๑๔
คำทิ้งท้ายนั้นสร้างความขุ่นใจให้ลินดาอย่างมาก ปุณิกาส่งยิ้มเยาะมาให้เธอราวกับจะเย้ยหยันว่าคนที่ชนะคือตนเอง ริมฝีปากบางเหยียดด้วยความดูแคลนลินดาต้องเม้มปากกลั้นอารมณ์เอาไว้เต็มที่จนกระทั่งเสียงประตูปิดลง
“พี่ภมรอธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“ใจเย็นก่อนนะลิน มันไม่มีอะไร” เห็นคนรักจ้องตาเขม็งก็ทำตัวไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองตัวเล็กลงไปอีกทั้งตัวส่วนสูงของเขาห่างจากเธอเกือบสิบเซนติเมตร!
“พี่จะให้ลินใจเย็นหรือคะที่เห็นคนผู้หญิงคนอื่นมานั่งเบียดจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับแฟนตัวเอง พี่จะให้ลินทนหรือ” ถามกลับเสียงแข็ง
ภมรจึงเดินเข้ามาจับมือบางเอาไว้ คราแรกลินดาคิดไว้ว่าจะสะบัดแต่เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาที่ฉายความรักออกมาก็ปล่อยให้เขาจับมือของเธอเอาไว้
“พี่รักลินนะ ลินเชื่อใจพี่ได้ไหมคะ”
..เป็นอย่างนี้เสียทุกที เขามักจะใช้คำพูดหวานเพื่อหว่านล้อมเธอผลสุดท้ายก็เป็นเธอที่ใจอ่อนให้ ดวงตากลมโตสบกับเขา
“ลินเชื่อใจพี่ค่ะ” ร่างบางโผเข้ากอดคนตัวสูงทันทีราวกับต้องการความเชื่อใจ เขากอดเธอแน่นลูบศีรษะมนด้วยความเอ็นดู
“รักนะคะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูทำเอาเธอรู้สึกร้อนที่ใบหน้าแปลกๆ ลินดายังคงซบที่แผ่นอกหน้าไม่กล้าเงยขึ้นมองเขา
ถ้าหากเธอเชื่อใจเขาครั้งนี้เธอจะไม่เสียใจใช่หรือเปล่า เธอจะไม่ผิดหวังในตัวเองใช่ไหม...
“ตื่นเลยนะ!” มือบางตีเข้าที่แขนล่ำจนอีกฝ่ายสะดุ้งสุดตัว ตาเรียวยาวลืมขึ้นมาพบกับภรรยาที่ทำหน้าบึ้งอยู่ข้างเตียง “ค่ำแล้วเราหิวข้าว ไปหาอะไรกินกัน”
พสุตอบรับในลำคอแล้วลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจไปมา เขาเผลอหลับไปได้สักพักเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
“อยากกินอะไร” ถามกลับเสียงงัวเงียเพราะยังไม่ตื่นเต็มที่
“อยากกินกุ้ง ปู ปลาหมึก อืม อาหารทะเลทั้งหมด” ไม่เพียงแต่สีหน้าที่ดูตื่นเต้นแต่แววตากลมโตยังดูเปล่งประกายราวกับเด็กเล็กที่เพิ่งออกมาผจญโลกภายนอกเป็นครั้งแรก เขาอดจะเอ็นดูไม่ได้
“เดี๋ยวจะพาไปกินทั้งหมดนั้นแหละ” ร่างหนาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะมองไปที่ร่างบางตรงหน้าก็พบกับชุดเดรสลายดอกไม้สายเดี่ยวคล้องคอ แถมยังบางเสียจนเห็นไปหมดถึงข้างใน
พสุพยายามผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ชอบใจได้ขนาดนี้
“ขอนั่งริมทะเลด้วยนะ เราเจอในเน็ตเขามีการแสดงด้วย” ยังคงพูดเจื้อยแจ้วโดยไม่ได้ดูหน้าตาของสามีตนเองเลยสักนิดว่าหน้าตูมขนาดไหน
“ไปเปลี่ยนชุดไป” หลังจากนั่งฟังได้สักพักเขาก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าติดจะรำคาญสร้างความงุนงงให้ภรรยาสาวต้องก้มมองชุดของตัวเอง
“ทำไม”
“มันน่าเกลียด คิดว่าตัวเองสวยนักหรือไงใส่แบบนี้” ใบหน้าหวานเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น
..ใครจะไปน่ารักเท่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ในใจของเขากันล่ะ
นิทราคิดอย่างแง่งอนหากก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเอาแต่นิ่งเงียบ
“ไปเปลี่ยนไป มายืนทำหน้าบื้ออยู่ได้ น่าเบื่อจริงๆ” พสุเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า เขาไม่คิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขากลับทำให้บรรยากาศที่กำลังจะดีขึ้นระหว่างทั้งสองดับลงทันที
นิทราเดินไปค้นกระเป๋าของตนเองก็เจอกับเสื้อยืดกางเกงขาสั้น
“ก็จัดให้เราเองแท้ๆ” อดว่าอีกฝ่ายเบาๆ ไม่ได้ เธอเห็นชุดนี้ในกระเป๋าจึงหยิบมาใส่เพราะเข้ากับบรรยากาศทะเลอีกอย่างชุดในกระเป๋าเขาก็เป็นคนเลือกมาให้ยังจะมาหงุดหงิดใส่อีก
เมื่อพสุออกมาจากห้องน้ำนิทราก็เข้าไปเปลี่ยนชุด แทบไม่อยากจะมองหน้าคนที่ทำให้บรรยากาศกร่อย เปลี่ยนชุดเรียบร้อยพสุก็พึงพอใจอยู่บ้างแม้เสื้อจะเป็นคอวีแต่ก็ดีกว่าชุดเมื่อกี้เพราะมันเป็นสีดำที่ดูมิดชิดกว่า กางเกงก็ไม่สั้นจนน่าเกลียด เขาให้ผ่านแล้วกัน
สองหนุ่มสาวเดินลงไปข้างล่างก็เป็นเวลาค่ำแล้ว บรรยากาศดูครึกครื้นจนทั้งสองผ่อนคลายมากขึ้น
“โอ๊ะ” นิทราอุทานเสียงแผ่วเมื่อชนเข้ากับฝรั่งรูปหล่อคนหนึ่ง เขาหันมามองเธอแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพลางเอ่ยขอโทษเบาๆ
พสุมองตามก็รีบโอบไหล่บางเข้าหาตัวเองทันที แววตาคมจ้องดุที่หนุ่มตาน้ำข้าวเสียจนน่ากลัว
“เธอมีแฟนแล้ว”
เดินออกมาแล้วยังแว่วได้ยินฝรั่งคนนั้นหันไปคุยกับเพื่อนก็หงุดหงิดทันที
..หว่านเสน่ห์ไปทั่วจนคนหลงไปหมด ผู้หญิงเจ้าเล่ห์ร้อยมารยา
แต่ทว่ามือหนากลับโอบไหล่บางไม่ยอมปล่อยจนนิทราอมยิ้มด้วยความสุขใจเพราะราวกับเหมือนว่าเขาหวงเธอนักหนา
ทั้งสองเดินไปนั่งยังร้านอาหารริมทะเลที่ปูเสื่อแล้วกลางโต๊ะญี่ปุ่นขนาดพอดี คนเลือกก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นหญิงสาวข้างกายของเขา ดื้อรั้นอยากนั่งสัมผัสทรายเหลือเกินทั้งที่เขาคิดว่าลมมาก็ตีทรายเข้าอาหารหมดแต่คร้านจะเถียงจึงตามใจยิ่งพอเห็นรอยยิ้มที่ส่งมาเขาก็พูดไม่ออกรู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่บนเสื่อเสียแล้ว
“เอากุ้งเผา ปลาหมึกราดพริก ส้มตำปูม้า อืม ยำทะเลรวม ชุดทะเลรวม พสุจะเอาอะไรไหม” สั่งไปได้สักพักจึงเงยหน้าขึ้นมาถามคนที่มาด้วย
“เธอสั่งไปเยอะขนาดนั้นยังจะถามว่าฉันจะเอาอะไรอีกหรือ กินให้หมดก่อนเถอะ” เธอยิ้มแห้งกลับมาให้ก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่ม
นิทรานั่งมองดูโดยรอบก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข
..คอยก่อนเถอะพรุ่งนี้จะตื่นมาเล่นน้ำแต่เช้าเชียว ไม่เคยมาสักทีโอกาสมาถึงแล้วก็ขอเล่นน้ำทะเลให้ฉ่ำอุราเสียหน่อยเถอะ
คิดพลางอมยิ้มมองไปยังทะเลด้วยความสุขโดยไม่รู้ว่ามีสายตาหนึ่งคอยจ้องมองเธอตลอด แววตาของพสุอ่อนโยนลงเมื่อมองเห็นความซุกซนซ่อนอยู่ในดวงตากลมโตของร่างบาง มันดูบริสุทธิ์เสียจนไม่อยากเชื่อว่าเธอวางแผนมอมเหล้าเขา
เสียงปรบมือที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งสองสามีภรรยาหันไปดูการแสดงโชว์ควงกระบองไฟที่มีหนุ่มหุ่นล่ำเปลือยท่อนอกบึกบึน ใส่กางเกงขาสามส่วนมาโชว์ลีลาสุดหวาดเสียวในการควงกระบองไฟให้ดูทำเอาผู้คนรอบข้างแม้กระทั่งนิทราอดตื่นเต้นไปกับโชว์ไม่ได้ เธอเหมือนเด็กน้อยที่พ่อแม่พามาสวนสนุกไม่มีผิด ร่างบางสะกิดสามีให้ดูอยู่เรื่อยหากแต่ตากลับไม่ละจากโชว์ตรงหน้า
“สวยจังเลยพสุ” ปากยังคงพึมพำไปเรื่อยในขณะที่ตอนนี้พสุก็ถ่ายรูปโชว์ก่อนจะหันกล้องไปยังภรรยาของตนเองแล้วกดถ่ายไปเสียหลายภาพ
จนกระทั่งการแสดงจบลงเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมากกว่าเก่า นิทราแทบจะอยากเอาพวงมาลัยเงินไปให้เสียเหลือเกินกับโชว์ที่ประทับใจแบบนี้ แต่หากทำแบบนั้นมันคงแปลกพิลึก
“หยุดมองได้ไหม อาหารมาเต็มโต๊ะแล้ว” เห็นร่างบางเอาแต่มองกลุ่มนักแสดงเลยอดแขวะไม่ได้ ไอ้กล้ามแบบนั้นเขาก็มีเหมือนกันนั่นแหละ
“อือหือ น่ากินจังเลย” เหมือนเด็กเสียจนพสุหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเก๊กหน้าเหมือนเดิม
นิทราจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีพสุคอยแกะกุ้งให้เพราะเห็นเธอมัวแต่สนใจกับปลาหมึกเนื้อนุ่มจนลืมกุ้ง พร้อมทั้งปูที่เขาคอยแกะเปลือกออกให้
“พสุไม่กินหรือ” เห็นอีกคนเอาแต่แกะเนื้อให้เธอก็อดห่วงไม่ได้จึงแกะกุ้งให้เขาบ้าง
“เธอกินไปเถอะ ผอมจนจะปลิวลม ขุนซะบ้างเวลาจับจะได้เต็มไม้เต็มมือ” คำพูดสองแง่สองง่ามทำให้แก้มนิทราแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น เธอจึงกินไปเงียบๆ แต่กลับมีความสุข
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกแต่ก็ต่างรู้สึกถึงบรรยากาศดีๆ ระหว่างกัน
..ชอบเหลือเกินขอร้องอย่างเพิ่งเอาความสุขไปจากเธอเลย ให้เธอได้อยู่กับมันไปอีกสักนิดก็ยังดี
เช้าวันอาทิตย์พสุตื่นมาพลางกวาดแขนไปข้างกายหวังกอดหมอนข้างเนื้อนิ่มที่เริ่มจะชินกลับพบความว่างเปล่า ดวงตาคมค่อยๆ ลืมขึ้นมาก็ไม่เห็นภรรยานอนอยู่ข้างกายเสียแล้วทั้งที่เมื่อคืนนอนหลับซุกอกเขาแท้ๆ ร่างหนายันกายชุกขึ้นบิดขี้เกียจเดินไปอาบน้ำแต่งตัว ออกมาก็พบกับเสื้อผ้าของตนเองที่วางบนเตียงนอน
“ไปไหนมา” เห็นนิทราเดินเข้ามาในห้องก็เอ่ยถาม
“เดินเล่นน่ะ พระอาทิตย์ขึ้นสวยมาเลยนะ”
เขาขมวดคิ้วทันทีด้วยความไม่ชอบใจ
“ทำไมไปคนเดียว เกิดมีอันตรายขึ้นมาจะทำยังไง” ได้ยินดังนั้นนิทราก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่เขาเป็นห่วง
“ก็ปลุกแล้วพสุไม่ตื่น นอนขี้เซาชะมัด”
เรื่องจริงข้อนี้เขาไม่เถียง เคยคิดอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกับเพื่อนตอนไปเที่ยวภูกระดึงแต่ฝืนสังขารไม่ไหว เขาจึงนอนรอเพื่อนที่เต้นท์ไม่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมคนอื่นสักที
“ก็เธอไม่พยายามปลุกเอง”
..แล้วก็เป็นความผิดของเธออีกจนได้
พสุหยิบชุดไปเปลี่ยนในขณะที่นิทราก็นั่งดูรูปที่เธอถ่ายกะว่าจะล้างใส่อัลบั้มเอาไว้ มาสะดุดที่รูปของตนเองกับสามีอดจะยิ้มไม่ได้
..เวลาสุขหัวใจมันพองโตแบบนี้เองสินะ ตัวเบาหวิวเหมือนจะลอยได้เสียอย่างนั้น
“ไปกินข้าวกัน ฉันหิวแล้ว”
กดปิดหน้าจอโทรศัพท์ทันทีก่อนหยิบกระเป๋าสะพายเดินตามหลังเขาไปแต่ก็ไม่ทันใจคนตัวโตจนต้องจับมือเธอมากุมไว้แล้วลากเดินไปด้วยกันตลอดทาง ดวงตากลมโตก้มลงมองมือใหญ่ที่กุมมือตนเองไว้พลางยิ้มออกมา
..ขอให้เป็นแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหม เธอจะขอมากเกินไปหรือไม่นะ
เมื่อรับประทานอาหารเช้าอิ่มแล้วพสุก็ปลีกตัวไปคุยกับผู้จัดการโรงแรมปล่อยให้นิทราเดินเล่นริมหาดคนเดียวซึ่งเธอก็ไม่ได้น้อยใจเพราะเข้าใจดีว่าเขาทำงาน
ร่างบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศโดยรอบเอาไว้ด้วยความสุข ใบหน้าหวานระบายยิ้มแสนสดใสออกมา
จนคนมองอดจะกดชัตเตอร์กล้องไม่ได้
แชะ..
เสียงนั้นเรียกความสนใจจากเจ้าของใบหน้าหวานให้มองไปยังด้านซ้ายของตนเองพบกับหนุ่มร่างสูงที่ดูท่าว่าจะอายุน้อยกว่าเธอจากใบหน้าที่ยังดูอ่อนวัย
“คงไม่ว่ากันถ้าผมถ่ายรูปคุณ” สบตากันฝ่ายชายก็ทำใจกล้าเดินเข้ามาหาพร้อมแจกรอยยิ้มที่สยบผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว
นิทราส่ายหน้าพลางยิ้มให้เขา
“ไม่หรอกค่ะ ถ้ารูปไม่น่าเกลียดฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“ไม่น่าเกลียดหรอกครับ ออกจะสวยมากด้วยซ้ำ”
ดวงตากลมโตของหนุ่มตรงหน้าทำให้อดจะเขินไม่ได้
“ผมตะวันนะครับ คุณ..” เอ่ยแนะนำตัวขึ้นมาเพราะอยากรู้จักเธอตรงหน้าเหลือเกิน
“นิทราค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ชื่อเพราะจังเลยนะครับ” ทำเอาเขาอยากหลับไม่ยอมตื่นเลยทีเดียว ตะวันชวนหญิงสาวคุยด้วยความสนุกของเขาทำให้การสนทนาลื่นไหลราวกับรู้จักกันมานาน“แล้วคุณเรียนที่ไหนหรือครับ” คุยมาได้สักพักเขาก็ถามขึ้น
“อืม..ไม่บอกได้ไหมคะ ขอบอกแค่จบมาได้สามปีแล้ว”
คำบอกเล่านั้นทำเอาเขาชะงักไปในทันที ใบหน้าหล่อติดออกจะหวานนิ่งก่อนจะหัวเราะออกมา
“ผมก็หลงคิดว่าน่าจะปีสองหรือปีสาม ให้ตาย คุณเรียนจบแล้วซะอย่างนั้น” หลงปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อเลยคนเรา
ทั้งสองก้าวเท้าเดินไปเรื่อยขณะคุยกัน
“แล้วคุณล่ะคะ เรียนอยู่หรือว่าจบแล้ว”
“ผมให้คุณทาย” เขาหยุดเดินแล้วจ้องหน้าเธอพลางยิ้มกรุ่มกริ่ม
นิทรานิ่งคิดไปสักพัก รูปร่างเขาพอดีไม่ได้สูงใหญ่หรือหนาเกินไปแต่ก็ไม่สามารถตัดสินได้ หน้าดูอ่อนวัยทำให้เธอลังเลแต่มั่นใจว่าเขาต้องเรียนอยู่อย่างแน่นอน
“เรียนมหา’ลัยปีสาม” แล้วเขาก็ทำตาโต
“คุณเป็นแม่หมอใช่ไหมทำแม่นอย่างนี้” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา
“ฉันทายถูกหรือคะ” อีกฝ่ายพยักหน้าให้ก่อนจะเดินทอดน่องไปจนเจอกลุ่มเด็กที่วิ่งเล่นกันเผลอมาชนนิทราทำเอาเธอเซดีที่ตะวันจับไหล่เอาไว้เสียก่อน
“ขอบคุณค่ะ” นิทรายืดตัวตรงแล้วเดินต่อ
“คุณทายถูกได้อย่างไร”
“ก็เดาเอา ฉันค่อนข้างจะเดาแม่นนะคะ ข้อสอบที่เดาส่วนมากก็ถูก” หันไปยักคิ้วให้เขา แต่นั่นทำให้หัวใจของตะวันทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมยิ่งรอยยิ้มที่ส่งให้เขาแทบจะยอมทุกอย่างที่เขามีให้เธอคนเดียว
..เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ตอนนี้เขาขออย่างเดียวอย่าให้เธอมีแฟนเลย ถึงแม้จะเป็นรุ่นพี่เขาก็ไม่สนใจ เขาอยากจะลองข้ามรุ่นดูสักครั้ง
“แล้วนี่คุณมากับใครหรือครับ เพื่อน?” เงียบไปสักพักตะวันก็กลั้นใจถาม ภาวนาในใจขอให้เธอ
..ตอบว่ามากับเพื่อนทีเถอะ
“อ้อ ฉันมากับ”
“นิท!!!” เสียงเรียกนั้นไม่เพียงแต่นิทราที่หันไปแต่ตะวันก็หันกลับไปมองด้วยเช่นกันก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่ง
“อ้าว เสร็จแล้วหรือ”
ไม่เพียงแต่เดินเข้ามาเท่านั้น ผู้ชายคนนั้นยังโอบไหล่บางของนิทราอีกด้วย เพียงแค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาภาวนาไม่เป็นจริง
“อืม ตามหาตั้งนานนึกว่าโดนฉลามลากไปกินแล้ว” พสุรับรู้ถึงสายตาอีกคู่ที่มองมาเขาเลยทำทีเป็นหยอกล้อกับนิทรา
“เราไม่ใช่เด็กนะ” ส่งค้อนให้กับอีกฝ่ายจนพสุอดยิ้มออกมาไม่ได้ก่อนเลื่อนมือไปโอบเอวเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเมื่อได้สบตากับคนที่เดินข้างภรรยาของเขา
“แล้วนี่”