6 หมดเวลาของคนชั่วคราว
“พี่พายคะ หมอบีฝากมาบอกว่าถ้าว่างแล้วให้ไปพบที่ห้องตรวจค่ะ”
“อื้อ เดี๋ยวพี่ไป”
พายที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงานตรงหน้าหันไปตอบน้ำขิง ก่อนจะเร่งมือให้ไวขึ้นเพราะไม่รู้ว่าหมอบีมีธุระอะไรกับเธอ ทั้งที่ปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะอยู่คนละแผนก แอบกลัวเล็กน้อยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับหมอพอร์ช และถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะทำยังไงดีนะ
“หมอบีคะ”
พายเคาะประตูห้องตรวจเพื่อขออนุญาต ขณะที่ใจก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวลอย่างไม่อาจห้าม ได้แต่ภาวนาให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องงานเท่านั้น
“เชิญค่ะ”
เมื่อเสียงตอบรับจากในห้องดังขึ้น พายก็เปิดประตูเข้าไปพบกับหมอบีที่นั่งรออยู่หลังโต๊ะทำงาน ตอนนี้หมดเวลาตรวจแล้วและก็เป็นเวลาเตรียมมกลับบ้านของทั้งเธอและหมอบีเช่นกัน พอเห็นรอยยิ้มและสายตาของหมอบีที่กำลังมองมา พายก็ไม่สบายขึ้นมาในทันที
“นั่งก่อนสิคะพี่พาย”
“หมอบีมีอะไรให้พี่ทำรึเปล่าคะ”
พายนั่งลงตรงข้ามตามที่อีกคนเชิญ ฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความกังวลแล้วบีบมือตัวเองไว้แน่นขณะที่รอคำตอบจากอีกคน
หมอบียังคงยิ้มพลางเคาะโต๊ะเบาๆราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดดีหรือเปล่า ทั้งที่ความจริงไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย ก็แค่ต้องแสดงออกว่าลำบากใจเท่านั้น เธออยากรู้ว่าท่าทางตอบรับของรุ่นพี่พยาบาลตรงหน้าจะเป็นแบบไหน ถ้าหากว่าเธอพูดออกมา จะว่าง่ายหรือว่าดื้อรั้นจนต้องใช้ไม้แข็งกันแน่
“มีค่ะ แต่ไม่รู้พี่พายจะทำให้ได้รึเปล่านี่สิ”
“งานอะไรเหรอคะ”
“งั้นบีไม่อ้อมค้อมละกัน พี่พายช่วยเลิกกับพอร์ชได้มั้ยคะ”
หมอบีตัดสินใจพูดออกมาตรงๆเมื่อเห็นท่าทางประหม่าจากพาย อีกอย่างเธอไม่ชอบทำอะไรยืดเยื้อเหมือนกับที่ต้องรีบจัดการเรื่องนี้ ก่อนที่จะส่งผลกับอนาคตอันใกล้ของเธอ ไม่ว่าอะไรที่จะเข้ามาขัดขวางก็ต้องรีบกำจัดทิ้งไปซะ
“หมอบี…”
พายเรียกอีกคนเสียงสั่น ตัวชาไปหมดเพราะไม่คาดคิดว่าหมอบีจะรู้ขนาดนี้ เธอกับพอร์ชแทบไม่เคยพูดคุยกันเลยในที่ทำงานหากไม่จำเป็น แล้วเธอก็เป็นคนที่อยู่ในมุมมืดของหมอพอร์ชมาตลอด ไม่เคยเปิดเผยหรือแสดงตัวว่าข้องเกี่ยวกับหมอพอร์ชแม้แต่น้อย แล้วหมอบีรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน
“ตกใจอะไรคะ บีรู้มานานแล้วค่ะพี่พาย แต่จะว่าไงดีล่ะ ก็แค่เมื่อก่อนมันยังไม่ถึงเวลา”
“คือพี่…”
พายก้มหน้าไม่กล้าสบตากับคนที่มองมาแล้วยิ้มราวกับมองอย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนั้น เธอละอายใจเอามากๆ เพราะรู้ดีว่าหมอบีคือคนที่ใครๆก็มองว่าเหมาะสมกับหมอพอร์ชมาตลอด ถึงจะแน่ใจว่าทั้งคู่ไม่เคยคบกันก็ตาม ไม่งั้นคงไม่ยอมอยู่ในสถานะนี้เพราะเธอเองก็ไม่ชอบไปแทรกกลางความสัมพันธ์ใคร
“ไม่ต้องกลัวค่ะ เรื่องนี้บีก็เอาไปบอกคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน เพราะอีกไม่นานพอร์ชจะกลายมาเป็นสามีของบีแล้ว จะให้ไปบอกคนอื่นว่าสามีแอบมีชู้ก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะคะ เลยต้องรีบมาจบก่อนที่จะเป็นแบบนั้นไงพี่พายเข้าใจเนอะ”
“พี่เข้าใจค่ะ แต่ว่าหมอพอร์ช…”
ถึงจะจุกจนเจ็บร้าวไปทั้งอกแต่ก็ยังกังวลว่าถ้าไม่ได้คุยกับหมอพอร์ชก่อน อีกคนน่าจะไม่พอใจมากๆก็ได้ และราวกับล่วงรู้ว่าพายคิดอะไรหมอบีเลยช่วยยืนยันว่าเธอจะจัดการเรื่องนี้ต่อเอง
“ไม่ต้องห่วงค่ะ กับพอร์ชเดี๋ยวบีไปคุยเองแค่พี่พายรับปากก็พอแล้ว ไม่โกรธบีใช่มั้ยคะยังไงพี่พายก็คงรู้ว่าพอร์ชต้องแต่งงานกับคนระดับเดียวกันจริงมั้ย”
“ค่ะ พี่รู้”
พายฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ นอกจากก้มหน้ารับคำแต่โดยดีก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว มันคือเรื่องจริงที่เถียงไม่ได้สักคำ เธอกับหมอพอร์ชยังไงก็อยู่คนละโลกมาตั้งแต่แรก ถ้าไม่ใช่เพราะความกรุณาที่อีกคนยื่นมาให้ในตอนนั้น พายคงเป็นแค่มนุษย์ร่วมโลกที่ไม่มีวันได้เจอกับคนอย่างหมอพอร์ชแน่ๆ พายก็แค่ยื้อเวลาแล้วพอมันเดินทางมาถึงตอนจบก็ควรก้มหน้ารับผลนั้นแต่โดยดี
หมอบียิ้มพอใจเมื่อเห็นว่าพายเข้าใจง่ายกว่าที่คิด ก่อนจะตัดจบบทสนทนาไว้เท่านี้เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว
“ดีค่ะ งั้นบีก็หมดธุระแล้ว”
—-------
“หมอบี!”
“มาไวกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย ใครไปส่งข่าวนะ”
หมอบีที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมยิ้มขำพลางหยอกล้อออกมา เมื่อเห็นท่าทางพรวดพราดเข้ามาของหมอพอร์ช ยังไม่ทันถึงห้านาทีด้วยซ้ำที่พายออกไปจากห้องเธอ แบบนี้คงไม่น่าง่ายอย่างที่คิดเอาไว้แน่ๆ
“อย่ายุ่งกับพี่พาย เราเคยตือนไปแล้วนะ”
พอร์ชบอกเสียงเข้ม ไม่ต่างจากใบหน้าที่ดูเย็นชาอย่างที่หมอบีเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนแม้จะสนิทกันมาตั้งแต่เด็กก็ตาม คงเพราะเราไม่เคยก้าวก่ายกันและสนิทกันเท่าที่อีกคนอนุญาตมาตลอด แต่จะทำไงได้ ครั้งนี้เธอต้องจัดการเองถึงจะมั่นใจนี่นา
“ไม่อยากยุ่งหรอกแต่มันดันเป็นเรื่องของบีด้วยนี่สิ พอร์ชก็รู้ว่าบีไม่ชอบมีปัญหาตามมาทีหลัง”
“มันไม่เกี่ยวกับบีเลย นี่มันเรื่องของเราบีอย่ามายุ่งได้มั้ย”
“เราต้องหมั้นกันอีกไม่นานแล้วเผื่อพอร์ชลืม และบีก็ไม่ชอบให้คู่หมั้นตัวเองมีชู้เข้าใจนะพอร์ช”
หมอบีย้อนกลับด้วยรอยยิ้มเยาะ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยก้าวก่ายเพราะรู้ว่าพอร์ชไม่ชอบ เธอถึงได้อดทนเพราะรู้ว่าสักวันจะมีสิทธิ์ในตัวพอร์ชเต็มที่ วันที่เธอไม่ต้องคอยเก็บความหึงหวงไว้ในใจ และได้ใช้สิทธิ์คู่หมั้นจัดการกับคนที่มายุ่งกับคนของเธอแบบนี้ พอร์ชเป็นของเธอมาตั้งแต่แรกและมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
“ใครบอกบีว่าเราจะหมั้นด้วย”
“พอร์ชว่าไงนะ!”
หมอบีย้อนถามเสียงดัง ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วพลางกำมือแน่นอย่างไม่พอใจ เธอมั่นใจมาตลอดว่าพอร์ชรู้หน้าที่ตัวเองดี ว่าสุดท้ายก็ต้องหมั้นและแต่งงานกับเธอเหมือนที่ครอบครัวเราตกลงกันไว้ มั่นใจว่าสุดท้ายพอร์ชจะหยุดและเลือกคนที่คู่ควรแบบเธอเท่านั้น แต่ท่าทางของหมอพอร์ชตอนนี้ทำให้หมอบีถึงกับโกรธจนตัวสั่นไปหมด กล้าดียังไงที่จะทรยศคนที่เพียบพร้อมแบบเธอแล้วไปหาคนชั้นล่างแบบนั้น
“อย่ามายุ่งกับพี่พายอีก แล้วก็เลิกคิดเองเออเองสักที”
พอร์ชตะคอกใส่หน้าเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กอย่างไม่ไว้หน้า ในเมื่ออีกคนกล้าล้ำเส้นมาก่อนเค้าก็ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทเช่นกัน ร่างสูงสะบัดตัวเดินออกมาโดยไม่สนใจเสียงเรียกจากอีกคนแม้แต่น้อย
“พอร์ช!”
—-------
“พี่พาย!”
“หมอพอร์ช…”
พายที่กำลังเก็บของเตรียมกลับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังๆจากด้านหลัง ไม่ต่างจากพยาบาลคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ที่ต่างหันมามองกันเป็นตาเดียวเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียกพาย หมอพอร์ชที่แทบไม่เคยทักทายหรือพูดคุยกับพายเลยสักครั้งมีเรื่องอะไรถึงได้ทำท่าทางโมโหหนักขนาดนั้น
“มานี่ครับ”
“ดะ เดี๋ยวสิ! หมอพอร์ชนี่มันในโรงพยาบาลนะ”
พายที่ยังไม่หายตกใจดีถึงกับเบิกตากว้าง เมื่ออีกคนเข้ามาจูงมือเธอเดินออกไปท่ามกลางสายตาของคนในแผนกที่สงสัยใคร่รู้สุดๆ จนแทบลืมว่าจะรีบกลับบ้าน
“ช่างสิ”
พอร์ชตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยังคงจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตามไปที่ห้องพักตัวเองโดยไม่สนว่าใครจะมองมาทั้งนั้น ขณะที่พายหันมองซ้ายขวาไปตลอดทางด้วยความไม่สบายใจแล้วเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่วแม้รู้ว่าหมอพอร์ชคงไม่ฟังก็ตาม
“พอร์ช…”