๑๓
“เราจะไประยองทำไมหรือ”
“ไปเที่ยวไง”
ดวงตากลมโตหันไปมองเขาอย่างฉงน ปกติไม่เคยชวนไปไหนทำไมวันนี้กลับมาแปลกชวนเธอไปเที่ยวได้
พสุก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนจ้องแบบนี้ เขาพยายามเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วตอบสวนกลับอีกครั้ง
“ก็ไปทำงานพอดีมันทางผ่านเลยไปเที่ยว ไม่รู้จะชวนใครเห็นเธออยู่ใกล้เลยชวนแค่นั้นเอง” พูดยาวเสียจนไม่มีจังหวะหายใจ
นิทราพยักหน้ารับช้าๆ เข้าใจแล้วว่าเธอมันก็แค่ตัวเลือกที่อยู่ใกล้มือจับได้ง่าย ยิ้มสมเพชตัวเองที่ตอนแรกคิดไปไกลว่าเขาอาจจะกำลังง้อเธออยู่
..ไม่เลย ไม่ใกล้ความจริงเลยสักนิด
“แวะปั๊มก่อนไหม” เห็นคนข้างกายเงียบจึงถามขึ้น
นิทราส่ายศีรษะมองวิวรอบข้างเหม่อลอยไม่ได้สนใจคนขับรถให้แต่อย่างใด
“แต่พอดีน้ำมันจะหมด แวะก่อนแล้วกัน” ถ้าอย่างนั้นจะมาถามเธอทำไมกัน ใบหน้าหวานหันมาค้อนใส่เขาอย่างน่ารัก พสุอมยิ้มดูเหมือนแมวขู่ให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูมากกว่าจะน่ากลัว
“ไปซื้อของกินให้หน่อย หิว เอาขนมนะ แล้วก็หมากฝรั่งด้วยเคี้ยวไปกำลังดี” มีการสั่งแล้วหยิบเงินแบงค์พันให้เธออีก
..จะซื้อให้หมดเลย
นิทราหยิบเงินมาแล้วเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เลือกหยิบขนมขบเคี้ยวที่คิดว่าเขาชอบ มีน้ำผลไม้และลูกอมหมากฝรั่งตามที่เขาต้องการ เมื่อซื้อครบก็เดินไปหาพสุที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ของกินที่เธอสั่งทั้งนั้นแหละ ไปกันเถอะ” บ่ายโมงกว่าแล้วกลัวว่าจะไปถึงเย็นจึงเร่งคนขับรถที่ไม่ได้ดูรีบเป็นเพื่อนเธอเลย พสุดูใจเย็นกว่าที่คิด เขาเปิดน้ำผลไม้ดื่มไปด้วยขณะขับรถ เปิดวิทยุฟังเพลงฮัมไปตามทางราวอารมณ์ดีนักหนาจนคนที่หงุดหงิดกลับเป็นนิทราเสียเองเมื่อคิดว่าที่เขามีความสุขเป็นเพราะผู้หญิงคนเมื่อคืน
“อ้าวเปลี่ยนคลื่นทำไม” คนกำลังอินกับเพลงโดนเบรกเสีย อย่างนั้น
“เราอยากฟังเพลงอื่น” พูดกันขนาดนี้เขาจะทำอะไรได้ นอกจากปล่อยเลยตามเลย
นิทราเห็นร่างสูงไม่ได้เถียงหรือเอาชนะอะไรกลับปล่อยให้เธอฟังเพลงก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“เปลี่ยนทำไม” แต่เมื่อเพลงจบเขาก็กดกลับไปยังคลื่นวิทยุเดิม
“ก็มันจบแล้ว ฉันจะเปลี่ยนไปฟังที่ฉันชอบบ้าง” กดหาคลื่นจนเจอคลื่นถูกใจแต่แล้วขับรถไปนานๆ คลื่นก็ขาดหาย จึงเปิดเพลงที่มีในมือถือแทน คนข้างกายเขาหลับเป็นที่เรียบร้อยแล้วไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลย ใบหน้าคมที่เคร่งขรึมระบายยิ้มอ่อนๆ เหลือบมองดูเธอหลับด้วยแววตาอ่อนโยน ไม่อยากยอมรับว่าที่พามาเที่ยวก็เพราะต้องการจะไถ่โทษเรื่องเมื่อวานทำให้เธอรอทั้งคืน อดรู้สึกผิดไม่ได้ยิ่งเห็นนิทราเมินมันก็อยู่ไม่สุขจนต้องพามาเที่ยว
ใช้เวลาสองชั่วโมงรถก็แล่นมาถึงจังหวัดระยอง เขากะจะพาเธอนอนคืนเดียวพรุ่งนี้เย็นก็คงต้องกลับ เนื่องจากเช้าวันจันทร์เขามีประชุมกับการออกแบบรีสอร์ตของคุณปภาวิน ที่จริงวันนี้ต้องเข้าไปเซ็นสัญญาร่วมแต่หน้าที่นี้เป็นของประธานบริษัทอย่างภมรไม่ใช่เขา
พสุจอดรถเมื่อถึงท่าเรือจังหวัดระยอง พวกเขาต้องข้ามฟากไปยังเกาะเสม็ดโดยใช้เรือสปีดโบท เขาอยากขับเองแต่ก็กลัวนิทราจะเมาเรือจึงคิดว่าจะจ้างเอาดีกว่า
“ถึงแล้วหรือ” พอเข้าที่จอดรถยังไม่ทันจะได้ดับเครื่องสาวร่างบางก็ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
“อือ ลงเถอะ”
นิทราลงจากรถอย่างว่าง่ายเดินไปเอากระเป๋าที่หลังรถจะเอื้อมมือไปถือแต่พสุก็กันเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวถือให้” สร้างความประหลาดใจให้เธอเพิ่มขึ้นไปอีก ปกติเคยถือกระเป๋าให้เธอที่ไหนกัน ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างก่อนรอยยิ้มจะแต่งแต้มที่ใบหน้าหวาน
“ดีจัง” ความรู้สึกหัวใจพองโตแบบนี้เธอรู้สึกชอบมันเหลือเกิน อยากให้เป็นแบบนี้ไปอีกนาน
“รอก่อนเดี๋ยวไปซื้อตั๋ว” พสุเดินไปซื้อตั๋วเรือข้ามฟาก ได้มาสองใบก็มารอเรือพร้อมกับผู้โดยสารอีกสามคนที่จะต้องไปลำเดียวกัน
เรือสปีดโบทจอดเทียบท่าทั้งสองก็พากันขึ้นไปนั่งด้านขวาโดยสวมชูชีพเอาไว้ นิทราไม่เคยนั่งเรือมาก่อนจึงรู้สึกกังวลจับมือพสุเอาไว้เสียแน่น
เรือออกไปได้สักพักนิทราก็หน้าซีดลงทันที ตัวเย็นเฉียบไม่พูดกับเขาสักคำจนร่างสูงต้องถามขึ้น
“เมาเรือหรือ”
“มันจะอ้วก” ตอบเขาเหมือนจะร้องไห้จนอดสงสารไม่ได้ ดึงร่างบางมากอดไว้กดศีรษะให้จมลงกับอกเขา
“หลับตานะ”
นิทราทำตามอย่างว่าง่าย ตอนนี้อะไรก็ได้ขอให้เธอไปถึงฝั่งโดยเร็ว คนบนเรือพากันมองคู่รักอย่างเอ็นดูรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายอย่างบอกไม่ถูก
นิทราที่หลับตาก็ภาวนาให้ถึงเสียที เธอเวียนหัวจนทำอะไรไม่ได้มือไม้ก็อ่อนแรง คลื่นมาทีน้ำก็กระจายเต็มไปหมดเรือก็เหมือนจะล่ม ในใจตอนนี้ท่องบทสวดมนต์ขอให้เธอรอดกลับไปบ้าน
จนกระทั่งถึงฝั่งนิทราจึงผละออกจากสามีที่ให้กอดมาตลอดทาง เธอเดินลงราวกับคนละเมอจนพสุต้องจับเอาไว้เสียก่อน
“เหมือนจะล้มเลย” นิทราหันมาบอกเขาพยายามลงจากเรือ
พสุเลยบอกให้เธอรอก่อนเขารีบลงมาจากเรือแล้วเอากระเป๋าไปไว้ริมฝั่งวิ่งกลับมารับนิทราที่ลงจากเรือพอดี ขามายังเป็นขนาดนี้ขากลับจะเป็นขนาดไหน คงต้องให้กินยาแก้เมาไว้รอ
“เป็นไงสนุกไหม” ส่ายหน้าทันทีเมื่อถูกถามจนพสุหัวเราะออกมายีศีรษะเธออย่างเอ็นดูเหมือนครั้งยังเป็นเพื่อนกัน
“มันน่ากลัว เราสวดมนต์มาตลอดทางเลย” ร่างสูงถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้นิทราส่วนของตนสะพายหลัง ในขณะที่หญิงสาวเดินตัวปลิว
“ก็ไม่บอกว่าเมาเรือ”
“เรายังไม่เคยเมาเสียหน่อย”
“แน่สิ เธอเพิ่งมาเป็นครั้งแรก”
..จริงของเขา เธอไม่เคยมาทะเลเลยสักครั้งส่วนมากก็ไปภูเขา เชียงรายเชียงใหม่ไปกับกลุ่มเพื่อนเมื่อยังเรียนมหาวิทยาลัยแต่พอเรียนจบแยกย้ายกันไปก็รวมตัวยาก อยากทำเหมือนเมื่อครั้งยังวัยรุ่นก็ยากเข้าไปใหญ่ต่างคนก็มีครอบครัวแล้วทั้งนั้น
“ว่าแต่เราจะพักไหนหรือ” เดินตามเขามามองหาที่พักซึ่งเรียงรายเต็มไปหมด “อันนี้หาดอะไร”
“หาดทรายแก้ว”
ดวงตากลมโตมองไปยังผู้คนที่มาเที่ยวก็พบเป็นชาวต่างชาติร้อยละห้าสิบที่เหลือก็คนไทย ฝรั่งใส่บิกินี่เดินริมหาดเป็นคู่ เพราะยังเมาเรือจึงไม่ได้สำรวจอะไรมากได้เพียงเดินตามคุณสามีเข้าไปยังห้องพักที่เขาโทรมาจองก่อนมาถึงเพียงแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้น ดีที่ช่วงนี้ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลห้องพักจึงเหลือมากพอสำรองนักท่องเที่ยว
พสุพาเธอเดินเข้ามาในซอยขนาดเล็กก่อนทะลุไปยังด้านหลังที่มีร้านสะดวกซื้อ
“สวัสดีครับคุณพสุ” เมื่อเข้ามาภายในโรงแรมก็มีผู้จัดการมาต้อนรับอย่างดี โรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือดิวัลยาที่เขาเคยดูแลเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวก็เข้ามาพักกันเยอะด้วยชื่อเสียงของโรงแรมและการบริการที่ดีเยี่ยม
“สวัสดีครับ” เขากล่าวทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อย แล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดขึ้นห้อง
นิทราเดินตามไปแต่ระหว่างทางก็มองการตกแต่งของโรงแรมที่เน้นบรรยากาศ โดยรอบเป็นผนังกระจกใสที่เห็นวิวข้างนอกประดับด้วยไม้มงคล ไม่เน้นหรูแต่เน้นถึงเอกลักษณ์ในพื้นที่ โคมไฟด้านบนก็เป็นรูปปลาชนิดต่างๆ หรือโซฟาตรงล็อบบี้ก็เป็นรูปทรงปะการังที่ดูธรรมชาติ
“เดินช้าจริง” หันมาเห็นภรรยามัวโอ้เอ้เดินดูการตกแต่งไม่ตามมาจึงเดินกลับมาจูงมือเธอให้เดินตาม
นิทราแอบมองมือหนาที่กอบกุมมือเธอเอาไว้ ความรู้สึกอบอุ่นโอบล้อมรอบตัวจนเผลอยิ้มออกมาด้วยความสุขพอดีกับที่ร่างสูงหันมามอง
“ยิ้มอะไร เมายาหรือ”
..ดูคำพูดเขา ไม่เคยมีความรู้สึกโรแมนติกเลยหรืออย่างไร ลืมไปว่าเธอคือนิทราไม่ใช่ลินดา
คนตัวเล็กดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่ฝ่ายชายไม่ยอม พสุยังคงจับมือเธอไว้แน่นในขณะที่รอลิฟต์
“ปล่อยสิ” ทนไม่ไหวจึงเอ่ยเสียงเข้ม
“ปล่อยไปเธอก็เดินช้าอีก ฉันขี้เกียจตาม จับมือไว้แบบนี้แหละ ดีแล้ว”
พอดีกับประตูลิฟต์เปิดทั้งสองจึงเดินเข้าไปโดยที่พสุถือกระเป๋าเอาไว้ให้ จนกระทั่งถึงชั้นที่พัก นิทราเดินออกมาด้วยใบหน้างอเพราะพยายามปลดมือออกก็ไม่สามารถทำได้ พสุเปิดห้องพักก่อนฝ่ายหญิงจะตาโตด้วยไม่เคยเห็นห้องสวยขนาดนี้มาก่อน ร่างสูงหันมามองภรรยาก็อดเอ็นดูไม่ได้จึงปล่อยมือเธอออกให้สำรวจห้องพักสวีตสุดหรูที่มองเห็นวิวทั่วทั้งเกาะ
“สวยจัง” ดวงตากลมโตเป็นประกายชื่นชมกับธรรมชาติตรงหน้า ไม่เคยมาทะเลเลยสักครั้งนี่เป็นครั้งแรกที่มาจึงรู้สึกประทับใจกับบรรยากาศสวยงาม
พสุเดินมายืนอยู่ข้างกายร่างบาง เขามองไปยังวิวด้านหน้าเช่นเดียวกัน ไม่ได้เห็นบรรยากาศสวยด้วยความรู้สึกที่ปลอดโปร่งแบบนี้มานานแล้วเช่นกันตั้งแต่เรียนจบ เขามุ่งแต่ทำงานธุรกิจของครอบครัว มาทะเลก็ทำเพียงงานไม่ได้เที่ยวเล่นเหมือนอย่างคนอื่น การมาพักครั้งนี้จึงเป็นการพักผ่อนของเขาเช่นเดียวกัน
“หายเวียนหัวรึยัง” หันมามองใบหน้าหวานที่เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นก็หายห่วง
“ดีขึ้นแล้วละ” ร่างบางยังคงมองบรรยากาศโดยรอบก่อนจะรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้ ก่อนชะงักเมื่อหันมามองสามีตนเองที่เดินไปหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า นิทรามีท่าทีลังเลด้วยกลัวเขาจะปฏิเสธแต่ก็ลองใจกล้าเดินเข้าไปหาเขาราวกับเด็กน้อยเข้าไปขอดาราถ่ายรูป
“มาถ่ายรูปด้วยกันไหม”
คำชวนนั้นทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะยิ่งเมื่อมองดวงตากลมโตที่มีแววออดอ้อนนั้นก็สร้างความปั่นป่วนขึ้นไปอีก
“เอาสิ” คำตอบรับสร้างความดีใจจนต้องยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งสองถ่ายรูปด้วยกันเป็นที่ระลึก
“เธอถือแล้วกัน เราหน้าบาน” จออัจฉริยะถูกยื่นให้ร่างสูง “บานตรงไหน คิดเอาเองรึเปล่า เธอนี่ผอมจนจะปลิวไปกับลมอยู่แล้ว” จริงดังที่เขาว่า นิทราตัวเล็กบอบบางจนกลัวว่าลมจะพัดหอบเอาเธอไปไกล แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูบอบบางหากภายในกลับเต็มไม้เต็มมือไปหมด เขาได้พิสูจน์มาแล้วด้วยตนเอง
“เอายัง” เมื่อกล้องพร้อมแล้วเขาจึงถามขึ้น นิทราพยักหน้าให้พสุจึงถ่ายรูปทันทีโดยที่เขายิ้มใส่กล้อง ก่อนที่ภาพต่อไปเขาจะมองคนข้างกายและภาพสุดท้ายเป็นภาพที่ทั้งสองมองหน้ากัน
พสุถ่ายเสร็จก็รีบยื่นให้อีกฝ่ายทันทีเดินไปเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าปล่อยให้นิทราเลื่อนดูรูปด้วยหัวใจที่สั่นไหว
..ตอนนี้กำแพงในใจของเขาเริ่มลดลงหรือยังนะ
“มาเอาของเธอไปสิ” เห็นยืนนิ่งจึงหันมาบอก
นิทราเดินมาดูก็ตกใจที่เขากำลังหยิบชั้นในออกจากกระเป๋าให้
“นี่เอามานะ” รีบยื้อมาจากมือหนา
“อายอะไร ของจริงก็จับมาแล้ว” คำพูดนั้นสร้างความเขินอายให้กับสาวที่น้อยประสบการณ์ในเรื่องรัก
“เงียบไปเลย” เขินจนขึ้นเสียงใส่เขามากกว่าปกติ แต่สำหรับพสุมันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด กลับสร้างความเอ็นดูจนเผลอยกมือขึ้นมาอยากลูบศีรษะคนตรงหน้าหากก็ชะงักแล้วเอามือแนบลำตัวตามเดิม
..เขาไม่ควรมาอยู่ใกล้คนที่ทำลายชีวิตเขา ผู้หญิงที่วางแผนทุกอย่าง เขาควรจะเกลียดแต่ทำไมใจมันดันสั่นไหวเมื่อสบกับดวงตากลมโตคู่นั้น ช่างเถิด สองวันต่อจากนี้เขาขอปล่อยวางเรื่องที่เคยหมางใจกัน คิดไว้ว่าจะตะลุยเที่ยวให้เต็มที่สำหรับวันหยุดนี้
ภมรหลังจากที่เซ็นสัญญากับปภาวินเรียบร้อยเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อพบกับปุณิกาที่มานั่งรอเขาที่ห้องทำงานแม้จะเป็นวันเสาร์
..เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะเข้ามาทำงาน
“ผมไม่คิดว่าคุณปุณิกาจะมา” ใบหน้าหวานค้อนอย่างมีจริต
“ก็บอกว่าให้เรียกหยาก็พอ อย่าเรียกคุณเลยค่ะ มันดูห่างเหิน” ร่างบางลุกขึ้นมานั่งข้างกายเขาก่อนจะเบียดเข้ามาราวกับโซฟาเล็กเสียเหลือเกิน
“เอ่อคือว่า” มือหนาจะดันเธอออกหากแต่ประตูห้องได้เปิดออกก่อนพร้อมเสียงหวานที่เขาคุ้นเคย
“พี่ภมรคะ ลินจะชวนไปกินข้าว..” เสียงหวานหายเข้าในลำคอเมื่อพบว่าข้างกายของแฟนหนุ่มมีใครนั่งเคียงคู่
“ตายจริงนึกว่าใคร ที่แท้ก็คนกันเอง” ปากพูดหากแต่ร่างกายกลับขยับเข้าใกล้ภมรมากขึ้นราวกับจะยั่ว “พี่ภมรคะ” ดวงตากลมวาวโรจน์ด้วยความโกรธหากข่มอารมณ์ไว้ เธอมองไปที่ปุณิกานิ่งแต่เอ่ยชื่อภมรขึ้นมา
“คุณปุณิกากลับไปเถอะครับ” เพราะถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อลินดาได้อาละวาดแน่นอน ตอนนี้ก็ดูเหมือนเธอกลั้นอารมณ์เต็มที่แล้ว
“กลับได้ยังไงคะ เรายังไม่ได้คุยเรื่องงานกันเลย”
รู้ว่านั้นเป็นข้ออ้าง ลินดากำมือแน่นอยากจะถลาเข้าไปตบหญิงคนนั้นให้หายอยากจากของคนอื่นเสียที ไม่รู้ทำไมถึงได้ไม่ชอบปุณิกานักทั้งที่ปกติเธอเป็นคนไม่ค่อยโกรธง่ายด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวผมจะนัดคุยวันจันทร์นะครับ แต่ตอนนี้กรุณาออกไปด้วย” เสียงเข้มบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
ปุณิกาจึงล่าถอยก่อน เธอลุกขึ้นหยิบกระเป๋าส่งยิ้มให้ภมร
“หยาซื้อขนมมาให้พี่ภมร หวังว่าพี่จะชอบนะคะ เห็นคราวก่อนบอกว่าอร่อย”