไม่คุ้นตาเลย
“สวัสดีเค ต่อเองนะ พอดีต่อเปลี่ยนเบอร์ใหม่น่ะ เลยโทรหาเค ว่าแต่กลับวันนี้นี่ มาถึงยังเนี่ย”
คนที่เขากำลังคิดถึงนั่นเองโทรมา ถึงว่าตลอดหลายวันที่อยู่เกาหลี หญิงสาวไม่โทรหา เพราะปกติพอลี่จะชอบโทรคุยกับเขาเสมอ ที่แท้ก็เปลี่ยนเบอร์ใหม่นี่เอง
“กลับมาถึงตอนสิบเอ็ดโมงเช้าน่ะ เออ...เราไปหาต่อที่บ้านด้วยนะ แต่คุณพ่อบอกว่าต่อกับพี่พอลคืนดีกันแล้ว” ถึงรู้ว่าเจ็บ แต่ก็อยากรู้จากปากของหญิงสาวว่าจริงไหม
“ขอโทษด้วยนะเค เราไม่ได้บอกนายเลย เย็นนี้เราไปกินข้าวกันนะ พอลี่บ่นคิดถึงแต่ลุงเคๆ จนเราจะพาบินไปเกาหลีหาเคแล้ว รู้ยัง...พอลี่ของเคน่ะเข้าโรงเรียนแล้วนะ และวันนี้ก็ไปโรงเรียนแล้วด้วย เราไปรับพอลี่ด้วยกันนะ เผื่อเจอพี่ไบรอันกับอ้อจะได้ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” หญิงสาวเอ่ยร่ายยาวทางโทรศัพท์
“โอเค เดี๋ยวตอนเย็นเราไปรับนะ จะให้เคไปรับที่ไหนล่ะ”
พายุเอ่ย ทำไมจะไม่อยากไปเล่า ถึงจะรู้ว่าหญิงสาวนั้นไม่ได้รักตน แต่ก็อยากอยู่ใกล้ชิดให้มากที่สุด เขาดีใจที่รัตนากับพอลี่คิดถึงเขา ถึงพอลี่จะไม่ใช่ลูกของตน แต่เขาก็รักและเอ็นดูเสมือนลูกในไส้
“เคยังไม่รู้อีกเรื่อง ต่อมาทำงานแล้วนะ มาทำงานที่สายการบินเวย์เลอร์ มาเป็นเลขาพี่พอลเขา ไม่รู้ทำไมต้องบังคับเราด้วย เอาเถอะ อย่าพูดถึงให้อารมณ์เสียเลย เอาเป็นว่าเคมารับต่อที่หน้าสายการบินนะ เดี๋ยวต่อจะลงไปรอ” หญิงสาวเอ่ยด้วยเสียงหงุดหงิด เมื่อพูดถึงเรื่องของตน
‘ต่อคงไม่รู้ว่าที่พี่พอลทำแบบนั้น เพราะอะไร แต่เป็นผู้ชายด้วยกันเขาดูออกว่าพอลนั้นหวงหญิงสาว ถึงได้ให้มาทำงานใกล้ชิด จะได้ไม่ไกลหูไกลตาตน’ ชายหนุ่มคิดในใจ
“เค!...ว่าไง...” เห็นว่าพายุเงียบไป จึงเอ่ยถามชายหนุ่มอีกครั้ง
“ต่อว่าไงก็ว่างั้นแหละ ว่าแต่ให้เคไปรับกี่โมงดี” ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วเบา
“เอาเป็นบ่ายสามก็แล้วกัน โรงเรียนพอลี่เลิกบ่ายสามครึ่ง ไปรับลูกเราแล้วเราค่อยไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้ากัน ก่อนจะกินอาหารมื้อค่ำด้วยกันเนอะ”
“อืม...ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะ เราเหนื่อย อยากพักผ่อน เดี๋ยวค่อยเจอกันนะ” พายุเอ่ยด้วยเสียงเหนื่อยๆ
“โทษทีเค ต่อลืมว่าเคเพิ่งเหนื่อยจากการเดินทาง งั้นไม่กวนแล้ว แค่นี้นะ เจอกันจ้า” เอ่ยเสร็จก็ตัดสายไปทันที
ด้านพายุเมื่อรัตนาวางสายไปแล้ว เขาก็นอนคิดอะไรเพลินๆ คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสเปิดหัวใจรับคนใหม่เข้ามาไหม เพราะตอนนี้ทั้งหมดของหัวใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนย่างกรายเข้ามาเลย นอกจากรัตนาคนเดียวเท่านั้น ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด ทำไมเขาถึงไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นของเธอ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บปวด เขาจึงตัดสินใจไปเปิดเพลงฟังเบาๆ ก่อนที่เขาจะเผลอหลับไปในที่สุด
ชายหนุ่มสังเกตตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ตอนที่หญิงสาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ก่อนออกไปนั้นหน้าบึ้ง พอกลับเข้ามายิ้มสดใส แบบนี้หมายความว่าไง รัตนาอารมณ์ดีอะไรกัน แถมตอนนี้ก็จะใกล้บ่ายสามแล้ว เธอก็มัวแต่ดูนาฬิกา ไม่รู้มีนัดกับใครรึเปล่า หรือว่าตอนที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนั้นไปแอบนัดใครไว้ แบบนี้ต้องถามให้รู้เรื่องเสียแล้ว ยิ่งตอนนี้หญิงสาวดูร้อนรนเป็นพิเศษ ขนาดพักเที่ยงชวนไปทานข้าวข้างนอกก็ไม่ไปด้วย แต่กลับไปกับมารี เลขาหน้าห้องของเขา
ชายหนุ่มตั้งใจให้หญิงสาวมาเป็นเลขาส่วนตัว คือไม่ว่าเขาจะไปไหน ทำอะไร หญิงสาวต้องตามไปด้วยทุกที่ และยังจัดโต๊ะทำงานของรัตนาตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของตน เพื่อเวลาเขาทำงานไปจะได้มองหน้าเธอไป แต่ยิ่งมองเท่าไหร่ยิ่งอยากกอดร่างสวยๆ ตรงข้ามนัก
“น้องต่อเป็นอะไร ทำไมดูแปลกๆ” เอ่ยถามอย่างจับผิด
“ปะ...เปล่าค่า...” หญิงสาวหลบตาตอบ จะบอกได้ไงเล่าว่ามีนัดกับพายุ หากเขารู้มีหวังไม่ได้ไปแน่ๆ
“ไม่มีอะไรจริงๆ นะ” ยังไงก็ไม่เชื่อว่าไม่มีอะไร ครั้งนี้เอ่ยถามพร้อมกับลุกเดินจากโต๊ะทำงานของตนมาหาหญิงสาวที่โต๊ะทำงานของเธอ
“คะ...คือ...พอดีกลัวเลยเวลาไปรับพอลี่ค่ะ เลยดูร้อนรนอย่างที่พี่พอลเห็น” หญิงสาวไม่กล้าสบตาคนที่มายืนจ้องตัวเองหน้าโต๊ะทำงาน
“เหรอ...แต่พี่ว่าไม่ล่ะมั้ง ต้องมีอะไรมากกว่านี้” และครั้งนี้เขาใช้มือของตนยันโต๊ะทำงานของหญิงสาวไว้ พร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้ชิดใบหน้านวลเนียนของหญิงสาว
ครั้งนี้รัตนาก็ได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะหาเหตุผลไหนมาตอบดี ยิ่งตอนนี้ใบหน้าของเธอและเขาใกล้ชิดกันเหลือเกิน จึงได้แต่นั่งเกร็งนิ่ง ไม่กล้าขยับปากพูด ขยับตัวเลยตอนนี้
“ทำไมไม่ตอบ เขินพี่เหรอ...หน้าแดงด้วย” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมเอ่ยเย้าหญิงสาวให้เขินอาย ก็ดูเวลานี้สิ เธอช่างน่ารักเสียเหลือเกิน แก้มแดงเหมือนผลแอปเปิล น่ากัดให้หายอยากจริงๆ
“เอาหน้าออกไปไกลๆ ก่อนสิคะ ต่อถึงจะตอบ” เอ่ยด้วยความเขินอาย ก็คนมันเขินจะให้ทำยังไง
“ไม่เกี่ยวกันเลย ตราบใดที่พี่ยังไม่ได้ปิดปากน้องต่อก็ตอบคำถามพี่ได้” ด้วยความอยากแกล้ง ว่าแล้วก็ฉกหอมแก้มนวลของเธอเสียเลย
“อุ๊ย!” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่โดนหอมทันที ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะทำแบบนี้ “ทำแบบนี้ทำไมคะ ต่อไม่ชอบ” หญิงสาวแสร้งเอ่ยออกไป ทั้งๆ ที่ในใจนั้นดีใจ ตื่นเต้นกับสัมผัสแผ่วเบาของชายหนุ่มมาก
“มันแดงน่ารักดี พี่เลยอยากพิสูจน์กลิ่นว่าหอมแค่ไหน และพี่ก็ได้รู้ว่าหอมมาก หอมจนพี่อยากพาน้องต่อกลับบ้านตอนนี้เลย” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างใจคิด
“ได้เวลาแล้ว ต่อไปก่อนนะคะ” เมื่อมองดูนาฬิกาที่ข้อมือ เห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะบ่ายสาม เธอจึงรีบลุกขึ้นเก็บของบนโต๊ะอย่างรีบร้อน จนลืมไปเลยว่าพอลนั้นสังเกตตนอยู่
“จะไปไหน ทำไมรีบจัง” พอลถาม
“ไปรับพอลี่ค่ะ ต่อไปก่อนนะคะ เอ่อ...ไม่ต้องรอต่อกับลูกกลับไปกินข้าวนะ พี่พอลกินก่อนเลย พอดีจะพาพอลี่ไปเดินซื้อของเล่นและจะกินข้าวจากข้างนอกค่อยกลับค่ะ”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินออกไปจากห้องทันที โดยไม่รอฟังว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรต่อ
“น้องต่อ!...” ชายหนุ่มร้องเรียกไล่หลังไป ก็วันนี้เขาตั้งใจว่าเลิกงานแล้วจะพาหญิงสาวไปรับลูกของเธอด้วยกัน จากนั้นก็ไปดูหนัง แต่มันผิดแผนไปหมด
“แล้วทำไมน้องต่อถึงรีบขนาดนี้เนี่ย โรงเรียนพอลี่อยู่ใกล้แค่นี้เอง หรือว่า...” คิดได้แค่นั้น เขาก็รีบเดินกลับไปหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าทำงาน แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อนเช่นกัน
ด้านรัตนาเมื่อลงมาก็เห็นรถของพายุจอดรออยู่ก่อนแล้ว จึงรีบวิ่งไปขึ้นรถกับชายหนุ่ม จนไม่มีโอกาสได้เห็นชายอีกคนตามมา พอลนั้นรีบตามมา และมันก็จริงอย่างที่คิดไว้จริงๆ เธอนัดกับชายอื่นให้มารับ ถึงว่าทำไมถึงรีบร้อนเป็นพิเศษ พอลได้แต่ยืนแอบมองอยู่ตรงมุม เพื่อไม่ให้รถที่วิ่งออกไปสังเกตเห็นตน พอลได้แต่ยืนกัดกรามมองภรรยากับชู้หายไปต่อหน้าต่อตา คิดแล้วก็เจ็บใจนัก คืนนี้เห็นดีกันแน่รัตนา ที่ผ่านมาพี่ใจดีเกินไป คิดแล้วก็รีบไปยังลานจอดรถ เพื่อจะได้ขับตามรถของทั้งคู่ไป ชายหนุ่มแน่ใจว่ายังไงเธอจะต้องพาชู้ไปรับพอลี่ก่อนแน่
ด้านคนที่ถูกติดตามนั้นไม่รู้เลยว่าตอนนี้พญามารได้โกรธตัวเองแล้ว พายุนั้นเห็นพอลตั้งแต่ลงมาแล้ว แต่ไม่พูดอะไร เพราะเขาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดจะตีท้ายครัวใคร และยังรู้อีกด้วยว่ารถที่ขับตามหลังมานั้นเป็นรถของชายหนุ่ม แต่พายุไม่เอ่ยปากพูดอะไร เพราะไม่อยากให้รัตนาคิดมาก
“ต่อออกมากับเค พี่พอลรู้ไหม”
“ไม่รู้ และเขาก็ไม่จำเป็นต้องรู้ด้วย มันเรื่องส่วนตัวของเรานะเค”
ตอบพายุด้วยเสียงแข็ง แต่ใบหน้าของเธอกลับแดงระเรื่อขึ้นมาเฉยๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในห้องทำงานที่ผ่านมา
“ต่อน่าจะบอกพี่เขานะ เคไม่อยากให้พี่เขาเข้าใจผิดเรื่องของเรา”
อยากจะเป็นผู้ร้ายแย่งเธอมาจากเขาเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อพื้นฐานเขานั้นเป็นคนดี ไม่อาจจะทำร้ายคนที่ตนรักได้ จึงทำได้เพียงเท่านี้
“เคอย่าพูดถึงเขาได้ไหม ต่อไม่ชอบ ที่ต่อกลับไปอยู่กับเขา เพราะอยากให้พอลี่ได้อยู่ใกล้ชิดพ่อของเขาบ้าง วันไหนที่ต่อพร้อมจะไป ต่อจะไปพร้อมกับพอลี่ และจะมีแค่เรากับลูกสองคนเท่านั้น ส่วนพี่พอลเขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขา” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ ที่พายุนั้นพูดเหมือนจะเข้าข้างชายหนุ่มที่ตนพยายามเกลียด
“ไม่พูดแล้ว อย่าหงุดหงิดสิ” พายุเอ่ย
หลังจากพายุเอ่ยออกมาเช่นนั้น รัตนาได้แต่นั่งหน้าบึ้ง ไม่ยอมพูดอะไรกับชายหนุ่ม จนตอนนี้มาถึงโรงเรียนของลูกสาวของตน หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้น
“ไปรับพอลี่ด้วยกันเค” พูดจบก็เปิดประตูลงรถ และพายุก็เช่นกัน เดินตามรัตนาไปรับหนูน้อยพอลี่
“มี๊เตร่า...ลุงเค...”