บท
ตั้งค่า

“อิ่มแล้วหรือ”

“อิ่มแล้ว” พูดจบก็เดินไปนั่งดูทีวีปล่อยให้ภรรยาจัดการเก็บโดยมีสร้อยเป็นคนช่วย

นิทราไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นให้เขา

“กินผลไม้หน่อยไหม”

ตอนนี้แม้จะแน่นแต่เพราะผลไม้ดูน่ากิน จึงไม่ปฏิเสธ เขานั่งกินผลไม้ไปดูละครไปด้วย แม้จะเป็นเวลากว่าห้าทุ่มละครก็ยังไม่จบทำเอาสร้อยต้องดูต่อเรื่องกำลังเข้มข้น นิทราเองก็นั่งถักนิตติ้งเพราะเห็นสามีสนใจละครเหลือเกิน

“ชอบเรื่องนี้หรือ” เห็นดูไม่กะพริบตาเชียว

พสุหันมามอง

“เปล่า ก็ดูไปงั้น” ที่จริงอาหารยังไม่ย่อยเขาเลยไม่อยากขึ้นไปบนห้อง ละครก็สนุกดีดูเพลินก่อนหันมาเห็นนิทรากำลังถักเสื้อ

“นั่นถักอะไร”

“ถักเสื้อ พสุชอบไหม”

เขาเกือบพยักหน้าแล้วแต่ต้องชะงัก

“ไม่ชอบ” ปฏิเสธเสียงแข็ง

นิทราก็หน้าหงอยลงไปทันที สร้อยที่ดูหนังหันมามองด้วยความไม่ชอบใจที่คุณเล็กว่าแบบนั้น

..พี่นิทอุตส่าห์นั่งถักทั้งวันมาพูดแบบนี้คนเขาเสียน้ำใจแย่

พสุนั่งกินไปได้สักพักก็ขึ้นห้องนิทรารอจนกว่าละครจบค่อยตามเขาขึ้นไป เห็นอีกฝ่ายกำลังอาบน้ำจึงหาผ้าห่มกับหมอนมานอนที่โซฟาจนกระทั่งเขาออกมาเห็นเธอล้มตัวลงนอน

“ทำไมไปนอนตรงนั้น” ถามด้วยความสงสัยเขาไม่ได้ไล่เธอไปอย่างแน่นอน ถึงไม่ชอบก็ไม่ได้ใจจืดใจดำให้ผู้หญิงไปนอนโซฟา

“มันสบายดี” เธอไม่อยากนอนกับผู้ชายที่ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นมา เรื่องนี้ยังโกรธไม่หายไม่อยากจะนอนใกล้เขาด้วยซ้ำ

“ตามใจ ดีเหมือนกันฉันจะได้นอนสบาย”

นิทราไม่ตอบพสุเลยเดินไปปิดไฟล้มตัวลงนอน ไม่นานทั้งสองก็จมอยู่ในห้วงนิทราด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน

จนกระทั่งเช้าวันถัดมา นิทราตื่นเช้าเช่นเคยเพราะต้องทำอาหารและไปใส่บาตรพร้อมมารดา พสุได้ยินเสียงนิทราอาบน้ำก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียมองนาฬิกาก็พบว่าเพิ่งตีห้าครึ่ง ไม่ใช่เวลาตื่นของเขาเลยนอนต่อ

“ไปไหนน่ะ” ได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาเขาก็ผงกศีรษะขึ้นถามทั้งที่ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น

นิทรายิ้มเอ็นดูเหมือนเขาเป็นเด็กน้อย

“ทำกับข้าวใส่บาตร ไปด้วยไหม”

พสุส่ายหน้าพลางล้มลงนอนอีกครั้ง ร่างบางยิ้มขำก่อนเดินลงมาข้างล่าง ช่วยแม่บ้านทำอาหารเช้าก่อนจะเดินไปหามารดาที่บ้าน ช่วยกันถือของมาใส่บาตรแต่เช้าเหมือนทุกวัน

..ดีที่เธอแต่งงานกับพสุบ้านอยู่ใกล้กันมาหาแม่ตอนไหนก็ได้

“วันนี้แม่งานเยอะไหม” ตักบาตรเสร็จเดินเข้ามาเก็บของภาย ในบ้าน

“ไม่หรอก ช่วงนี้ไม่ค่อยมีงานเท่าไหร่” เห็นจะจริงอย่างที่ว่าเพราะห้องดูเรียบร้อยเหมือนไม่ได้ใช้งานหนัก

นิทราช่วยแม่เก็บกวาดห้องครัวสักพักแล้วค่อยเดินกลับบ้านใหญ่มาทันพอดีกับที่ทุกคนกำลังรับประทานข้าวอยู่หญิงสาวชะงักเมื่อเจอใครอีกคนนั่งตรงกลางระหว่างพสุและภมร

“มากินข้าวหนูนิท” คุณดิลกชวนลูกสะใภ้นิทรายิ้มตอบรับแล้วเดินมานั่งข้างคุณวรรณนภา

..วันนี้พสุแต่งตัวเรียบร้อยคงจะเข้าบริษัท

“ลินขอมาฝากท้องด้วยนะวันนี้” ลินดาเอ่ยทักเพราะรู้ว่าอาหารเช้านิทราเป็นคนทำ เธอยิ้มน้อยๆ “อาหารที่นิททำอร่อยจริงๆ” ลินดาเอ่ยชมไม่ขาดปาก

คุณวรรณนภาก็ชวนสาวตรงหน้าคุยเพราะสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

“เอาน้ำส้มคั้นมาสองแก้วนะ” พสุหันไปบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่

บรรยากาศบนโต๊ะดูกระอักกระอ่วนถ้าไม่ได้คุณผู้หญิงของบ้านชวนคุยคงเงียบ น้ำส้มสองแก้วมาเสิร์ฟตามที่คุณพสุสั่ง เขายื่นให้ลินดาที่นั่งข้างๆ อีกแก้วก็ดื่มเอง

“เราจำได้ว่าลินชอบ น้ำส้มอร่อยนะลองชิมดู” คำพูดนั้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไป

นิทราก้มหน้ากินข้าวต้มพยายามไม่สนใจ

“ขอบใจจ้ะ” พสุยิ้มให้คนข้างกายแล้วดื่มน้ำส้ม

ภมรพยายามข่มอารมณ์เอาไว้รู้ว่าน้องพยายามยั่วโมโหเขา ลินดาเองก็ทำอะไรไม่ถูกจึงยกน้ำส้มดื่มด้วยความอึดอัด ทั้งมองนิทราอย่างสงสารที่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่สนใจแต่แววตาฉายความเจ็บปวด เมื่อทานข้าวหมดสามคนก็ต้องไปทำงาน

“ลินไปกับเราไหม” พสุยังไม่ปิดสงครามครั้งนี้ เขาถามขึ้นเมื่อดื่มน้ำเสร็จ

“ลินจะไปกับพี่ ไปกันเถอะ” ภมรเอ่ยเสียงนิ่ง เขาหายใจเข้าออกเป็นจังหวะระงับความโกรธที่แล่นขึ้นมาเมื่อมองหน้าพสุแล้วอีกฝ่ายยิ้มมุมปากให้เขา แววตาเย้ยหยันเต็มที่

“ลินไปกับผมทุกครั้ง คราวนี้ทำไมต้องไปกับพี่” ถามอย่างยียวนเพราะรู้ว่าพ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องพี่ชายคบกับลินดา

ฝ่ายหญิงสาวก็นั่งนิ่งทำอะไรไม่ถูก แอบจับมือภมรไว้ให้เขาใจเย็น

“จะไปกับใครก็ให้หนูลินตัดสินใจเองเถอะ” คุณวรรณนภาเอ่ยขัดขึ้น มองบุตรชายทั้งสองด้วยความสงสัยไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ทำให้เกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้นได้

นิทราวางช้อนลงมองพสุด้วยแววตาตัดพ้อทำเอาคนถูกมองต้องเบือนหน้าหนี

“ลินว่าไง” เขาหันมาถามลินดาที่ยังคงนั่งนิ่ง เธอมองภมรก่อนจะหันไปบอกพสุ “ลินไปกับพี่ภมร”

..ในที่สุดเขาก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือกอีกเช่นเคย

ร่างสูงลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าและสูทเดินออกไปจากห้องอาหารทันที

นิทราลุกตามเขาไม่ลืมเข้าไปหยิบกล่องอาหารกลางวันให้เขาด้วย พสุหัวเสียเดินขึ้นรถท้องไส้ก็ดูจะปั่นป่วนเหมือนต้องการจะเข้าห้องน้ำตลอดเวลา

“เดี๋ยวพสุ ข้าวกลางวัน”

“ไม่เอา วันหลังไม่ต้องทำไม่ได้ ต้องการเลยสักนิด” เพราะหงุดหงิดจากเรื่องเมื่อครู่เขาใส่อารมณ์กับนิทราโดยไม่ได้ตั้งใจจนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดสำนึกด้านดีก็เริ่มทำงานบ้าง เขาอึกอักอยากยื่นไปรับแต่ก็ต้องกำมือไว้แน่น

..เขาต้องใจแข็งผู้หญิงคนนี้ทำให้ชีวิตเขาพังไม่ใช่หรือ

“เข้าใจแล้ว” มือบางลดกล่องลง มองหน้าเขาพยายามฝืนยิ้มให้ “ขับรถดีๆนะ” คำพูดเพียงประโยคเดียวกลับทำให้เขารู้สึกผิดเหลือเกิน

พสุมองอีกคนพยักหน้าช้าๆ ค่อยเดินไปยังรถของตัวเอง ขับออกไปมองกระจกหลังที่นิทรายืนโบกมือให้เขา แปลกที่แวบหนึ่งของความรู้สึกเขากลับยินดีที่มีคนมาส่งไปทำงานทุกเช้าแบบนี้ก่อนจะไล่ความคิดนั้นออกไป

..ผู้หญิงคนนั้นร้ายจะตายเขาจะใจอ่อนให้กับเธอไม่ได้เด็ดขาด

“ว่ายังไงนะ”

นิทราที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารชะงักเมื่อพบว่าบรรยากาศดูจะเคร่งเครียดไป

“ผมกับลินคบกันครับ” คุณวรรณนภาเอามือทาบอก่อนถามเสียงสั่น “นานเท่าไหร่แล้ว” ตอนนี้เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้า หากัน

“ก่อนพสุจะแต่งงานกับนิทครับ” ลินดาจับมือแฟนหนุ่มแน่นเพื่อให้กำลังใจ

บุพการีทั้งสองยังคงเงียบราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูก พสุไปมาหาสู่กับลินดาจนคิดว่าจะตกล่องปล่องชิ้นกันหากเรื่องกลับตาลปัตรเป็นลินดาคบกับภมรเสียอย่างนั้น

“เดี๋ยวแม่ขอเวลาทบทวนก่อนนะ”

..เพราะว่าสองคนนี้คบกันลูกชายเธอรู้เลยช้ำกินเหล้าเมาไม่ได้สติจนขืนใจนิทราต้องแต่งงานกันอย่างนั้นใช่ไหม

คุณแม่ที่ดูละครมาเยอะปะติดปะต่อเรื่องได้เป็นฉากก่อนถอนหายใจมองคู่ชีวิตของเธอ

“คุณว่าอย่างไรคะ”

อดีตประธานบริษัทนิ่งคิดมองหน้าชายหญิงรุ่นลูก

“จะว่าอย่างไรได้ล่ะ คบกันก็อยู่ในขอบเขตแล้วกันนะ”

เมื่อประมุขใหญ่ของบ้านเอ่ยภมรก็ยิ้มออกมาทันที เขาหันไปมองแฟนสาวของตนเองด้วยความปลาบปลื้ม

“ขอบคุณค่ะ คุณลุงคุณป้า” หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยไม่คิดว่าท่านจะเมตตาอีกครั้งหลังทำให้บุตรชายคนเล็กผิดหวังทั้งยังมาควงบุตรชายคนโตอีก

คุณวรรณนภายิ้มให้สาวอีกคนที่ตนเอ็นดู เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ท่านดูออกว่าลินดาไม่ได้ชอบพอกับพสุเกินไปกว่าเพื่อนมีแต่ลูกชายเธอเท่านั้นที่คิดไปฝ่ายเดียว

..โง่เหลือเกินลูกคนนี้ ไม่ได้ดั่งใจแม่ไปเสียทุกเรื่อง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำงานได้แล้ว จะสายเอา”

ทั้งสองจึงพากันลุกขึ้นเดินออกไปทำงาน นิทรายิ้มให้คู่รักด้วยความยินดี ไม่คิดว่าภมรกับลินดาจะคบกันอดสงสารพสุไม่ได้ที่ผิดหวัง

..เป็นอย่างนี้เองหรือวันนั้นเขาถึงได้เมามายเหลือเกิน

คิดก็อดสงสารไม่ได้ สงสารทั้งชายหนุ่มและตัวเธอเองที่ติดอยู่ในห้วงแห่งรัก ออกมายากเหลือเกิน

พสุนั่งทำงานได้สักพักก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ เป็นอย่างนี้ประมาณสี่รอบ หน้าเขาเริ่มซีดจนน่าเป็นห่วงดีที่เอกสารมีไม่มากเขาจึงคิดว่าจะกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานเพราะหากทนอยู่ต่อก็คงไม่ไหว มันปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งปวดหนักแล้วเหมือนจะอ้วกด้วย

จนกระทั่งเลขาสาวนำอาหารเที่ยงมาให้ก็สังเกตอาการของเจ้านายได้ เธอรีบพาเขาไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างทางพสุก็พยายามอดกลั้นไว้เหมือนจะปวดหนักตลอดเวลา เขาอ้วกออกมาระหว่างทางดีที่มีถุงพลาสติกไม่อย่างนั้นต้องได้อ้วกใส่รถแน่

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงโรงพยาบาล ทำเรื่องรอสักพักก็ได้เข้าตรวจ หมอต้องนำผลเลือดของเขาไปตรวจเพราะอาจติดเชื้อระหว่างนี้ให้พสุนอนรอที่ห้องตรวจก่อน

“ว่ายังไงตาใหญ่” คุณวรรณนภาที่กำลังนั่งดูละครอยู่กับแม่บ้านรับโทรศัพท์เห็นว่าเป็นลูกชายคนโต

“เล็กอยู่โรงพยาบาลนะครับแม่ หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษต้องนอนให้น้ำเกลือ” ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็ตกใจเสียยกใหญ่

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแม่ไปหาน้อง โรงพยาบาลไหนลูก” ลูกชายบอกรายละเอียดก่อนจะวางสายไป คนเป็นแม่ก็แสนจะเป็นห่วงรีบเดินไปบ้านข้างๆ ที่ลูกสะใภ้อยู่เพราะต้องช่วยงานตัดเย็บของคุณยลลดาถึงแม้จะไม่รีบแต่ก็ต้องทำไปเรื่อยๆ

เข้ามาภายในบ้านเห็นแม่ลูกช่วยกันทำตัดเสื้อก็รีบบอกลูกสะใภ้

“หนูนิทลูก ตาเล็กอาหารเป็นพิษตอนนี้นอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล”

ได้ยินอย่างนั้นนิทราก็ตกใจเป็นห่วงสามีของตนเอง ร่างบางเก็บของที่กำลังทำอยู่ในขณะนั้น

“แม่ให้แซมมารอที่หน้าบ้านแล้ว เราไปกันเถอะ”

นิทราไม่ได้เอาของอะไรไปมากมายนอกจากกระเป๋าเล็กที่ใส่เงินและโทรศัพท์เท่านั้น เธอก้าวขึ้นรถไปพร้อมกับคุณวรรณนภามีคุณยลลดาขึ้นไปด้วย หญิงต่างวัยทั้งสามมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลใกล้บริษัทที่วิจิตรประภาถือหุ้นอยู่ด้วย หากเมื่อถึงแล้วก็พบกับภมรที่รออยู่หน้าห้องกับคุณดิลกที่เข้ามายังบริษัทตอนสาย

“เป็นอย่างไรบ้างคะคุณ”

“อาหารเป็นพิษต้องนอนให้น้ำเกลือไม่เป็นอะไรมากหรอก”

แม้จะได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนเป็นแม่สบายใจได้เลยจนกระทั่งเข้าไปหาบุตรชายในห้องพิเศษเห็นอีกฝ่ายหน้าซีดก็ยิ่งสงสาร

นิทราเดินตามเข้ามาเป็นห่วงเขาเหลือเกินยิ่งใบหน้าหล่อคมที่มักจะมีสีแต้มอยู่เสมอตอนนี้ซีดอย่างน่าสงสารก็ใจสั่น เดินเข้าไปใกล้จับมือหนาเอาไว้

“แล้วทำไมท้องเสียหนักขนาดนี้นะ” คุณวรรณนภาลูบศีรษะบุตรชายเห็นหลับก็ไม่อยากกวนมากคงจะเพลียน่าดู

“นิทขอโทษนะคะที่ไม่ได้ดูแลพสุ” อดรู้สึกผิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นเพราะตนเองเขาจึงท้องเสีย นิทราจับมือเขาแน่นโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง หรือจะเป็นอาหารเที่ยงของเธอที่เสียก่อนเขาจะทาน หรือเพราะอาหารที่บ้านตอนเย็น

“ไม่เกี่ยวกับหนูหรอก ตาเล็กอาจจะไปกินอะไรผิดสำแดงที่ทำงานมา” คุณดิลกไม่อยากให้ลูกสะใภ้โทษตนเอง

“ใช่ ตาเล็กชอบกินไม่เลือก คงไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่เลยลูกชายคนนี้” ตอนเช้าก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรให้เห็นเลยสักนิด

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้วคุณดิลกและภรรยา เห็นว่าลูกชายไม่ได้เป็นอะไรมากจึงกลับไปพักผ่อนแล้วจะมาหาในตอนเย็น

นิทราอาสาเฝ้าเขาเองเผื่อตื่นขึ้นมาต้องการอะไร ทุกคนจึงกลับไปทำหน้าที่ของตนเองมีเพียงภรรยาที่นั่งเฝ้าสามีไม่ยอมห่าง จนกระทั่งเขาตื่นขึ้นในเวลาเย็น

“ขอน้ำ” ลืมตาขึ้นมาเขาก็มองซ้ายขวาเห็นนิทรานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาก็เอ่ยเสียงแผ่วเนื่องด้วยไม่มีแรงแม้จะเปล่งเสียงออกมา

นิทรารีบลุกขึ้นด้วยความดีใจนั่งเฝ้ามาหลายชั่วโมงจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมา หยิบเหยือกน้ำข้างเตียงรินใส่แก้วหยิบหลอดให้เขา

พสุที่ตอนนี้อยู่ในชุดโรงพยาบาลก็ค่อยๆ พยุงตัวขึ้นมาดื่มน้ำจนกระทั่งรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

“ดีขึ้นไหม”

อีกฝ่ายพยักหน้านอนลงตามเดิมรู้สึกหน่วงท้องแต่ก็ไม่ได้ปวดเหมือนครั้งแรก ไม่ได้รู้สึกอยากอ้วกแล้ว

“ฉันเป็นอะไร”

“อาหารเป็นพิษ ไปกินอะไรมาทำไมเป็นหนักขนาดนี้”

พสุนึกไปถึงอาหารเมื่อคืนที่เขากิน ข้าวกล่องของเธอนั่นเอง ตอนกินก็ว่ารสชาติมันแปลกแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อคืนเขาก็ปวดท้องหน่วงๆ เข้าห้องน้ำไปสองรอบจนกระทั่งมาออกอาการตอนเช้า

“ถามมาก รำคาญ” ไม่กล้าบอกว่ากินอาหารของเธอจึงพูดตัดบทแม้ใจจริงจะไม่อยากตอบแบบนั้นแต่ก็พูดไปแล้วจึงได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจเมื่อเห็นใบหน้าหวานหงอยลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel