๑๒
คุณยลลดากำลังรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านเห็นน้องสนิทกับลูกสาวเดินมาก็ปิดน้ำ
“วันนี้ตื่นสายหรือเรา” คนเป็นลูกเดินมากอดก็ถามขึ้นเพราะไม่เห็นมาใส่บาตรด้วย
“นิดหน่อยค่ะ” คุณวรรณนภาไม่อยากเอ่ยได้แต่อมยิ้มเพราะขึ้นไปหาบนห้องเคาะประตูแต่ก็ไม่เปิดพอเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อกจึงแง้มดูเห็นสองหนุ่มสาวนอนกอดกันบนเตียง จึงได้แต่อมยิ้มไม่ได้ปลุกแต่อย่างใด ปล่อยให้นอนกอดกัน
“มาเข้าบ้านก่อน” ทั้งสามพากันเดินเข้าไปในบ้าน
วันนี้มีคนมาสั่งตัดชุดราตรีสองชุดจึงต้องเร่งทำ นิทราช่วยมารดาตัดในขณะที่สองหญิงวัยกลางคนชวนกันคุยอย่างสนุกสนานถึงการวางแผนจะไปทำบุญวันมะรืน เห็นว่าทำบุญเสร็จจะชวนกันไปเที่ยวด้วยจึงวางแผนกันใหญ่ว่าจะไปที่ไหนบ้าง
“พ่อ แม่ไปไหนอะ” ตื่นขึ้นมาพบว่ากอดหมอนของนิทรามองหาไม่เห็นร่างบางในห้องจึงตัดสินใจอาบน้ำลงมากินข้าวเพราะตื่นมาก็สิบโมงกว่าแล้ว เขาสดชื่นขึ้นมาบ้างเมื่อนอนหลับเต็มอิ่มไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน ลงมาข้างล่างเห็นเพียงแต่บิดามองหาไปทั่วก็ไม่เห็นใคร
“ถามเป็นเด็ก แม่แกก็ไปหาเพื่อนเขาสิ ใครจะนอนตื่นสายจนตะวันแยงก้นแบบแก อายุก็ไม่น้อยมีเมียจนจะมีลูกแล้ว”
ไม่น่าถามเลย พสุเลยยกมือเบรกพ่อเอาไว้
“ผมถามนิดเดียวตอบซะยาวเชียว ไปกินข้าวก่อนดีกว่า” เดินไปยังห้องอาหารเรียกแม่บ้านนำกับข้าวมาให้เขา สร้อยจึงถือข้าวต้มกุ้งถ้วยใหญ่มารู้ว่าคุณเล็กกินจุขนาดไหน
“เออสร้อย เมื่อวานนิททำอาหารไว้ไหม”
สร้อยที่ยังโกรธคุณเล็กแทนนิทราก็ตอบเสียงแข็ง
“ทำค่ะ ทำเยอะเชียว ยังเหลืออยู่เลย” มองดูแววตาแข็งของเด็กในบ้านเขาก็ทำเพียงยิ้มให้ หันมาลงมือทานข้าวต้มจนหมดชามจึงยกผ้าขึ้นมาเช็ดปากดื่มน้ำเปล่าตาม
วันนี้เขาว่างทั้งวันไม่คิดจะออกไปไหนด้วยเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์กะว่าจะนอนเล่นดูหนังอยู่ที่บ้าน
“วันนี้แกไม่ไปไหนหรือ” เห็นลูกชายออกมานั่งเล่นด้วยพลางกดโทรศัพท์จึงถามขึ้น ปกติอยู่ไม่ติดบ้านตลอด
“ไม่พ่อ อยากจะพักผ่อน”
“เออ เพิ่งรู้ว่าแกรู้จักคำนี้ด้วย” พ่อเขาก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อหลังจากได้พูดกระทบลูกชาย
ที่จริงเขาเป็นคนไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเสียเท่าไหร่ มีวันหยุดก็ชอบไปเที่ยวกับเพื่อน ไม่ก็พาลินดาไปทำธุระ จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปกิจกรรมเขาจึงเปลี่ยนไปด้วย คงจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาอยากเจอหน้านิทราหรอก
“กับพี่ชายแกนี่ยังไง ทะเลาะกันหรือ” นั่งเงียบสักพักคุณดิลกก็ปิดหนังสือถามขึ้นเสียงปกติไม่ได้คาดคั้นแต่อย่างใด
..นี่แหละที่น่ากลัวสำหรับบ้านเขา พ่อจะพูดเรียบแต่เด็ดขาด ไม่สามารถโกหกหรือลื่นไหลได้เลย ยิ่งจ้องนิ่งขนาดนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเป้ายิงปืนเสียอย่างนั้น
“ก็ไม่เชิงพ่อ แค่ไม่อยากคุย” ก้มลงเล่นโทรศัพท์ต่อ เข้าแอปพลิเคชันยอดฮิตอย่างอินสตาแกรมเช็กรูปภาพไปเรื่อยในเมื่อพ่อถามมาตรงๆ เขาก็ตอบไปตามตรงเหมือนกัน
“เรื่องหนูลินหรือเปล่า”
“ประมาณนั้น พ่อทำไมฉลาดจังเลย” เงยหน้ามาชม
คุณดิลกเลยถอนหายใจ
“แกเป็นลูกฉัน ฉันก็ดูแลมาตั้งแต่เด็กมีเรื่องแค่นี้ทำไมจะดู ไม่ออก”
“เป็นพี่น้องกันก็รีบเคลียร์เสีย อย่าให้เรื่องผู้หญิงทำให้แตกกัน”
..ก็เข้าใจที่พ่อพูดแต่มันทำยากเหลือเกิน นั่นลินดาที่เขาแอบชอบมานานไม่คิดว่าอยู่ดีๆ พี่ชายจะแย่งไป แย่งอย่างหน้าด้านๆ รู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบเธอมานานคิดแล้วก็แค้นไม่หาย
“เข้าใจแล้วน่า”
คุยกันได้สักพักคุณวรรณนภาก็เดินเข้ามาเสียก่อน พสุผละจะหน้าจอโทรศัพท์มองหน้าใครบางคนแต่ก็ไม่เห็น
“ว่าไงพ่อลูกชาย ตื่นแล้วหรือจ๊ะ” นางเห็นลูกเหลือบมองไปข้างหลังก็ยิ้มออกมา คงมองหน้านิทรา
“ก็ครับ เมื่อคืนผมกลับดึกเลยตื่นสายหน่อย”
“ไม่เรียกว่าสายหรอกจ้ะ เรียกว่าจะเที่ยงเลยดีกว่า”
ลูกชายคนเล็กขี้เซาเหลือเกินในขณะที่พี่ใหญ่ตื่นแต่เช้าออกไปทำงานเรียบร้อย แม้จะเป็นวันเสาร์ก็มีนัดนอกรอบกับลูกค้าจนอดสงสารไม่ได้
“แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนหรือ อยู่ติดบ้านเป็นด้วย” ทั้งพ่อทั้งแม่ต่างก็แปลกใจไม่แพ้กันที่ลูกชายคนเล็กอยู่บ้านไม่ออกไปไหนในวันหยุด
พสุถอนหายใจออกมาทำไมทุกคนชอบคิดว่าเขาเป็นหนุ่มนักเที่ยว เขาไม่ได้ชอบเที่ยวแค่ชอบอารมณ์ตอนเที่ยวต่างหาก มันสนุกก็เท่านั้น
“แล้วหนูนิทล่ะคุณ” เห็นลูกชายเหลือบมองไปหน้าบ้านบ่อยเลยถามภรรยาขึ้นให้ เจ้าลูกชายตัวดีคงไม่กล้าถามเป็นแน่
“ช่วยพี่ลดาทำงานอยู่ค่ะ อีกสักพักคงมา”
เท่านั้นพสุก็ยิ้มออกมา ซึ่งไม่พ้นสายตาของคนเป็นพ่อแม่
“ว่าแต่เมื่อคืนกลับมากี่โมง” กลับมาซักลูกชายตัวดี
“ไม่แน่ใจครับ ไม่ได้ดูนาฬิกาเลย” หากบอกตีสี่คงไม่รอดโดนเทศน์ชุดใหญ่แน่เขาเลยตอบแบบกลางๆ
มารดาก็ส่งค้อนให้
..ลื่นเหลือเกินพ่อคุณ
พสุนั่งดูแอพพลิเคชั่นก่อนจะสะดุดกับรูปทะเลที่สัตหีบซึ่งเพื่อนเขาถ่ายมาลง อยู่ใกล้กรุงเทพสามารถขับรถไปเองได้ไม่เหนื่อย
..ก็น่าสนใจดีนะ
“อ้าวหนูนิทมาแล้วหรือจ๊ะ นั่นถืออะไรมา”
ลูกชายคนเล็กของบ้านเงยหน้าขึ้นมาจากจอสี่เหลี่ยมทันที พบภรรยาเดินถือกล่องขนมมาด้วย
“แม่ทำขนมชั้นค่ะเลยแบ่งมาให้”
หน้าตาดูน่าทานวางไว้เต็มจาน ขนมชั้นของคุณยลลดาขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจนคุณวรรณนภาขอให้รุ่นพี่สอนแต่รสชาติกลับออกมาไม่อร่อยเท่า
“เดี๋ยวนิทเอาไปใส่จานมาให้กินนะคะ” ไม่แม้แต่จะชายตาแลมายังสามีที่นั่งอยู่
พสุรับรู้ได้ถึงความแปลก เขายังคงนั่งเล่นมือถือต่อไม่ได้สนใจจนกระทั่งภรรยาถือจานขนมออกมาแล้วไปนั่งข้างแม่ของเขา ปกติจะมานั่งโซฟาเดี่ยวข้างเขา
“หนูนิทช่วยแม่ทำงานเสร็จแล้วหรือจ๊ะ”
“ยังค่ะ นิทเอาขนมมาให้แล้วเดี๋ยวจะกลับไปช่วยแม่” สองสาวต่างวัยนั่งคุยกันไปสักพักจนขนมหมด
โดยที่พสุยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำเหมือนสนใจจอสี่เหลี่ยมขนาดเล็กตรงหน้าแต่ภายในใจกลับคิดไปต่างๆ นานา
..หรือนิทราจะโกรธที่เขากลับบ้านค่ำ แต่จะโกรธก็เรื่องของเธอไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด ใช่ไม่เกี่ยวแต่ทำไมใจของเขามันหวิวแปลกๆ
“คุณแม่คะ นิทว่าคืนนี้จะขอนอนบ้าน จะช่วยแม่ทำชุดให้เสร็จ” ไม่แม้แต่จะเหลือบมามองชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าสามี เธอยังโกรธเขาอยู่จึงไม่อยากอยู่ใกล้หรือนอนห้องเดียวกัน
“ก็ดี” เพราะความปากไวจึงพูดออกไป
นิทราเม้มปากแน่นยิ้มให้ผู้อาวุโสทั้งสองเดินถือกล่องใส่อาหารกลับบ้าน คุณวรรณนภาส่ายหัวให้กับความปากแข็งของลูกชาย ส่วนคุณดิลกก็ได้แต่ส่ายหน้าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องหนุ่มสาวแค่ที่บังคับให้ลูกชายแต่งงานกับนิทราก็สงสารหญิงสาวมากพออยู่แล้ว โดนลูกชายของตนเองทำให้เสียใจตลอด
“ทำไมปากแบบนี้นะ” ถ้าอยู่ใกล้กว่านี้เธอจะตีปากลูกชายให้สมกับความปากมอม
“ดีจะตายแม่ ผมก็จะได้นอนสบายขึ้น” ยิ้มให้มารดาก่อนลุกขึ้นเดินไปบนห้อง พอลับสายตาผู้ใหญ่ทั้งสองหน้าที่ยิ้มก็หุบลงทันที
..นิทราโกรธเขาเป็นแน่ ทำไมรู้สึกกระวนกระวายแบบนี้ล่ะ อยากเดินไปอธิบายแต่ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาจึงรับสายพบว่าเป็นเพื่อนสนิท
“มึงจะไปเที่ยวสัตหีบหรือ” เป็นเนติธรที่โทรมาหา
“เอออยากไป มึงไปแล้วเป็นไงบ้าง” เดินขึ้นบันไดเปิดประตูห้องตัวเองก่อนนั่งลงที่โซฟายาว หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิด
“ก็สวยดีนะเว้ย หาดก็สะอาดดี คนไม่เยอะด้วยไม่ใช่ช่วงเทศกาล” นำเสนอเต็มที่อยากให้พสุได้ไป
“แล้วมึงไปกับใคร”
“ถามแปลกๆ กูก็ไปกับแฟนสิครับผม คนเขามีแฟนจะให้ไปคนเดียวแล้วหาเอา ข้างหน้ากูก็กลัวเลือดบวกวะเพื่อน” ส่ายหัวยิ้มขำเพื่อน แต่ก่อนเนติธรก็เสือตัวพ่อเหมือนกัน ได้ลูกค้าในร้านเป็นคู่นอนประจำแต่เดี๋ยวนี้มีแฟนก็เริ่มติดแฟน
“ตอนนี้ก็ไม่แน่ อาจมีก็ได้”
“อ้าวไอ้นี่ มึงพูดจาแมวๆนะครับคุณครับ ว่าแต่ที่ถามนี่จะไปหรือ ไปกับใคร เมียว่างั้น” เจอถามกลับเขาก็พูดไม่ออก เงียบไปสักพักจนปลายสายต้องเรียก
“เออ ไปกับใครก็เรื่องของกูป่ะครับเพื่อน เผือกแล้วครับ” กดตัดสายไปเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของปลายสาย
เขาเปิดโน้ตบุ๊กดูรีวิวถึงสถานที่ท่องเที่ยว ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปกับใครรู้แค่ว่าอยากไป แต่ไม่รู้ทำไมใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งถึงลอยเข้ามาได้
..เขาอยากไปกับนิทราอย่างนั้นหรือ?
ไม่รู้จะชวนใครแต่เหตุใดเขาถึงได้เก็บเสื้อผ้าของภรรยาใส่กระเป๋าขนาดกลางพร้อมกับกระเป๋าเป้สะพายหลังที่ใส่เสื้อผ้าของเขาลงมาด้วย แม้ใจจะสับสนแต่ก็ทำไปแล้วเวลานี้ก็เหลือแค่ไปชวนอีกคนเท่านั้น เขาควรจะหาเหตุผลอะไรไปบอกเธอดีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียหน้า
..ไม่ได้คิดจะง้อหรอกนะแค่อยากไปทะเลเท่านั้น
เขาท่องในใจไว้แบบนั้นจนกระทั่งลงมาเจอกับแม่ตนเอง
“นั่นจะไปไหน” เห็นกระเป๋าสองใบที่ลูกชายถือก็ถามขึ้นด้วยสงสัย
..ไหนบอกว่าจะอยู่บ้านแต่ผ่านไปไม่นานก็เก็บเสื้อผ้าเสียแล้ว
“ไปทะเลครับ พอดีผมว่าจะไปดูงานเลยกะไปเที่ยวด้วย” ระหว่างทางเดินลงมาเขาคิดข้ออ้างมาเรียบร้อยแล้ว
“อย่างนั้นหรือ ชวนหนูนิทไปด้วยสิ จะได้ไปเปิดหูเปิดตา” คุณดิลกแนะนำและแน่นอนว่าลูกชายไม่ปฏิเสธแต่ถ้าตอบรับเร็วไปก็จะน่าสงสัย
“เขาจะอยากไปกับผมหรือครับ เห็นบอกจะนอนบ้าน” ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรู้ทันบุตรชาย ใจจริงก็คงอยากให้ไปแต่ปากแข็งเท่านั้นไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
“ไปชวนก่อนไป แม่อยากให้หนูนิทไปเที่ยวบ้าง วันๆ อยู่แต่บ้าน มีสามีทั้งทีก็เอาแต่เที่ยวเตร่อยู่ไม่ติดที่”
..ว่ากระทบเขาอีก ใครเป็นลูกตอนนี้ก็ชักจะไม่แน่ใจในเมื่อมารดาเข้าข้างลูกสะใภ้เสียเหลือเกิน
“ครับคุณแม่ เดี๋ยวผมไปชวนลูกรักแม่แล้วกัน ไปก่อนนะครับ” โบกมือลาผู้ใหญ่ทั้งสองออกจากบ้านไป “แล้วไม่รอให้หนูนิทมาเก็บเสื้อผ้าหรือไง” มองตามหลังลูกชายไปก็ขัดใจ ปากบอกจะชวนแต่ดูเหมือนรีบจะออกไปเสียอย่างนั้น
“เอาน่าคุณ อย่าไปอะไรกับมันนักเลย ปากแข็งเป็นที่หนึ่ง”
พสุเดินไปยังรถยนต์เอากระเป๋าใส่ท้ายรถก่อนขึ้นขับมาจอดที่หน้าบ้านของนิทรา แปลกที่ครั้งนี้กลับตื่นเต้นราวกับไม่เคยมาเสียอย่างนั้น เขาเดินเข้ามาภายในบ้านก็เจอคุณยลลดากำลังเย็บผ้าอยู่ในขณะที่นิทราก็นั่งอยู่เครื่องจักรอีกฝั่ง
“สวัสดีครับคุณแม่” เสียงนั้นเรียกความสนใจจากทั้งสอง อาจเพราะเร่งทำงานเลยไม่ได้ยินเสียงคนเข้ามา พสุก็เดินเบาเสียเหลือเกิน คุณยลลดาผละจากงานที่ทำยิ้มอ่อนโยนให้ลูกเขย
“ว่าไงพสุ มาหายายนิทหรือ” นิทราเงยหน้าสบตากับเขาครู่เดียวก็หลุบตาลงจัดการกับงานตรงหน้า
“ครับ ผมว่าจะชวนนิทไปเที่ยว”
คำตอบตรงทำเอาร่างบางที่เพิ่งก้มหน้าเงยหน้ามาสบตากับเขา
..เกิดอะไรขึ้นถึงได้ชวนเธอไปเที่ยว ปกติแค่หน้าเธอเขายังไม่อยากจะมองเลยไม่ใช่หรือ
“ที่ไหนหรือจ๊ะ” คุณยลลดาวางมือจากงานที่ทำหันมาถามพสุ
“ระยองครับ” ในเมื่อเพื่อนไปสัตหีบแล้วเขาก็ไม่อยากไปซ้ำรอยเลยขอเลือกไปอีกที่ที่ใกล้เหมือนกันดีกว่า
“ไปไหมลูก น่าสนุกนะ ตั้งแต่เรียนจบนิทก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยไม่ใช่หรือ” คนเป็นแม่เชียร์เต็มที่เพราะนิทรายังไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลบ้านเลยตั้งแต่เรียนจบ ครั้งล่าสุดก็คือเมื่อจบปริญญาตรีที่เธอขอไปเที่ยวโคราชกับกลุ่มเพื่อนก่อนแยกจากกัน
“แต่ว่าชุดแม่จะทำทันหรือคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก แค่นี้เองแม่ทำคนเดียวก็ได้”
นิทราชั่งใจอยู่สักครู่มองพสุก็ถอนหายใจออกมาแพ้สายตาคมคู่นั้นที่มองอย่างเว้าวอนอยู่ในที
“ถ้าอย่างนั้นนิทขอไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะ” คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มของคนเป็นแม่ได้
ส่วนพสุก็ยิ้มมุมปากเรียกรั้งเธอเอาไว้
“เก็บมาให้แล้ว ไปกันได้เลย”
..มีเตรียมพร้อมอย่างเสร็จสรรพแบบนี้เขารู้แล้วอย่างนั้นหรือว่าเธอจะไป
นิทราไม่ได้โต้ตอบออกไปเพียงแค่เก็บของเช่นโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ใส่ในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก
“ไปนะครับแม่”
“จ้ะ แม่ฝากดูแลนิทด้วยนะ”
“ครับ”
นิทราเดินนำเขาออกจากบ้าน พสุล่ำลาคุณยลลดาแล้วเดินมาขึ้นรถ ขับออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำแม้จะดูอึดอัดแต่ก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่