บทที่ 7 ยั่วฉันทำไม?!
...ต้องหาที่ลง...
นั่นคือสิ่งเดียวที่ลิปดาคิดขณะที่เขากำลังแต่งตัวเตรียมที่จะออกไปข้างนอก เวลานี้เขาไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือหรือเขียนรายงานอะไรทั้งสิ้น จะให้ออกไปนั่งประจันหน้ากับยัยเด็กขี้ยั่วนั้นก็ใจไม่แข็งพอ เขาเลยคิดว่าจะออกไปดื่ม ดื่มให้เมาแล้วหิ้วผู้หญิงสักคนเข้าโรงแรมเพื่อระบายความอัดอั้นที่มีเต็มอก
“คุณหมอจะไปไหนเหรอคะ?” จริงใจเดินเข้ามาถามร่างสูง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอก
“ฉันต้องรายงานเธอด้วยหรือไง?” เขาเลิกคิ้วถามกลับ
“ต้อง...หรือไม่ต้องก็ได้ค่ะ แต่แค่หนูอยากรู้ว่าคุณหมอจะไปไหน ฮิๆ” เด็กสาวฉีกยิ้มกว้าง
“ตลกเหรอ?”
“นิดหน่อยค่ะ แหะๆ” ยังมิวายที่เธอจะกวนประสาทเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
“ฉันจะกลับดึก หรืออาจจะไม่กลับ วันนี้เธอเข้าไปนอนในห้องก็ได้ แต่ห้ามทำบ้านฉันรก กินอะไรก็ต้องเก็บ เธอไม่ได้มาอยู่ที่นี่ในฐานะแขก...ฉันจะไม่เก็บกวาดขยะที่เธอสร้าง”
“ค่ะ...” จริงใจเบะปากก้มหน้างุด รับคำเขาอย่างว่าง่าย
“อ้อ! แล้วก็อีกอย่าง...เมื่อคืนน่ะ ฉันไม่ได้ร้องไห้...เพราะงั้นเลิกใช้สายตาสงสารกับฉันได้แล้วยัยเด็กบ้า!” สิ้นคำนั้นคุณหมอก็ออกไปจากห้องในทันที
นานมาแล้วที่ลิปดาไม่ได้มาเหยียบสถานที่อโคจรที่เรียกว่าผับหรือร้านเหล้า เขาไม่ได้ออกมาสังสรรค์กับเพื่อนๆ เป็นเวลานาน เนื่องจากงานที่โรงพยาบาลค่อนข้างหนัก แถมยังต้องศึกษาต่อเฉพาะทาง และการมาในวันนี้ของเขาก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนสมัยเรียนไฮสคูลไม่น้อย
“เหยด...วันนี้หิมะตกแน่ๆ ไอ้เชี่ยลิปมันถึงมาแดกเหล้ากับพวกเราได้” รายแรกที่เอ่ยแซวในตอนที่ลิปดาเดินมานั่งที่โซนวีไอพีนั้นก็คือ นาวิน นักธุรกิจหนุ่ม ที่ควบตำแหน่ง 50 หนุ่มน่ากอดแห่งปี สามปีซ้อน
“หึ! เดี๋ยวพอโรงพยาบาลโทรมามันก็ต้องไป...แล้วจะมาให้เสียเวลาทำไมวะ?” ส่วนนี่ก็คือ เรียว ผู้ที่ซึ่งเพื่อนๆ รู้ดีว่าไม่สามารถพูดเรื่องอาชีพของเขากลับใครๆได้ เพราะมันคือความลับระดับประเทศ
“กูว่าวันนี้มันคงอยากเมา...ดูหน้ามันสิ เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ” และสุดท้ายก็คือ มหรรณพหรือหมอก อาจารย์หนุ่มสาขาวิชาออกแบบภายใน
พวกเขาทั้งสี่คนเป็นเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่ไฮสคูล จนถึงตอนนี้ที่ต่างคนต่างแยกกันไปมีหน้าที่การงานที่ดี ไม่มีใครแพ้ใคร แต่เมื่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ พวกเขาจะรวมตัวกัน...ซึ่งเป็นแบบนี้เสมอมา สาวๆรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างก็รู้จักและขนานนามให้กับพวกเขาว่า...สี่จตุรเทพ แห่ง เอสไอที ไฮสคูล
“แซวเก่งกันจังนะ ว่าแต่กู...มึงอ่ะตัวดีเลยไอ้เชี่ยเรียว...สายเข้าเมื่อไหร่ ฮอล์ก็ลงจอดรับมึงทันที จากนั้นมึงก็จะหายไปเป็นเดือน เป็นตายเท่ากัน...หึ! อย่าให้ถึงวันที่กูต้องผ่าตัดอกมึงก็แล้วกัน” ลิปดาแสยะยิ้มจ้องหน้าเพื่อน
“สัด! แช่งกูทำไม? พรุ่งนี้กูก็ต้องไปแล้ว...! วันนี้เลยจะเมาทิ้งทวน” เรียวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“สรุปคือมึงจะไม่บอกพวกกูเหรอว่าทำไมวันนี้มึงถึงโผล่มาได้?” หมอกเอ่ยถามพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เบื่อๆ” แล้วลิปดาก็ตอบเพียงสั้นๆ
“ยาวกว่านี้หน่อยเพื่อน” นาวินว่า
“เบื่อๆ เบื่อๆ เบื่อๆ”
“กวนตีนเก่ง! เดี๋ยวพ่อจะฟาดหน้าให้” นาวินเงื้อมือใส่ลิปดา
“เอาเหล้ามาดิ! มึงจะให้กูมานั่งมองพวกมึงแดกหรือไง?!” ลิปดาถลึงตาใส่เพื่อนๆ
“ครับๆ คุณหมอครับ...” แล้วหมอกก็จัดการชงเหล้าสุดเข้มให้เพื่อน
“ทำเป็นเฉไฉ กูรู้ว่ามึงมาทำไม...” เรียวแสยะยิ้มร้าย
“อะไรของมึง?”
“ของมึงขึ้นเพราะต้องอยู่ร่วมบ้านกับเด็กน้อยล่ะสิ”
“เฌอร์เล่ามึง?”
“เออ...วันนี้กูเข้าไปหาเฌอร์มา” เหนือสิ่งอื่นใด อาชีพที่เรียวทำนั้นคือการแบกรับทุกอย่างไว้กับตัว เขาจึงมีภาวะเครียดสูง จึงต้องปรึกษาจิตแพทย์อย่างหมอเฌอร์อยู่บ่อยๆ เลยสนิทกันระดับหนึ่ง
“อะไรวะ? กูพลาดอะไรไป เล่าเลยไอ้เชี่ยลิป!” นาวินคะยั้นคะยอเพื่อน
“นี่กูหนีเด็กบ้ามาเจอพวกขี้เสือกหรือไงวะเนี่ย?!” ว่าแล้วลิปดาก็ยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวหมด
“ไม่ต้องลีลา เล่ามาไอ้สัด!”
“เออๆ” สุดท้ายลิปดาก็ต้องเล่าเรื่องของจริงใจให้เพื่อนๆ ฟัง ซึ่งแน่นอนว่ากับเพื่อนๆ กลุ่มนี้ เขากล้าที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดรวมถึงความคิดและสิ่งที่เขากระทำด้วย
“ฮ่ะๆๆๆ ไอ้เชี่ย! ฮาว่ะ!” แล้วนาวินก็หัวเราะลั่น
“กูล่ะอยากเห็นหน้าน้องสาวที่ทำให้มึงทุบท้องตัวเองจริงๆ” เรียวเองก็ชอบใจไม่น้อย
“ถ้ามึงพลาดนี่จบเลยนะไอ้ลิป” ส่วนหมอกก็ออกปากเตือนเพื่อน
“จบอะไรวะ? เด็กมันยั่วก็ต้องจัดหนักๆ สักดอก...!” นาวินเห็นต่าง
“แต่มันผิดไง...น้องมันอายุสิบแปดเองนะ...แล้วถ้ามึงไม่คิดจะจริงจัง กูก็ว่าอย่าเริ่มเลย” อาจารย์หนุ่มยังคงให้ความสำคัญกับม่านประเพณี
“กูว่ามันไม่เห็นจะเสียหาย เผลอๆ เด็กคนนี้อาจจะทำให้มึงลืมลลิลก็ได้ มึงจะได้มีความสุขสักที” เรียวดูจะมีเหตุผลที่สุด ไม่ได้ดีจนขาวเวอร์และไม่ได้เลวจนดำ เขานั้นคือสีเทาๆ
“พวกมึงหยุดพูดเลย กูมาหาพวกมึงก็เพราะอยากจะเอายัยเด็กหน้ามึนนั่นออกจากหัว ไม่ใช่มาทำให้ฝังหัวหนักกว่าเดิม...” ลิปดากระดกเหล้าเข้าปากจนหมดอีกครั้ง
“ลองฝังหัว...เข้าร่องสดๆ ดูหน่อยก็ดี มึงแห้งมานานแล้วนี่” นาวินยังไม่ยอมหยุด
“ไอ้สัดวิน! มึงนี่พูดจา...” หมอกส่งสายตาตำหนิ
“เชี่ยหมอก! มึงเกิดผิดยุคหรือเปล่าเนี่ย?! สมัยนี้แล้ว...หญิงชายเอากันโดยไม่ต้องรู้จักชื่อด้วยซ้ำ!” นาวินเริ่มโวยวาย
“เห็นด้วย...ก็แค่เอา...เอาแล้วก็แยก...แล้วก็กลับมาเอากันใหม่...คนเรามันจะอะไรนักหนาวะ กิน ขี้ ปี้ นอน แค่นี้ก็จบแล้ว จะทำให้ชีวิตมันยากทำไม?” ส่วนเรียวก็เห็นด้วยกับเขา
“เพราะพวกมึงไม่เคยรักใครไง...ทุกอย่างมันเลยง่าย” หมอกแสยะยิ้ม
“ลืมไป...เราคุยอยู่กับพ่อม่ายนี้หว่า...โทษๆ ว่ะเพื่อน” ใช่แล้ว...หมอกนั้นเพิ่งหย่าขาดจากภรรยาสาวเมื่อไม่นานมานี้เอง
“พวกมึงไม่ต้องเถียงกัน...กูจะไม่มีวันแตะต้องเด็กคนนั้นแม้แต่ปลายเล็บ...แค่จูบกันครั้งเดียวก็เกินพอ” แล้วลิปดาก็ตัดจบ สรุปเรื่องราวด้วยตัวเองว่าเขาไม่มีวันพลั้งมือเป็นอันขาด
ร่างเมามายเปิดประตูเข้ามาในห้องคอนโด ตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว ทีแรกเขาคิดว่าจะหิ้วผู้หญิงสักคนเข้าโรงแรม แต่ไปๆ มาๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจ...เพราะมันไม่ใช่ใครก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็เลือกเยอะอยู่เหมือนกัน
และเพราะเขาเมาหนักจนลืมเลือนไปเสียทุกอย่าง หอบความเมามายนั้นเดินเข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อถอดกางเกงจนเหลือไว้เพียงบ็อกเซอร์แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แต่เพราะเขาลืม
...ลืมจริงๆว่าเขาอนุญาตให้จริงใจเข้ามานอนในห้อง...เขาเลยทิ้งตัวลงไปนอนทับร่างบางอย่างแรง
“อ๊ะ! กรี๊ดดดด!” เด็กสาวตกใจตื่น ก่อนจะร้องกรี๊ดด้วยความกลัว
ส่วนคุณหมอหนุ่มก็นิ่งอึ้ง ภาพของเด็กสาวตรงนั้นเรียกสติของเขาให้กลับคืนมาเล็กน้อย...
“ฮึก! คะ...คุณหมอ?” เด็กสาวนิ่วหน้าตกใจ
พรึ่บ!
คุณหมอหนุ่มค่อยๆ ดึงผ้าห่มออกจากร่างบาง...เขาจ้องเรือนร่างเปลือยเปล่าไม่วางตา ทั้งขาวเนียน...ทั้งอวบอิ่มและเต่งตึง สองเต้าโตเกินวัยก็ชี้หน้าเขาอยู่ แล้วยังจะท่านั่งแหกขาจนเผยเนินสามเหลี่ยมอวบอูมที่มีขนรำไรนั้นอีก...
อึก!
ลิปดากลืนน้ำลายฝืดลงคอ ขณะที่จริงใจกำลังก้มหน้างุดอย่างเขินอาย
“นะ...ไหนคุณหมอบอกว่าจะไม่กลับไงคะ?” เธอเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“...” แต่เขากลับไม่ต้องอะไร ยังคงจ้องเรือนร่างของเธอด้วยสายตาหลงใหลและโหยหา
“หนู...ไม่รู้ว่าคุณหมอจะกลับ...ก็เลยเข้ามานอนในห้อง...คุณหมอเป็นคนพูดเองจะมาโกรธหนูไม่ได้นะคะ” ถึงจะกลัวเขาโกรธแต่ก็ยังต้องแจกแจงเหตุผล
“แล้วแก้ผ้าทำไม?” เขาถามกลับ
“ก็...หนูไม่ชอบใส่เสื้อผ้านอนนี่! คุณหมอ...อย่ามองสิคะ” เด็กสาวใช้มือเล็กปิดส่วนต้องห้ามของตัวเองเอาไว้
“ยั่วฉันทำไม? อยากให้ฉันทำจริงๆ หรือไง?” เขาจ้องสองเต้านิ่ง
“หนูไม่ได้ยั่ว...”
“เธอยั่ว!”
“เปล่านะคะ!”
“ไหนว่าจะให้ทุกอย่างที่ฉันต้องการไง?” ว่าแล้วคุณหมอก็ดึงมือบางของเด็กสาวให้ออกจากเนินสวาทของเธอ
“อ๊ะ! คุณ...หมอ...”
“ตอบมา!” เขาตะคอกเสียงแข็ง
“แล้วคุณหมอต้องการอะไร?”
“หึ! เอาเธอไง...ฉันอยากจะเอาเธอจนแทบทนไม่ได้แล้ว!” สิ้นคำนั้นร่างสูงก็ขึ้นคร่อมร่างเล็กเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ให้ฉันไหม?” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงแกมบังคับ
“ไม่รู้ค่ะ...” เด็กสาวกัดปากแน่น แก้มแดงจนลามไปถึงใบหู
“ต้องให้! เพราะต่อไปนี้ฉันจะเป็นเจ้าชีวิตเธอ!” แล้วคนเอาแต่ใจก็ยัดเยียดจูบอันเร่าร้อนให้แก่เด็กสาวในทันที...
