บท
ตั้งค่า

ปวิชลาหญิงสาวพลางคิดในใจว่าถ้าเขาเป็นพสุคงรีบกลับบ้านมาหาเมียมากกว่าจะไปเที่ยวดื่มเหล้าเมากลับมาดึกดื่นขนาดนี้

“สร้อยบอกลุงแซมด้วยนะว่าให้รอรถคุณพสุ เดี๋ยวพี่ไปดูแลเขาก่อน” สาวใช้รับคำ นิทราเดินเข้าไปในบ้านกำชับสร้อยให้ปิดบ้านเพราะพสุกลับมาแล้วเธอก็เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อดูแลเขา

..ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องไปกินเหล้าเมาหลับขนาดนี้ เขาเกลียดเธอขนาดนั้นเลยหรือ ขึ้นมาบนห้องก็ถอดรองเท้าถุงเท้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่นึกรังเกียจ หยิบกะละมังใบเล็กกับผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กมาเช็ดหน้าให้เขา ถอดเสื้อเขาออกก่อนจะถอดกางเกงพยายามข่มใจไม่คิดอะไรมากจนร่างหนาเหลือเพียงบ๊อกเซอร์

“เฮ้อ ทำไมมันเหนื่อยจัง” ห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงมันเหนื่อยเหลือเกิน เธอเช็ดตัวให้เขาก่อนหาชุดนอนมาสวมให้อีกฝ่ายเสร็จแล้วก็ห่มผ้าให้ ดีที่วันนี้ไม่อ้วกตื่นมาคงจะแฮงน่าดู

นิทราหยิบเสื้อผ้าเขาไปไว้ในตะกร้าแล้วสะดุดกับปกเสื้อขาวที่มีรอยสีแดงอยู่ มือบางสั่นคลี่ดูก็พบว่ามันเป็นรอยลิปสติก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อคิดว่าเขาไปทำอะไรมาถึงมีรอยแบบนี้

“ฮึก” คนตัวเล็กทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมาจนสะอื้นตัวโยน ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาเพิ่งมีอะไรกับเธอ เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาแค่ระบายความใคร่ออกมา แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่ มันคือความรักที่เธอทำทั้งหมด “ทำไมทำแบบนี้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตากลมโตมองไปยังร่างที่นอนนิ่งบนเตียงแม้มันจะพร่ามัวเพราะมีน้ำตาเต็มหน่วยตา พยายามไม่ให้เสียงสะอื้นดังจนรบกวนเขาก่อนจะหยัดยืนขึ้นเดินไปยังถังขยะแล้วทิ้งเสื้อตัวนั้น

..ไม่มีทางที่เธอจะซักมันให้เขาแน่นอน

ร่างบางเดินไปหยิบผ้าห่มกับหมอนสำรองในตู้มานอนที่โซฟายาว ไม่อยากร่วมเตียงกับเขาก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้ากับการรอคอยเขา

นิทราลงมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรเป็นเพื่อนแม่ของตนเอง นิทราเข้าไปเก็บของก่อนจะกลับมายังบ้านหลังใหญ่ เธอทำซุปแก้อาการแฮงไว้ให้พสุที่ตอนนี้ยังไม่ลงมา

“เมื่อคืนตาเล็กกลับบ้านกี่โมง” หันไปถามสร้อยที่อยู่รออีกฝ่ายก็อึกอักไม่กล้าตอบพอดีกับนิทราเดินเข้ามาในห้องอาหารของบ้าน

“พสุยังไม่ลงมาหรือคะ” ไม่เห็นเขาบนโต๊ะอาหารก็เอ่ยถามขึ้น

“ยังเลยลูก ขึ้นไปดูหน่อยก็ดี”

ด้วยความเป็นห่วงนิทราจึงลุกขึ้นไปดูอีกฝ่ายบนห้อง เข้ามาก็ได้ยินเสียงอ้วกทันที ก่อนร่างสูงจะเดินออกมาด้วยความงัวเงีย ใบหน้าหล่อดูซูบเล็กน้อย ตอนนี้เขาสวมชุดพร้อมไปทำงานเรียบร้อยแต่เพราะต้องลงพื้นที่ดูตรวจงานจึงไม่ได้ใส่สูทไปเพียงแค่ชุดทะมัดทะแมงเท่านั้น

“ดื่มน้ำหน่อยไหม” รินน้ำข้างหัวเตียงให้ เขาก็ไม่ปฏิเสธรับมาดื่มอย่างเสียไม่ได้“ดีขึ้นรึยัง”

พสุไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น เมื่อคืนเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมาไปตอนไหนหรือกลับมายังไง ใครเป็นคนดูแลเขาเพราะตื่นมาก็อยู่ในชุดนอนแล้ว ปกติหากเมากลับมาแบบนี้แม่จะสวดเป็นชุดพอขึ้นมาเขาก็นอนด้วยชุดนั้นตื่นมาค่อยอาบน้ำ หากเมื่อคืนไม่ใช่ เขาจำอะไรไม่ได้คิดว่าคนที่ดูแลเขาคงเป็นหญิงร่างเล็กที่กำลังตรวจความเรียบร้อยของห้องอยู่เป็นแน่

“ลงไปกินข้าวเถอะ เราทำข้ามต้มไว้ให้” เห็นเขาไม่พูดอะไรก็ชวนซึ่งพสุก็ลงไปแต่โดยดี หยิบของทุกอย่างใส่กระเป๋าแล้วเดินตามนิทราลงมา ตอนนี้สติไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไหร่เพราะยังไม่หายจากอาการเมาค้าง

“ลงมาแล้วเหรอพ่อลูกชาย ต้องให้เมียไปตามถึงจะลงมาได้” แม่มองค้อนอย่างหมั่นไส้

พสุไม่ได้ตอบรับอะไรแค่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างพี่ชาย

“เมื่อคืนกลับมากี่โมง” แม่ใส่ทันทีที่นั่งลง เขายิ้มประจบเมื่อ คิดได้

“หกทุ่มครับแม่ พอดีติดพันนิดหน่อย”

สร้อยยกข้าวต้มมาเสิร์ฟให้คุณพสุพร้อมสมูทตี้ขิงกับส้มที่นิทราตื่นมาทำให้เขาแก้อาการเมาค้าง

“มีอะไรพันแข้งพันขาหรือไงถึงมาดึกขนาดนั้น” กระแหนะกระแหนลูกชาย คราแรกว่าจะรอเป็นเพื่อนลูกสะใภ้แต่รอไม่ไหวจึงขึ้นไปนอนก่อน

“แล้วนี่น้ำอะไรครับ” รีบตัดบทเพราะกลัวเทศนาชุดใหญ่จากมารดา ร่างสูงมองดูแล้วมีเพียงเขาคนเดียวที่ได้จึงเอ่ยถาม

“สมูทตี้ขิงผสมส้ม แก้อาการเมาค้างได้ ลองกินสิ” ดูเอาเถิดเมียแสนดีขนาดนี้จะหาได้จากไหนอีก

พสุถอนหายใจไม่อยากหยิบขึ้นดื่มแต่มองสายตามารดาก็จำยอมยกขึ้นดื่ม ก่อนจะพบว่ามันอร่อยดี ดื่มจนหมดแก้วค่อยรับประทานข้าวต้มกุ้งของชอบจนหมดชามคงเพราะหิวมากเขาขออีกชามทันที

“วันนี้นายไปดูงานหรือ” ภมรถามขึ้น

“ครับ”

สองพี่น้องที่ไม่ค่อยคุยกันทำให้คุณดิลกเกิดความสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรจนกระทั่งพสุอิ่มลุกขึ้นเดินออกไปนิทราก็ขอตัวตามไปส่งเขาถึงหน้าบ้าน

“ฉันกลับมายังไง” อดใจไม่ไหวเพราะสงสัย นิทราเดินมาที่จอดรถเป็นเพื่อนเขา

“ก็พสุเมาหนักมาก คุณปวิชเลยมาส่ง ส่วนรถคนที่ร้านเอามาส่งให้” เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะขึ้นรถแต่แขนหน้ากลับถูกรั้งไว้เสียก่อน

“อะไร” หันมาถามเสียงเข้ม

“ข้าวกลางวัน” ยื่นกล่องข้าวขนาดกลางให้เขา เธอแอบทำให้แต่เช้าแล้วก็หยิบมันมาให้เขาก่อนออกมา

พสุมองกล่องข้าวด้วยความรู้สึกแปลก ทำไมเขารู้สึกอบอุ่นแบบนี้เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนประถมที่ทั้งสองแลกข้าวกล่องกินด้วยกัน

“ขอบใจ” มือหนารับไว้ก่อนขึ้นบนรถ

“วันนี้กลับค่ำไหม” ก่อนเขาจะขึ้นไปนิทราก็รีบถามออกไป

พสุหันมามองหน้าเธอเกือบจะตอกกลับว่ายุ่งแต่พอเห็นแววตาฉายแววห่วงก็กลืนคำนั้นลงไปตอบเสียงแผ่ว

“ไม่แน่ใจ” นิทราพยักหน้ารับ พสุขึ้นรถสตาร์ทแต่แล้วกลับกระจก “ไม่ค่ำมากหรอก”

นิทราทำหน้างงจนกระทั่งรถออกไปไกลจึงยิ้มออกมา อย่างนี้ถือว่าเขาเริ่มใจอ่อนให้เธอได้หรือไม่นะ นิทราเดินกลับเข้าบ้านพอดีกับที่ภมรเดินออกมา

“หวานกันจังเลยนะ” เขาเอ่ยแซ็วน้องสาวอีกคน

“ไม่หรอกค่ะ” ตอบปฏิเสธแบบเอียงอาย

ภมรดีใจที่ทั้งสองเริ่มเข้ากันได้ คุยกันสักพักก็ขับรถไปรับลินดาไปทำงานด้วย

นิทราที่อยู่บ้านกับคุณวรรณนภานั่งถักนิตติ้งคิดไว้ว่าจะให้พสุใส่ช่วงหน้าหนาว ดีที่มีไซซ์เขาจากการตัดชุดเจ้าบ่าวแล้วเธอจำได้แม่นจึงนั่งถักเสื้อให้เขา ช่วงนี้มารดาไม่ค่อยได้รับงานหนักจึงไม่ได้ช่วย เธอขอตัวมาทำเสื้อให้สามีคุ

ณวรรณนภาก็เอ่ยแซ็วลูกสะใภ้

“ตาเล็กนี่โชคดีจริงๆ เมียทำเสื้อให้ใส่” เห็นลูกสะใภ้ตั้งใจทำก็เอ็นดูเหลือเกิน

นิทราเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แม่สามี

“เดี๋ยวนิททำให้คุณแม่ด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกลูก เหนื่อยเสียเปล่า แม่ใส่อะไรก็ได้ทั้งนั้น” เพราะไม่อยากให้นิทรานั่งหลังขดหลังแข็งทำหลายวันจึงเอ่ยปฏิเสธแต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอม

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เดี๋ยวนิทจะทำให้ คุณแม่ชอบสีไหนบอกนิทเลยนะคะ”

ลูกสะใภ้เอ่ยแบบนี้ก็ยิ้มให้ด้วยความรักใคร่

“จ้ะ เดี๋ยวแม่จะบอกนะ รอให้หนูทำของตาเล็กเสร็จก่อน”

คุณดิลกมองดูภรรยากับลูกสะใภ้ที่เข้ากันได้ดีก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข หวังว่าอีกไม่นานจะมีหลานมาให้เลี้ยง อายุเขาก็ปูนนี้แล้วคนอื่นมีหลานเป็นโขยงแต่เขากลับไม่มี ดีที่พสุแต่งงานพอให้เบาใจได้บ้างเหลือก็แต่ลูกชายคนโตที่ยังไม่พาใครมาแนะนำให้รู้จักเสียที

พสุลงพื้นที่ตรวจดูงานก่อสร้างว่าได้ไปถึงไหนแล้วและตรงตามมาตรฐานหรือไม่ เขาจบคณะวิศวกรรมศาสตร์มาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจอีกสองปีก่อนไปทำงานที่ต่างประเทศสองปีเพิ่งกลับมารับตำแหน่งได้ไม่นานเพราะกว่าจะทำให้คณะกรรมการคนอื่นยอมรับก็ยากเหมือนกัน ต้องสร้างผลงานให้เขา เชื่อใจ

“เดี๋ยวยังไงสัปดาห์หน้าผมจะมาดูอีกที”

หลังตรวจงานเป็นเวลาสองชั่วโมงและเรียกวิศวกรมาประชุมอีกสามชั่วโมงเขาก็ออกมามุ่งตรงไปร้านอาหารข้างทางที่คุ้นเคยเพราะมาทานบ่อย บ่ายยังต้องไปตรวจอีกที่

วันนี้เขาแทบไม่ได้เข้าบริษัทแต่เลขาก็โทรมาบอกเสียก่อนว่ามีเอกสารที่เขาต้องเซ็น พสุรีบทานข้าวไปยังสถานที่ก่อสร้างโรงงานผลิตอาหารกระป๋องที่อยู่ชานเมือง กว่าจะดูงานเสร็จก็กินไปเวลาไปกว่าสามชั่วโมง เขามาถึงบริษัทในเวลาสี่โมงครึ่ง เรียกว่าเป็นวันยุ่งของเขาเลยก็ว่าได้

“มีเอกสารเท่านี้ใช่ไหม” ขึ้นมาเขาก็ให้เมขลาจัดเอกสารไว้ให้ เธอก็รีบเร่งเพราะงานวันนี้เยอะเสียเหลือเกินแทบไม่มีเวลาพักหรือคิดเรื่องอื่น

“ค่ะ” เขาอ่านโดยละเอียดก่อนเซ็นแต่ละใบ ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ จนกระทั่งเสร็จทุกใบเขาจึงลุกขึ้นเตรียมกลับบ้าน

“พอดีทางโรงแรมดิวัลยาโทรมาต้องการต่อเติมเลยอยากขอพบคุณเย็นนี้ค่ะ”

เพราะกะทันหันเขาเกือบปฏิเสธไปแต่เนื่องจากโรงแรมนี้เป็นลูกค้าเขามานานไม่ว่าจะขยายสาขาไปต่างจังหวัดก็ให้เขาดูแลตลอดจึงปฏิเสธไม่ได้ ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนโทรหาอีกฝ่ายว่ากำลังจะเข้าไปหาที่ทำงาน

รถคันหรูขับมายังโรงแรมดิวัลยาถือเป็นโรงแรมชื่อดังของเมืองไทยมีต่างชาติมาพักเยอะเพราะถูกใจในห้องพักที่สวยและการบริการดีเยี่ยม เขาจอดรถไว้แล้วเดินผ่านห้องอาหารของโรงแรมก็ชะงักเพราะเจอภมรและลินดามานั่งรับประทานข้าวด้วยกัน คิดว่าจะเดินผ่านทำเป็นไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปทักเพื่อสร้างความร้าวฉานให้กับทั้งคู่

“สวัสดีลิน” เขานั่งลงตรงที่ว่างข้างลินดา

“อ้าว มาทานข้าวหรือ” ตกใจไม่น้อยเมื่อเจอพสุ แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือเขาเดินมาทักเธอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหายโกรธเร็วขนาดนี้

“เปล่าพอดีมาคุยงาน” เขาเหลือบมองพี่ชายเล็กน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดหรือทักอะไร

“ของโปรดลินทั้งนั้นเลย” เห็นอาหารเขาก็จำได้แล้วเพราะไปกินข้าวด้วยกันบ่อย

ลินดาพยักหน้ายิ้มให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ว่าตอนนี้ภมรหน้านิ่งไปด้วยความไม่ชอบใจเสียแล้ว

“ไปกินด้วยกันบ่อย เราจำได้หมดแหละว่าลินชอบอะไรบ้าง” เขาย้ำจนลินดาเริ่มหันไปมองภมรก็หน้าเจื่อนเมื่อคนตัวโตมองดุกลับมา

“กินด้วยกันไหม”

“ไม่ดีกว่า แค่แวะมาทักทาย” เขาว่าแล้วก็เอามือยีศีรษะคนตรงหน้าเหมือนเป็นเรื่องปกติ

แต่สำหรับภมรในใจเริ่มเดือดแล้ว เหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเลย

“พอได้แล้ว ผมลินยุ่ง”

พสุหัวเราะออกมาน้อยๆ

“ไปแล้ว ไว้เจอกัน”

ร่างบางพยักหน้ารับก่อนมองตามอีกฝ่ายที่เดินออกไปจากห้องอาหาร ภมรพยายามผ่อนลมหายใจบังคับอารมณ์ให้เป็นปกติ ลินดามองแฟนของตนเองแล้วยิ้มให้อย่างเอาใจ

“ปลาอร่อยมากเลยค่ะ พี่ภมรต้องชอบแน่ๆ”

เขาเจ็บใจตัวเองที่เพียงแค่ได้ยินเสียงหวาน เอ่ยอ้อนนิดหน่อยก็ใจอ่อนแล้ว ภมรยิ้มให้หญิงสาวเพราะไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นประเด็น เขาไม่อยากทะเลาะกับเธอ ไม่อยากสูญเสียเวลาดีๆ ไป

“พี่ชอบ ชอบคนตักให้” หยอดจนอีกฝ่ายเป็นฝ่ายเขินเสียเอง

ทั้งสองนั่งรับประทานกันอย่างมีความสุข

พสุหัวเสียที่ผลงานเขาไม่เป็นอย่างที่หวังทั้งที่พี่ชายดูเหมือนจะโมโหแล้วแท้ๆ จึงตัดสินใจผละออกจากทั้งสองเดินไปยังห้องทำงานของคุณภูวนาถเจ้าของโรงแรม

“สวัสดีครับ ขอโทษที่ผมมาช้า” อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรเพราะนัดกะทันหัน ทั้งสองจึงคุยกันถึงการขยายโรงแรมในเขตเมืองเพราะต้องการรองรับแขกให้ได้มากกว่านี้ มันเป็นเรื่องยากด้วยพื้นที่ที่จำกัดจึงใช้เวลาคุยกันนานพอสมควรกว่าจะหาข้อสรุปได้

พสุไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่แล้วทำงานเพลินจนลืมเวลา มองนาฬิกาบนข้อมือก็ตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้ว

..เขาคุยนานถึงสี่ชั่วโมงเลยหรือ

รีบบึ่งกลับบ้านก็พบว่าบ้านเงียบเปิดไว้เพียงไฟหน้าบ้านเท่านั้น เขานำรถมาจอดไว้โรงรถเดินเข้าบ้านได้ยินเสียงทีวีในห้องนั่งเล่นก็เดินไปดูพบนิทรานั่งถักนิตติ้งโดยที่สร้อยนั่งพับเพียบดูทีวีอยู่ เขารู้สึกอบอุ่นแปลกๆ ที่มีคนรออยู่ ปกติถ้าเขามาดึกแม่กับพ่อก็นอนแล้ว จึงไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน

“มาแล้วหรือ หิวข้าวไหม” เธอวางมือจากงานที่ทำลุกขึ้นมาหาพสุ

อีกฝ่ายก็พยักหน้าเพราะกินข้าวครั้งล่าสุดคือตอนเที่ยง

“พอดีเลย เราทำผัดผักกับต้มจืด แล้วก็ไข่ทอดไว้ให้ด้วย” ร่างบางเดินนำไปที่ห้องครัว นิทราอยู่ในชุดนอนกระโปรงสีขาวแขนตุ๊กตายาวคลุมเข่า ดูน่ารักบอบบาง เขาเดินตามเธอไปยังห้องครัว “ไปรอที่โต๊ะสิ เดี๋ยวเราเอาไปให้”

พสุไม่เถียงเดินไปนั่งรอเธอจนกระทั่งสร้อยเอาข้าวมาเสิร์ฟให้ แค่ได้กลิ่นเขาก็หิวแล้วพออาหารครบก็ลงมือกินข้าวทันทีจนนิทราอดหัวเราะไม่ได้

“ไปอดข้าวมาจากไหนเนี่ย”

พสุไม่ตอบเอาแต่กินข้าวไม่หยุด นิทรามองหากล่องข้าวก็ไม่เห็นจึงถามขึ้น

“กล่องข้าวไปไหนหรือ เราจะเอาไปล้างให้”

พสุชะงักเขาลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายทำอาหารกลางวันให้เขา ตอนนี้มันคงอยู่บนรถเขาไม่ได้สนใจมากนักลืมไปด้วยซ้ำ

“บนรถ” นิทราพยักหน้ายิ้มรับจะเดินออกไปเอาแต่อีกฝ่ายก็คว้าแขนไว้ก่อน “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันไปเอาเอง”

..อะไรของเขา

พสุลุกเดินไปโรงรถหยิบกล่องข้าวขึ้นมาเปิดดูเห็นอาหารน่าตาน่าทานอยู่สองอย่างเลยจัดการแอบกินเพราะกลัวนิทราเห็น กินจากเมื่อกี้ก็อิ่มแล้วแต่เขายังต้องมากินข้าวกล่องอีก พสุพยายามยัดข้าวเข้าปากให้หมดแล้วกลืนลงไปทันที

“ทำไมไปนานจัง” เกือบจะออกไปหาแล้วถ้าพสุไม่เดินเข้ามาเสียก่อน เขายื่นกล่องข้าวให้เธอนิทรายิ้มรับเอาไปล้าง พสุเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารเพราะยังทานไม่หมดแม้ว่าจะอิ่มแล้วจึงรีบดื่มน้ำทันที นิทราเดินออกมาเห็นพสุไม่ทานต่อก็ถาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel