๕
“ตาเล็กกินข้าวกับพ่อไหม” พสุเดินหัวเสียเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงผู้เป็นพ่อทักก็เลยเดินไปยังห้อง รับประทานอาหาร เจอพี่ชายนั่งกินอาหารเช้ากับพ่อก็ยิ่งหัวเสียไปอีก
“กินไม่ลงครับ เอาของกินไปให้ฉันบนบ้านด้วย” ประโยคแรกพูดกับพ่อ แล้วก็คิดขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาหิวจึงหันไปสั่งสาวใช้เสร็จก็เดินออกไปทันทีปล่อยคนเป็นพ่อมองตามด้วยความสงสัย
“มันไปกินรังแตนที่ไหนมา” ภมรเพียงแค่ยิ้มรับน้อยๆ ไม่ได้ตอบอะไรแม้จะรู้ว่าน้องชายไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะกับตนเองก็ไม่อยากพูดให้คนอื่นรู้ คนอื่นยังไม่รู้ว่าเขากับลินดาคบกันและตอนนี้มันก็ยังไม่ถึงเวลานั้น รอให้แผลใจของพสุจางไปก่อนเขาจึงจะบอกเรื่องของเขากับลินดาให้ทุกคนทราบ
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
“แล้วเจ้าเล็กล่ะ มันไม่ไปพร้อมเราหรือ” เพราะปลดเกษียณจึงปล่อยให้บุตรชายดูแลงานบริษัทไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วยเห็นปกติลูกชายไปเวลาไล่เลี่ยกันตลอดพออีกคนไม่ไปเลยถามคลายสงสัย
“คงเข้าบ่ายครับ ไปแล้วพ่อ” เขายกมือไหว้บิดาก่อนใส่สูทหยิบโทรศัพท์เดินออกมานอกบ้านขับรถไปรับแฟนสาวที่ยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว
ใบหน้าสวยราวตุ๊กตายิ้มให้เขาเมื่อขึ้นรถมาก็เอากล่องอาหารยื่นไปตรงหน้าคนขับรถ
“ข้าวเช้าค่ะ อาหารญี่ปุ่นที่แสนอร่อยโดยแม่ครัวคนสวยชื่อลินดาแฟนของพี่ภมร” คำพูดแสนอ่อนหวานกับใบหน้าน่ารักของแฟนสาวทำให้เขายิ้มออกมา
“แต่พี่กินไม่ได้หรอก ขับรถอยู่ แม่ครัวคนสวยชื่อลินดาแฟนพี่ภมรช่วยป้อนได้ไหมคะ” ลินดาแพ้ผู้ชายพูดเพราะข้อนั้นเขารู้ดีเพราะเวลาเขาพูดคะขา หรืออ้อนนิดหน่อยเธอก็อ่อนลงหน้าแดงลามไปถึงคอ คนมองก็อดจะเอ็นดูไม่ได้
“ได้อยู่แล้วค่ะ”
สองหนุ่มสาวคุยกันไปด้วยความสุขตลอดทางไม่รู้ว่าตอนเขามารับเธอหน้าบ้านพสุมองมาจากระเบียงห้องของตนเอง เขายิ้มเยาะให้ตนเองกับความโง่เขลา อดแช่งให้ทั้งคู่เลิกกันโดยเร็วไม่ได้และโทษนิทราที่ทำให้ทุกอย่างยุ่งไปหมด
..ทำไมชีวิตเขามันถึงได้ซวยขนาดนี้อยากจะกระโดดระเบียงให้มันรู้แล้วรู้รอด
คิดพลางกัดแซนด์วิชเขาปากด้วยความหิว เมื่อกินเสร็จชายหนุ่มก็กลับมานอนต่อ มารดามาปลุกให้ไปใส่บาตรแต่เช้าเขานอนไม่พอจึงต้องการพักผ่อนให้เพียงพอก่อนจะไปทำงาน ถึงแม้งานจะยุ่งมากขนาดไหนแต่การนอนสำคัญที่สุด
..ให้งานมันยุ่งไปเลยยิ่งดีให้ท่านประธานดูแลไปคนเดียว ให้หัวหมุนไม่มีเวลาไปสวีทกับแฟนเลิกกันไปเลยเขาจะยิ่งสะใจมาก
งานหมั้นช่วงเช้าจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าบ่าวโดยมีการตั้งขบวนขันหมากที่หน้าหมู่บ้านเดินไม่ไกลนักแต่ในความรู้สึกของเจ้าบ่าวมันไกลเสียยิ่งกว่าไกล แดดก็ร้อนยิ่งชุดที่เขาใส่อยู่ด้วยแล้วเพิ่มความร้อนเข้าไปอีก ใบหน้าคมบึ้งจนคนเป็นแม่ต้องสะกิดให้ลูกชายยิ้ม
“เป็นเจ้าบ่าวจะมาหน้าบึ้งเหมือนโดยบังคับแต่งงานได้ยังไง”
“ก็โดนบังคับจริงๆ” มารดาถลึงตาใส่เขา..อีกฝ่ายจึงยิ้มออกมาแล้วเต้นตามจังหวะกลองยาวตามใจคุณแม่
..อยากให้เขาสนุกนักใช่ไหม ได้เขาจะสนุกให้เต็มที่ไปเลย!
พสุทั้งร้องทั้งเต้นมาตลอดทางที่เดินจนคนอื่นยิ้มและหัวเราะไปกับท่าทางตลกของฝ่ายเจ้าบ่าวที่คงจะมีความสุขมาก
มีเพียงคุณวรรณนภาเท่านั้นที่รู้ว่าลูกชายของเธอทำประชด
..อยากบิดหูจริงเชียวเจ้าลูกคนนี้ คนอื่นจะว่าเจ้าบ่าวเป็นบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้
“คุณ เจ้าเล็กมันดีใจขนาดนั้นเลยหรือ” คุณดิลกเห็นท่าทางลูกชายก็อดถามไม่ได้
“คงอย่างนั้นมั้งคะ ดีใจเหมือนคนบ้าเลย”
โดนเหวี่ยงใส่เสียอย่างนั้น คนไม่รู้เรื่องเลยต้องเงียบ
..ไม่รู้ภรรยาไปกินรังแตนที่ไหนมา หรือจะเป็นประจำเดือนก็ไม่น่าใช่ น่าจะหมดไปหลายปีแล้ว
เขาเลิกคิดแล้วมองดูลูกชายที่ท่าทางสนุกกับงานเหลือเกิน สนุกเกินเหตุด้วยซ้ำไป
“ขอเข้าไปหาเมียหน่อยครับบบ” เจอประตูเงินประตูทองเขาก็ยิ้มหวานให้เหมือนคนเมายาเสียอย่างนั้น เหล่าเพื่อนเจ้าสาวก็อดเคลิ้มไม่ได้เพราะพสุถือเป็นหนุ่มหล่อที่สาวๆ หมายปอง ทั้งตอนเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัย เขาถือเป็นสมบัติของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ไม่คิดว่าจะลงเอยกับนิทราทั้งที่ตามจีบลินดามาตลอด
..เพื่อนเธอทำเสน่ห์ใส่พ่อหนุ่มหล่อคนนี้หรืออย่างไรนะ
“ต้องมีของมาแลกก่อนนะ ถึงเข้าไปได้”
“ได้เลยจ้ะ ขอซองครับพ่อ” เขาแจกซองให้เพื่อนเจ้าสาวประตูเงินประตูทองก็เปิดออก ไม่คิดมาก่อนว่าจะเยอะขนาดนี้ทำเอาซองที่เตรียมมากว่ายี่สิบซองหมดไปในพริบตา
..นี่แค่มายืนกั้นเฉยๆ ก็ได้เงินไปอย่างนั้นเหรอ
ร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านของตนเองที่ถูกจัดเป็นสถานที่งานหมั้นนั่งตรงโถงบ้านเพื่อรอเจ้าสาวเดินปรากฏกายลงมาเหมือนในละครทั่วไปที่พระเอกต้องมองอย่างตกตะลึงซึ่งเขาคิดว่ามันตลกเสียมากกว่า เห็นกันทุกวันจะไม่รู้เลยหรือไงว่าสวย แต่ถ้าเจ้าสาวของเขาเป็นลินดาเขาก็คงอดมองอย่างตกตะลึงไม่ได้เช่นกัน วันนี้ถึงเธอไม่ได้เป็นเจ้าสาวแต่ก็เป็นเพื่อนเจ้าสาวที่สวย
พสุมองไปยังลินดาที่ยืนอยู่ฝั่งเจ้าสาวสวมชุดไทยสีชมพูอ่อน สวยจนเขาละสายตาไม่ได้แม้กระทั่งเจ้าสาวเดินลงมาเขาก็ยังเอาแต่มองลินดา
นิทราเดินลงมาจากบันไดขาสั่นด้วยความตื่นเต้น กลัวตกบันไดลงไปเหมือนกันเพราะเอาแต่มองเจ้าบ่าวของตนที่นั่งอยู่ สายตาของเขามองมาทางเธอก็จริงแต่ไม่ได้สบตากัน นิทรามองตามสายตาของเขาก็พบว่าพสุมองลินดา ใบหน้าหวานนิ่งไปก่อนจะพยายามฝืนยิ้มออกมาเมื่อเดินมานั่งข้างเจ้าบ่าว
พสุหันมามองเจ้าสาวอดยอมรับในใจไม่ได้ว่าเธอสวย สวยจนเขาทึ่งไปพักหนึ่งก่อนจะได้สติเมื่อบิดาเอ่ยเรื่องสินสอดขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พสุสวมแหวนหมั้นให้เจ้าสาวเลยนะครับ” คุณดิลกเอยบอกแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วยซึ่งส่วนมากก็เป็นญาติสนิทมีไม่เกินห้าสิบคน เพราะงานเช้าจะเป็นงานเล็กๆ ภายในครอบครัว
เจ้าบ่าวมองไปที่แหวนหมั้นที่วางอยู่กลางสินสอด เขาหยิบมันมาก่อนจะเงยหน้ามองไปยังลินดา อยากจะทำลายงานแต่งนี้เสียเหลือเกิน
นิทรามองอีกฝ่ายด้วยความตรอมตรม คิดว่าถ้าเขาพังงานแต่งเธอก็คงทำได้แค่ยอมรับมัน
“ยื่นมือมา”
นิทราค่อยๆ ยื่นมือไปหาเขาก่อนที่มือใหญ่จะจับมือเธอเอาไว้ เขาใส่แหวนให้เธออย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าหากช้ากว่านี้เขาอาจจะเปลี่ยนใจทำร้ายจิตใจของใครหลายคนในนี้ก็ได้ นิทรายกมือไหว้เขาก่อนที่เธอจะสวมแหวนให้เขา มือของพสุไม่ได้นุ่มหากแต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน เมื่อเป็นเด็กเวลามีใครมารังแกเธอเขาจะเป็นคนช่วยทุกครั้ง ไปมีเรื่องจนถูกเรียกผู้ปกครอง จนกระทั่งที่ลินดาเข้ามาเขาถึงห่างเธอไป จะมาหาก็ต่อเมื่อมีเรื่องทุกข์ใจหรือให้ช่วยทำการบ้านเท่านั้น
ต่อจากนั้นเป็นพิธีการรดน้ำสังข์และจดทะเบียนสมรสกันในช่วงเช้า นิทราโดนเพื่อนที่สนิทด้วยดึงตัวไปแซ็วถามเรื่องต่างๆ เธอก็ตอบเพียงแต่ว่าดูใจกันมาเรื่อยๆ
พสุได้ยินก็แอบยิ้มสมเพชกับคำแก้ตัวของเธอ เขาไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ถามไถ่เสียยกใหญ่ว่าทำไมเป็นนิทราเพราะเขาเทียวไล้เทียวขื่อลินดามานานจนทุกคนคิดว่าต้องตกล่องปล่องชิ้นกับลินดาแต่คดีพลิกเป็นเพื่อนสาวอีกคนเสียอย่างนั้น
“อย่าดื่มมากนะ นายต้องไปเตรียมตัวงานเย็น” ภมรเดินมาเตือนน้องชาย เมื่อเห็นซัดเหล้าไปหลายยก
“รู้แล้ว” ตอบเสียงสะบัดใส่พี่ชายทั้งที่ปกติเขาเป็นน้องที่น่ารักสำหรับภมรเสมอ
..แต่ใครจะสนกับคนทรยศเขาไม่นับเป็นพี่!
พสุนั่งกินเหล้ากับเพื่อนจนเมาพอสมควร เขาพูดจาเสียงดังจนเพื่อนต้องปรามต่างสงสัยว่าพสุเป็นอะไรปกติถ้าเมาจะเงียบเสียมากกว่าคราวนี้มาแปลกพูดมากกว่าทุกครั้งราวกับเสียใจที่แต่งงาน
ภมรมาตามน้องชายเมื่อเห็นเมามากแล้ว
“ออกไป อย่ามายุ่ง ไอ้คนทรยศ!” พสุผลักพี่ชายออกห่างจนคนแถวนั้นมองเป็นตาเดียว เดือดร้อนคนเป็นพ่อแม่ต้องมาช่วยดูแลพลางส่งสายตาขอโทษแขกเหรื่อ
“ตาเล็กขึ้นห้อง!” คุณดิลกกับภมรช่วยกันพยุงร่างสูงขึ้นไปยังห้องชั้นบน
นิทราผละออกมาจากเพื่อนก็เดินตามมาดูเจ้าบ่าวที่ตอนนี้เมาหลับไปเรียบร้อยแล้ว
“จะตื่นทันงานเย็นไหมเนี่ย” คนเป็นแม่บ่นออกมาด้วยไม่ชอบใจ “แล้วเกิดคึกอะไรไปกินเหล้าจนเมากลางวันแสกๆ แบบนี้ ตาใหญ่ก็ไม่ห้ามน้อง”
เขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าเตือนแล้วแต่อีกฝ่ายไม่ฟังเขาเลย ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
“ถ้ามันไม่ตื่นก็เอาน้ำมาสาดมันก็ได้คุณ เหลือเวลาอีกสี่ชั่วโมงให้ลูกนอนพักไปเถอะ” คุณดิลกบอกภรรยาก่อนลูบหลังให้ใจเย็น
“เดี๋ยวนิทดูแลพสุให้เองค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้น
คุณวรรณนภายิ้มออกมา
“แม่ฝากด้วยนะจ๊ะ” แล้วก็เดินออกไปพร้อมสามี
ภมรส่งยิ้มมาให้น้องสาวคนใหม่ของครอบครัว
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยเรียกพี่ได้นะ” เขายิ้มให้ก่อนเดินออกไป
ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแค่บ่าวสาวเท่านั้น นิทราถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย หากเหนื่อยกายยังพอว่าแต่ตอนนี้เธอเหนื่อยใจเสียเหลือเกินที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์เห็นจะเป็นจริงดังคำว่า
ร่างบางเดินไปห้องน้ำหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กบิดน้ำหมาดๆ มาเช็ดหน้าให้พสุ ปลดกระดุมเสื้อเขาออกให้หายใจสะดวกขึ้น ปกติพสุเป็นคนเมายากแต่วันนี้คงดื่มไปเยอะพอสมควรถึงได้เมาหลับขนาดนี้
“อะ จะอ้วก” เขาตื่นขึ้นมาทำท่าพะอืดพะอมจนนิทราต้องพยุงเขาไปที่ห้องน้ำ
“ออกไปจะเข้ามาทำไม ไม่อยากเห็นหน้า”
..ตอนไม่มีสติยังสามารถจะทำร้ายจิตใจเธอได้ นับถือเสียจริง
“อ้วกให้หมดก่อนเถอะ” ว่าพลางลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ
พสุอาเจียนออกมาจนหมดแรงนั่งพิงขอบผนังห้องน้ำ ไม่เหลือราศีความเป็นเจ้าบ่าวเลยสักนิด
“อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วก็นอนพักนะ” เห็นเขานั่งหมดแรงเธอจึงไปเตรียมชุดให้ พร้อมกับรินน้ำเปล่าเอาไว้ให้อาจแก้อาการได้บ้าง ไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบรับเลยเข้าไปดู
พสุยังคงลืมตาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยก่อนสบตากับเธอ
“รู้แล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ” โบกมือไล่ด้วยความรำคาญ ลุกขึ้นปิดประตูใส่หน้าเจ้าสาว
นิทรายิ้มแห้งพยายามให้กำลังใจตัวเองแต่ก็ยากเสียเหลือเกิน ร่างบางเดินลงมาบอกคุณวรรณนภาว่าพสุตื่นขึ้นมาอาเจียนตอนนี้เธอให้เขาพักผ่อน
“น่าตีจริงเลยลูกคนนี้ ขอบใจมากนะลูกที่ดูแลตาเล็ก”
“ค่ะคุณน้า” คุณวรรณนภามองค้อนอย่างไม่ชอบใจ
“ไม่เอา เรียกใหม่ คุณแม่ ต่อไปนี้หนูเป็นลูกสาวแม่อีกคนแล้วนะ” เธอลูบศีรษะอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู
นิทรายิ้มก่อนจะตอบรับ
“ค่ะคุณแม่” งานช่วงเช้าเสร็จโดยที่เจ้าบ่าวเมาหลับบนห้องมีแต่เจ้าสาวออกมาขอบคุณแขกที่มาจนกระทั่งทุกคนกลับหมด
ลินดาแอบไปหาภมรให้กำลังใจเขาเงียบๆ เพราะเรื่องของทั้งสองคนยังเป็นความลับอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าคบกัน
บ่ายสามทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ไปที่โรงแรมซึ่งจองเอาไว้สำหรับงานแต่งช่วงค่ำ พสุยังคงเพลียจึงไม่พูดอะไรถูกภมรพาไปห้องแต่งตัวก็เดินตามไม่ได้พูดจากระทบแต่อย่างใด นิทราก็ถูกช่างแต่งหน้าทำผมรุมเต็มไปหมด ทุกคนเอ่ยชมชุดที่เธอตัดว่าสวย คนตัดก็ยิ้มแก้มปริ ยิ่งเมื่อแต่งหน้าทำผมเสร็จใส่ชุดเจ้าสาวของงานก็ยิ่งสวยเหมือนนางเอกในเทพนิยาย
“สวยจังเลยค่ะน้องนิท พี่ขอถ่ายรูปด้วยนะคะ” ช่างแต่งหน้าทำผมต่างพากันชื่นชมเธอ แม้ไม่ได้เป็นดาราแต่สวยราวกับดาราดัง เธอพยักหน้ายิ้ม
“ได้ค่ะ” ทุกคนจึงไปถ่ายรูปรวมกันก่อนอัพลงโซเชียลอย่างสนุกสนาน
นิทรามองกระจกยิ้มให้ตัวเองแอบหวังไว้ถ้าพสุเห็นเขาจะมองเธอตาค้างหรือไม่
เวลาผ่านไปจนกระทั่งคุณยลลดาเข้ามาเรียกลูกสาวว่าได้เวลาแล้ว พสุที่ยืนรอเจ้าสาวอยู่ข้างพี่ชายก็แอบหงุดหงิดที่เธอช้าแต่เมื่อเห็นร่างบางเดินมาก็อดมองตาค้างไม่ได้
..เธอสวยและน่าปรารถนาเหลือเกิน
“น้องสวยจนมองตาค้างเลยหรือลูกชาย” คนเป็นแม่เห็นอดแซ็วไม่ได้
“ครับ ก็สวยดี” เขาตอบส่งไปอย่างนั้นไม่อยากให้นิทราได้ใจ “ไปได้รึยังครับ”
“จ้ะ ไปได้แล้ว หนูนิทคล้องแขนตาพสุไปนะลูก” คนจัดแจงทุกอย่างคงไม่พ้นคุณวรรณนภาคนอื่นก็ได้แต่มองยิ้มด้วยความสุข