บทที่ 5
คีตภัทรเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถเบาๆ เป็นการฆ่าเวลาขณะรอมารดา นัยน์ตายาวรีคมกริบของเขา มองที่บ้านเรือนไทยหลังนี้แล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ เขาไม่เคยเห็นด้วยเลยที่มารดา มาหลงงมงายเรื่องพวกนี้ แถมยังลากพาน้องสาวเขามาเสียด้วย
“มาแล้วลูก”
มารดาส่งเสียงมาก่อนตัว ทำให้คีตภัทรตื่นจากภวังค์ เขาหันไปยิ้มให้คิ้ม และภาสวรรณ พร้อมกับปลดล็อคประตูให้
“ช้าจังครับม้า”
คีตภัทรทัก และเริ่มสตาร์ทรถ ภาสบิดารอพวกเขาอยู่ที่ร้านอาหาร ที่จองไว้เป็นพิเศษ เนื่องจากโอกาสพิเศษของครอบครัว คือวันนี้เป็นวันครบรอบการแต่งงานของภาสและคิ้ม หากแต่มารดาก็ยังเลือกจะมาที่นี่ก่อน คิดแล้วคีตภัทรก็หน้ามุ่ย วันนี้ทุกคนตกลงกันในครอบครัวว่า จะเตรียมมอบของขวัญพิเศษให้กันและกัน ที่เลือกวันนี้ เพราะเป็นวันเริ่มต้นของครอบครัว ประเพณีประจำครอบครัวที่คิดขึ้นโดยภาส จัดขึ้นทุกปีไม่มีขาด วันนี้มารดาทำท่าจะลืมเสียแล้ว เพราะเขาได้ยินแต่ชื่ออาจารย์โผน เล็งไม่พลาดนี่ มาเกือบเดือนแล้ว นับแต่มารดาประสบอุบัติเหตุตกบันได
“ทำหน้ามุ่ยเชียวอาคีย์ รอแค่นิดหน่อยเองหน่อ”
คิ้มเย้าบุตรชาย ที่นั่งหน้าบูดทำหน้าที่ขับรถ ทำไมคิ้มจะไม่รู้ว่าสามีและบุตรชายไม่ชอบที่นางมาที่นี่ แต่ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ เพราะเจอมาแล้วกับตัวเอง ตัวภาสวรรณเองค่อนข้างจะหัวอ่อน ไม่ค่อยขัดใจมารดาเท่าไหร่ เรียกได้ว่า พูดอะไรก็พูดตามกัน จะให้ทำอะไรภาสวรรณไม่ค่อยขัดนัก ต่างกับบุตรชายคนโต ที่แม้แต่นางเอง บางครั้งก็เกรงเขา เพราะคีตภัทรเป็นคนนิ่ง และดื้อเงียบ ถ้าสิ่งไหนเขาไม่ชอบ แม้จะบังคับกัน แต่ลงท้ายบุตรชายก็ไม่ยอมทำอยู่ดี
“ม้าลืมนัดของพวกเราแล้วเหรอครับ ถึงมาอยู่ที่นี่เพลินเลย ป๊าไปรอที่ร้านก่อนแล้ว”
“แหม...” คิ้มจับแขนบุตรชายเบาๆ แล้วยิ้มจนตาหยีให้
“ใครจะลืมวันสำคัญของครอบครัวเล่าอาคีย์ ม้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จริงไหม อาหมวยเล็ก”
ประโยคหลังเธอหันมาขยิบตากับภาสวรรณ ที่แอบอมยิ้ม เพราะเธอเป็นคนไปจัดการเรื่องของขวัญเองทุกอย่าง แถมเตี๊ยมกับมารดาเรียบร้อยว่าจะทำเซอร์ไพร์ส ก็เลยเอาของขวัญไว้ที่บ้าน แท้ที่จริงแล้วมารดาลืมสนิทนั่นเอง เพราะใจมัวแต่จะพาลูกสาวมาสะเดาะเคราะห์ และมาแอบดูดวงเนื้อคู่ให้บุตรชาย
“จริงค่ะหม่าม้า พี่คีย์ไม่ต้องงอนพวกเราหรอกน่า ใครจะลืมได้กัน รีบไปกันเถอะ ป่าป๊ารอแย่แล้ว”
“เอ๊ะ! แล้วเสื้อไปโดนอะไรมาน่ะอาคีย์ เลอะเป็นคราบเลย”
คิ้มเพิ่งสังเกตเห็นคราบสีน้ำตาลจางๆ บนเสื้อบุตรชาย คีตภัทรก้มลงมอง ก่อนจะยักไหล่ ใจไพล่นึกไปถึงคนทำ แล้วอมยิ้ม และตอบมารดาว่า
“โดนกาแฟหกใส่นะครับม้า”
คิ้มถึงกับตาโต ก่อนจะรีบถามบุตรชาย ตามประสาแม่ผู้หวงและห่วงลูกมากว่า
“ไอ้หย่า! ร้อนหรือเปล่าน่ะอาคีย์ กาแฟร้อนหรือกาแฟเย็น”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ นิดหน่อยเองครับม้า”
คีตภัทรว่า ขณะที่คิ้มเริ่มนึกไปถึงคำทำนายเมื่อครู่ อาจารย์โผนบอกให้ลูกชายเธอระวังน้ำ ตายล่ะ! แม่นราวตาเห็น
“อาจารย์นี่แม่นจริงๆ นะ อาคีย์ ม้านับถือท่านมาก ท่านว่าคีย์จะมีเคราะห์เกี่ยวกับน้ำ โห... แม่นมากๆ”
คีตภัทรถึงกับส่ายหน้าช้าๆ ในความเชื่อของมารดา ไม่ได้พูดขัดอะไรขึ้นอีก ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถ ไปให้ถึงสถานที่นัดพบโดยไว เพราะไม่อยากให้บิดาคอยนาน
ตลอดทางน้องสาวชวนเขาคุยเจื้อยแจ้ว เกี่ยวกับเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ขณะที่คิ้ม ปรกติจะเป็นคนนำการสนทนาและมีส่วนร่วมด้วยทุกครั้ง วันนี้กลับเงียบกว่าที่เคยเป็น หลังจากที่เห็นคราบกาแฟบนเสื้อบุตรชายแล้ว นางก็ยิ่งเชื่อมั่นในคำพูดของอาจารย์โผน แห่งสำนักม้าทรงดาวหางมาก อาการของมารดาที่เงียบผิดปรกตินี้ สองพี่น้องไม่ได้สังเกตเพราะมัวคุยกันเพลิน
‘เนื้อคู่อาคีย์เป็นคนไม่ใกล้ ไม่ไกล ไม่ใกล้ไม่ไกล’
คิ้มได้แต่คิดประโยคนี้กลับไปกลับมา และหมกมุ่นมากจนแทบจำไม่ได้ว่า ได้ของขวัญอะไรบ้างจากลูกๆ และสามี อาหารวันนี้อร่อยไหม คิ้มจริงจังมากทีเดียว กับการไปดูเนื้อคู่มาวันนี้ให้คีตภัทร
“เป็นอะไรม้า”
ภาสหันมาถามภรรยา หลังจากอาบน้ำเสร็จ ท่าทางนางเหมือนจะบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ขนาดว่าวันนี้วันพิเศษของครอบครัว ก็ดูเหมือนว่าคิ้มจะใจลอยๆ
“เปล่าหรอกอาป๊า” คิ้มฝืนยิ้มตอบสามี แล้วมานั่งข้างเขา
“ของขวัญของม้า ถูกใจอาป๊าไหม”
“ถูกใจสิ เมียซื้อให้นี่นา”
ภาสตอบเสียงกลั้วหัวเราะ แล้วโอบภรรยาเบาๆ หากแต่คิ้มก็เริ่มใจลอยอีกแล้ว จนเขาต้องขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรน่ะ ม้าเห็นใจลอยๆ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า กลุ้มอกกลุ้มใจเรื่องอะไร หรืออาจารย์โผนของม้าบอกว่ามีเคราะห์อีก” ภาสแกล้งกระเซ้า ทำเอาภรรยาค้อนขวับ ก่อนจะตีแขนเขาเบาๆ
“อาป๊า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ม้าเอาดวงลูกชายเราไปให้ดู อาจารย์บอกนะว่าอาคีย์ จะมีเนื้อคู่มาปีนี้แหละ”
“หืม?”
ภาสเลิกคิ้ว พลางส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจกับภรรยา เรื่องความเชื่อเรื่องโชคลาง
“อย่าไปยุ่งกับลูกชายเราเลย ตาคีย์น่ะ ถึงเวลามันก็หาสะใภ้มาให้เราเองแหละ”
“ไม่ยุ่งได้ไงอาป๊า จะสามสิบอยู่แล้ว เพื่อนฝูงก็เป็นฝั่งเป็นฝาไปหมดแล้ว แม้กระทั่งอาชิน ที่อาคีย์ชอบบอกกับม้าว่า จะอยู่เป็นเพื่อนกัน ยังแต่งงานไปแล้วเลย”
“อย่าไปยุ่งเรื่องของเด็กมันเลย”
ภาสยังคงย้ำอีกรอบ เลยโดนภรรยาค้อนเอาขวับ ก่อนจะเม้มริมฝีปาก เป็นอันรู้กันล่ะว่า คราวนี้งอนแน่ๆ ภาสเลยถอนใจ พลางขึ้นเตียงไปสวดมนต์ไหว้พระ แล้วหันหลังนอนเสียเลย ปล่อยให้คิ้มยังคงนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กับคำทำนาย
‘คนไม่ใกล้... ไม่ไกล... คนไม่ใกล้... ไม่ไกล’
“มานอนเถอะน่าม้า ยุ่งเรื่องตาคีย์แล้วเครียด ก็ชวนพวกเพื่อนๆ ใกล้ๆ นี่มาเล่นไพ่นกกระจอกแก้เครียดไป๊ จะได้ไม่ต้องว่างมาก”
ภาสว่า เมื่อทำท่าว่าจะหลับแล้ว แต่ภรรยาก็ยังไม่ยอมนอนสักที จนเขาต้องตะโกนเรียกให้มานอน
“เพื่อนๆ ใกล้ๆ ไอ้หย่า ! คิดออกแล้ว ใช่แน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ ขอบใจมากนะอาป๊า ม้าคิดออกแล้วว่าลูกสะใภ้ของเราอยู่ที่ไหน หึ หึ”
คิ้มว่าก่อนจะกระวีกระวาดเดินไปที่โซฟาตัวเล็กที่อยู่ปลายเตียง นางคว้าโทรศัพท์ และเริ่มโทรหาเพื่อนสนิทรายแรก ที่นึกออกว่ามีบุตรสาว ท่ามกลางความงงของสามี ที่ลุกขึ้นนั่ง พลางทำตาปริบๆ
“ชาติเหรอ คิ้มเองนะ เอ่อ... จะโทรถามหน่อย เกี่ยวกับลูกสาวของลื้อนะ”