บทที่ 3
“เบญกลัวว่าใครจะหาว่าเบญ เอ่อ...อยากก้าวหน้าเลยจับคุณ”
“เหลวไหลน่าเบญ”
คีตภัทรส่ายหน้าช้าๆ มือเขาจับมือนิ่มมาบีบเบาๆ พลางเอามันแนบแก้ม สายตาคมกริบมองเธอด้วยประกายตามุ่งมั่น พร้อมกับย้ำคำพูด ที่ทำให้คนฟังอดปลาบปลื้มใจไม่ได้
“ผมคบกับเบญ เพราะตัวเบญ เบญก็รู้นี่ครับ เบญไม่เคยมาหลอกลวงผมเลย แม้แต่น้อย ผมรักที่เบญเป็นเบญ ใครจะว่าอะไร ผมก็ไม่เห็นสนใจ”
“ขอเวลาสักหน่อยนะคะ”
เบญญาภาว่าเสียงอ่อย ยังไงเธอก็ไม่อยากให้เกิดการนินทา จนเธอทำงานแบบไม่สบายใจ ตัวของผไท ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทด้วย เบญญาภาไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหา หากแต่คนอื่น เธอคงจะทนไม่ได้ถ้าโดนนินทา หรือกระแนะกระแหน ภูมิต้านทานด้านนี้ของเธอต่ำเสียด้วยสิ เธอคงทำงานแบบไม่มีความสุขแน่ๆ งานนี้เป็นงานที่เธอรักมากเสียด้วย
“ตามใจเบญ แต่เย็นนี้ให้ผมไปส่งนะ” คีตภัทรว่า
“พี่บอมจะกลับมาแล้วน่ะสิคะ”
คำพูดถึงพี่ชายของเธอ ทำเอาคีตภัทรอดใจเต้นไม่ได้ บอม หรือ บุรารักษ์ พี่ชายของเบญญาภา แค่นึกเขาก็อดรู้สึกครั่นคร้ามไม่ได้ แม้จะไม่เคยกลัวใคร แต่ต้องยกบุรารักษ์ไว้คน เขาก็พร้อมจะสู้เพื่อคนที่รักหรอกนะ แต่คงต้องค่อยเป็นค่อยไป คนอย่างบุรารักษ์ สัญชาตญาณบอกเขาว่า ถ้าเขาชนด้วย หมอก็คงชนแบบเละกันไปข้าง คนบ้าดีเดือดแบบนั้น ต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ และสยบด้วยความอ่อนโยน เขาเคยเผชิญหน้ากับบุรารักษ์มาแล้วครั้งเดียว แต่ก็เป็นครั้งเดียว ที่จำกันไปนานเลยทีเดียว
“ขู่ผมหรือเปล่า” เบญญาภาส่ายหน้า ก่อนจะอมยิ้ม
“ไม่ได้ขู่นะคะ เบญเอาเจ้าแก่มาด้วย คุณไปส่งจะกลับยังไงล่ะ”
เธอหมายถึงรถโฟลค์คันเก่าของเธอ ที่เธอเรียกว่าเจ้าแก่ เพราะมันสามวันดีสี่วันไข้เหลือเกิน
“งั้นก็ตามใจ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
คีตภัทรว่าก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วตวัดคนข้างๆ เข้ามาในอ้อมกอดจนได้ พลางกดจมูกลงกับแก้มนวลดังฟอด แล้วกระซิบข้างหูเสียงเสียงทุ้ม
“ไม่ได้ไปส่ง ขอกู๊ดไนท์คิสตรงนี้ก็แล้วกัน”
“คุณคีย์ล่ะก็”
เบญญาภาผลักเขาออก ใบหน้าแดงเรื่อ ซึ่งเจ้าของอ้อมกอดก็ปล่อยเธอออกมาแต่โดยดี พลางทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเขา ก่อนจะโบกมือไล่เธอ ที่ยืนบิดด้วยความเขินเขาอยู่
“ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานแล้วนะครับ ถ้าเบญยังไม่กลับ อยู่กับผมต่อไหม ไม่ต้องกลับกันทั้งคู่ล่ะ”
“คนบ้า”
เบญญาภาเขินจัด เมื่อรู้นัยของคำพูดเขา เธอเดินแกมวิ่งไปที่ประตู อารามเขินปนรีบ ทำให้เจ้าตัวชนกับกระจกที่เป็นบานประตูดังโครม !
“เบญ เจ็บไหม”
คีตภัทรถึงกับรีบลุกขึ้นมาดูเธออย่างห่วงใย แรงชนทำเอาเจ้าตัวต้องลงนั่งเพราะมึน เธอส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหัวเราะแหะ แหะ
“ไม่หรอกค่ะ ชนหลายทีแล้ว ชักจะชิน”
“หึ หึ”
เขาอดหัวเราะขำเธอไม่ได้ นี่แหละ เบญญาภา ของแท้และแน่นอน ชายหนุ่มคิดในใจ และเปิดประตูให้เธอ ออกไปจากห้องทำงานของเขา เพราะชักจะไม่ไว้ใจตัวเอง ขืนปล่อยเธออยู่กับเขาสองต่อสองนานไปกว่านี้ มองตามหลังเธอที่เดินเซหน่อยๆ ก็อดอมยิ้มไม่ได้ คงจะมึนมาก เฮ้อ...
ชายหนุ่มทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ตัวนุ่ม พลางเอนหลังพิงผนัก แล้วอดนึกถึงหญิงสาวหน้าใส ที่พึ่งจากไปไม่ได้ เบญญาภา เธอเป็นรักแรกของเขา เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขากล้าจีบ เพราะทนเก็บความรักที่มีต่อเธอไว้ไม่ไหว เมื่อนึกถึงตรงนี้นัยน์ตายาวรีของเขา ก็เปล่งประกายไปด้วยความสุข บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ว่าชอบเธอตรงไหน เบญญาภาดูน่ารัก เวลาเจ้าตัวทำเปิ่นๆ แถมเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยเหมือนใครนัก บางทีเวลาเขินก็มักจะทำอะไรแปลกๆ ให้เขาได้หัวเราะอยู่เรื่อย
รอยยิ้มยังอยู่บนริมฝีปาก เมื่อนึกถึงเธอ สายตาเขาไพล่ไปที่กรอบรูปที่ตั้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู ภาพถ่ายวันแต่งงานของอชินและนิชญา เพื่อนรักของเขา แต่คนที่ถูกถ่ายกลับเป็นเขาและเบญญาภา ภายใต้ซุ้มดอกไม้สำหรับถ่ายภาพ รวมกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ที่อชินบอกช่างภาพว่าอยากได้ภาพเขากับลูกน้องคนสวย …
วันแต่งงานของอชิน เป็นวันที่เขาสารภาพรักกับเธอ เมื่อนึกถึงภาพตัวเองวันนั้นเขาก็อดหัวเราะขำไม่ได้ ที่ริมสระน้ำกลางแสงพระจันทร์ส่อง เขาลากเธอไปที่ริมสระที่ปิดแล้ว พร้อมกับช่อดอกไม้ที่เขาได้รับจากเจ้าสาว
‘คุณคีย์เอามาให้เบญทำอะไรคะ’
เขายังจำได้ว่าเธอหน้าตาตื่นมากขนาดไหนตอนเขายื่นดอกไม้ให้ แถมยังนึกว่าเขาจะเอาให้เธอไปทำงานอีกต่างหาก เลยยิ่งทำให้เขาสารภาพรักกับเธอยากยิ่งไปอีก
‘ผมชอบคุณ รักเลยก็ได้ ผมจีบคุณไม่เป็น’
“หึ หึ”
เมื่อนึกถึงคำสารภาพรักของตัวเอง ก็ทำให้คีตภัทรอดนึกขำไม่ได้ เขาและเธอตกลงคบกัน ในฐานะคนรักมาหลายเดือนแล้ว เขายอมรับว่าเธอเป็นคนน่ารักมาก เขาอยากจะให้เธอเป็นคนที่เข้านอนและตื่นพร้อมกันในทุกเช้า ตลอดชีวิตของเขา แต่ติดอยู่ที่ บุรารักษ์ พี่ชายจอมดุของเธอ นึกแล้วเขาก็ถอนใจ เบญญาภารักพี่ชายมาก และเธอก็ต้องการเวลาในการศึกษาเขา คิดแล้วเขาก็เริ่มกลุ้มขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อนึกถึงบุรารักษ์ ปราการด่านหินของเขาเลยทีเดียว ถ้าเขาเข้ากับบุรารักษ์ไม่ได้ หรือบุรารักษ์ไม่ยอมรับ เบญญาภาก็คงไม่ยอมแต่งงานกับเขาแน่นอน เพราะเธอรักพี่ชายของเธอมาก เธอเล่าให้เขาฟังว่า บุรารักษ์เหมือนเป็นทั้ง แม่ พ่อ และพี่ชายสำหรับเธอในเวลาเดียวกัน บุรารักษ์เป็นครอบครัวทั้งหมดของเธอ และเขาเป็นคนที่สำคัญมากในชีวิตของเบญญาภา ถ้าพี่บอมไม่ เธอก็ไม่เหมือนกัน นี่แหละ คือสิ่งที่เขาหนักใจ คีตภัทรถึงกับถอนใจออกมาอีกรอบ เมื่อนึกถึงหน้าดุๆ ของบุรารักษ์
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มกดรับสาย ก่อนจะกรอกเสียงลงไปว่า
“ครับม้า”
“มารับม้าหน่อยนะอาคีย์ ม้าอยู่ที่สำนักอาจารย์โผน ป๊าไม่ว่างมารับ”
“เฮ้อ...ไปทำไมนะม้า”
คีตภัทรอดบ่นไม่ได้ สำนักอาจารย์โผนของมารดานั่น ก็คือสำนักทรงเจ้า ที่มารดาของเขาคิ้ม ยึดมั่นนัก แถมลากเอาภาสวรรณ น้องสาวเขาไปด้วยอีกคน เขากับบิดาเห็นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะห้ามสองสาวในบ้านไม่สำเร็จ
“ก็มาดูดวงให้ลื้อไงอาคีย์ แล้วก็มาผูกดวงให้อาหมวยเล็ก คราวก่อนอาจารย์บอกว่าเฉียดไปน้า เงาร้ายกำลังจะมาครอบงำ เลยเอาน้ำมนต์มาให้บูชา อภินิหารจริงๆ อาหมวยเล็กไม่เป็นอะไรเลย รอดปลอดภัย”
“จะเป็นอะไรได้ยังไง ก็มันไม่มีอะไรแต่แรกแล้ว” ชายหนุ่มพูดพึมพำ ปลายสายถึงกับย่นคิ้ว แล้วถามลูกชายซ้ำ
“อะไรนะอาคีย์”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวผมไปรับนะครับม้า”
ชายหนุ่มกล่าวตัดบท ขืนพูดยาวไปกว่านี้ มารดาคงได้พาเขาไปผูกดวงอีกคน โทษฐานกล่าวร้ายอาจารย์โผน จนมีสิ่งเลวร้ายมาครอบงำ