๑๑
เขาไล่ความคิดนั้นออกไปก่อนตอกย้ำว่าเกลียดเธอ เธอเป็นคนต้นคิดเธอคือคนผิดที่ทำให้เรื่องมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เขาไม่ได้รู้สึกดีกับเธอเลยอาจเป็นเพราะเป็นเพื่อนกันมานานอาจมีวูบหนึ่งที่รู้สึกดี ใช่อาจเพราะความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนทำให้เขาอาจรู้สึกดีกับเธอในบางครั้ง
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในร้านก่อนนั่งรอลูกค้าที่จะมาร่วมทุน การคุยกันเบื้องต้นเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีก่อนจะเซ็นสัญญาที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ เขาใส่ชุดสบายๆ ไม่ได้เป็นพิธีการแต่อย่างใด
รอไม่นานคุณปภาวินก็เดินเข้ามาพร้อมกับภรรยาสาวแม้จะดูไม่สวยเฉี่ยวแต่ก็น่ารักน่าทะนุถนอม
“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”
คุณปภาวินเจ้าของรีสอร์ตพรรณวดีซึ่งเป็นรีสอร์ตขนาดใหญ่มีชื่อเสียงมากทางภาคเหนือ เขาเป็นพ่อเลี้ยงที่ยังหนุ่มแถมใบหน้าก็หล่อคมเข้มทำเอาสาวพากันเหลียวมองถ้าไม่ได้มากับภรรยาคงไม่พ้นโดนสาวในร้านมานั่งคุยด้วยเป็นแน่
เมขลาเองก็จ้องลูกค้าหนุ่มเช่นเดียวกันจนสบตากับสาวข้างกายที่อีกฝ่ายหนีบมาด้วยจึงเบือนหน้าหนี
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็พึ่งมาเหมือนกัน” สองหนุ่มคุยกันอย่างถูกคอโดยมีคุณนารารินภรรยาของปภาวินร่วมวงด้วยในบางครั้ง คุยกันนานพอสมควรพอเห็นว่าดึกสองสามีภรรยาก็ขอตัวกลับโดยที่เรื่องการสร้าง รีสอร์ตเขาจะเข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทพรุ่งนี้เช้า
พสุลุกไปส่งทั้งสองแล้วกลับเข้ามาเอาของในร้านอีกครั้ง
“จะกลับแล้วหรือคะ” ถามน้ำเสียงเสียดายเมื่อเห็นเจ้านาย เก็บของ
“ใช่” ตอบเสียงเข้ม
เมขลาลุกขึ้นมากอดแขนเขาเอาไว้ก่อนไล้นิ้วไปตามกล้ามแขนล้ำอย่างเย้ายวน
“เมียรออย่างนั้นหรือคะ” คำถามนั้นทำเอาเขาชะงักไปเพียง ครู่เดียว
“เปล่า งานเสร็จแล้วก็ต้องกลับ”
“แต่เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ งานเสร็จแต่เราก็ยังสนุกกันต่อได้ ใช่ไหมคะ” ถามเสียงเย้ายวนพร้อมกับนัยน์ตาหวานที่ทอดสะพานให้อีกฝ่ายเต็มที่
พสุมีท่าทีลังเลเพราะใจนั้นอยากกลับบ้านแต่ก็ค้านตัวเองว่าจะรีบกลับไปทำไมกัน เขาอยากไปหานิทราหรืออย่างไร
“ก็ได้ ผมจะอยู่ต่อ”
คำนั้นสร้างความดีใจให้กับเมขลาอย่างยิ่ง เธอสั่งเครื่องดื่มหนักๆ มาให้เขาหวังจะมอมเต็มที่ เพียงแค่มองแววตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายอยากกลับบ้านมากเพียงใด แต่เหตุผลที่อยู่ก็ไม่อาจทราบว่าทำไม
..ตอนนี้ขอใช้เวลาให้คุ้มค่าหน่อยเถอะ จะมอมเหล้าให้เขาไปไหนไม่ได้เลยคอยดู คืนนี้ทั้งเธอและเขาจะสนุกสุดเหวี่ยงบนเตียงกว้างในโรงแรมสักที่
เสียงโทรศัพท์ของนิทราดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ผวาลุกขึ้นไปก่อนถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าไม่ใช่คนที่ตนเองเฝ้ารอแต่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
“สวัสดีหวาน โทรมาเสียดึกเชียว” เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มที่เพื่อนโทรมา สร้างความแปลกใจเพราะปกติเพื่อนจะไม่ค่อยโทรหาเธอในเวลานี้เป็นที่รู้กันว่านิทราจะไม่ค่อยรับโทรศัพท์ช่วงเวลาดึก
‘ค่อยโล่งอกนึกว่าจะไม่รับเสียแล้ว’ปลายสายว่าอย่างโล่งใจ
“ปกติไม่ค่อยโทรมาเวลานี้ มีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า ก็ไม่อยากทำให้เธอไม่สบายใจนะนิท แต่มันอดไม่ได้ต้องโทรมาบอก พอดีฉันเห็นสามีเธอมานั่งกินเหล้าในผับกับผู้หญิงน่ะ”
สิ้นคำบอกเล่าตัวเธอก็ชาทันที มือบางสั่น ขาอ่อนแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก
“จะ จริงหรือ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“จริงแน่นอน ฉันจำพสุได้แม่น”
ตอนนี้ไม่รู้มีสีหน้าอย่างไรเพราะสร้อยรีบเข้ามาหาเธอมองอย่างเป็นห่วง นิทราแทบจะไม่รับรู้ประโยคต่อจากนั้นของเพื่อนก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไป มือบางทิ้งลงข้างลำตัว ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับเธอ เมื่อวันก่อนก็ไปวันนี้ก็ไปทั้งที่เพิ่งหาย เธอหรือก็เฝ้ารอเขาที่บ้านแต่อีกฝ่ายกลับไปอยู่กับหญิงอื่น
“พี่นิทเป็นอะไรคะ” สร้อยบีบขาของพี่สาวคนสนิทเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สบาย
“เปล่าจ้ะ พี่ไม่เป็นไรหรอก สร้อยดูละครไปเถอะพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
หากอยู่ตรงนี้เธอร้องไห้แน่ และถ้าสร้อยเห็นเอาไปบอกคุณแม่เรื่องจะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่ เธอกลัวพสุโดนว่าจึงเข้าห้องน้ำปิดฝาชักโครกลงนั่งลงราวกับคนหมดแรง น้ำตาไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก พยายามเก็บเสียงไม่ให้มันดังออกไปมันยากเหลือเกิน
..ทำไมพสุถึงทำแบบนี้กับเธอ โกรธเกลียดกันเธอไม่ว่า แต่อย่าทำเหมือนเธอไม่มีหัวใจด้วยการเอาผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ทั้งที่ยังจดทะเบียนสมรสกับเธออยู่ แค่นี้ใจเธอก็เจ็บช้ำมากพออยู่แล้ว เขาต้องการให้เธอเจ็บมากแค่ไหนกัน
“เธอจะรักเราไม่ได้เลยเหรอ” กระซิบถามผ่านลม
คำตอบของเขาก็ชัดเจนผ่านการกระทำทุกอย่างอยู่แล้ว พสุไม่มีวันรักเธอเพราะใจของเขามอบให้ลินดาไปหมดแล้ว เขาเกลียดเธอถึงทำทุกอย่างให้เธอช้ำขนาดนี้ มันเจ็บจนหายใจจะไม่ออกถ้าจะเป็นแบบนี้ขอกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมยังจะดีเสียกว่า หัวใจของพสุไม่มีวันที่จะเป็นของนิทราได้เลย ไม่มีวัน...
เมขลาพยุงหนุ่มหล่อมีดีกรีเป็นถึงรองประธานไปยังห้องพักของโรงแรม เขาพอมีสติอยู่บ้างว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นหากแต่ไม่มีแรงพอที่จะขัดขืนได้มึนหัวไปหมดตาก็แทบจะลืมไม่ขึ้น ดื่มเหล้าไปเยอะพอสมควรจนมึนเมาต้นเหตุก็เพราะเมขลาที่เชียร์ให้ดื่มจนเขาเมาหมดสภาพแบบนี้
“ใกล้ถึงแล้วค่ะ” กระซิบข้างหูโดยมือยังคงใช้คีย์การ์ดเปิดประตู พสุตัวหนักจึงใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะลากเขามาที่เตียงได้ “เฮ้อ!ตัวหนักชะมัด” วางลงอย่างแรงด้วยความเหนื่อย ก่อนจัดท่าให้เขานอนอย่างสบาย
“เมย์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวเรามาเล่นน้ำกัน” เสียงหวานกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูยิ้มพึงใจกับคำพูดกำกวมนั้น
พสุพยายามลืมตาขึ้นมองก็ไม่มีแรงเขาเลยหลับตาลงขยับให้ตนเองนอนอย่างสบายรอไม่นานเมขลาก็อาบน้ำเสร็จ เธอใส่เพียงผ้าเช็ดตัวปิดบังร่างกายเอาไว้เท่านั้น ฮัมเพลงอย่างคนอารมณ์ดีหยิบกล้องโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งท่าจะถ่ายคลิปวิดีโอ หล่อนเดินไปถอดเสื้อให้เขาที่นอนบนเตียง ถอดกางเกงเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวเท่านั้น แม้ว่าจะเคยมีสัมพันธ์กันมาก่อนแต่นั่นก็เพียงชั่วคราวเหมือนเขาปลดปล่อยอารมณ์ดิบเท่านั้นไม่ได้มองมาก จนกระทั่งวันนี้ที่เห็นเต็มตาว่าเจ้านายหนุ่มรูปร่างดีแค่ไหน
“เมียคุณเห็นจะว่ายังไงบ้างนะ” คราวนี้ไม่บ้านแตกก็ตายกันไปข้าง ยิ้มสมใจแล้วเริ่มเล้าโลมเขาปลดผ้าเช็ดตัวออกเหลือเพียงร่างกายเปล่าเปลือยเท่านั้น เดินไปกดอัดคลิปตัวเลขเดินก่อนที่ร่างบางจะเริ่มปฏิบัติการณ์ตามแผนของตนเอง แผนที่จะทำให้เรื่องราวต่อจากนี้รุนแรงราวกับพายุ
03.42 น. พสุงัวเงียตื่นขึ้นมาก็ชะงักเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกอดรัด เขาเหลียวมองด้านข้างก็พบเมขลาที่นอนอยู่ข้างกาย สมองเริ่มทำงานทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนจำได้ล่าสุดก็คือเขาเมาที่ร้านแล้วเดินเข้าโรงแรม พยายามที่คิดเหตุการณ์ต่อจากนั้นแต่มันก็มืดไปหมดเขาตัดสินใจเลิกคิดแล้วกลับบ้าน มองหาเสื้อผ้าตนเองรีบหยิบมาใส่ทันที เจอกระเป๋าเงินและกุญแจรถ โทรศัพท์อยู่ข้างเตียงเขาก็หยิบของทั้งหมดเดินออกไปจากห้องพักก่อนที่หญิงสาวจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ใจตอนนี้คิดไปถึงคนที่บ้าน
..จะยังรอเขาไหมนะ...
รถยนต์คันหรูขับเข้ามาภายในรั้วบ้านในเวลาตีสี่ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงบ้านเพราะยังเช้ารถจึงไม่ติด เขาทักทายลุงแซมที่ตื่นเช้ามาทำความสะอาดบ้านรอบนอกตามประสาคนแก่ที่นอนเร็วตื่นเช้า เข้ามาภายในบ้านที่ไฟบางส่วนยังเปิดใจเขาก็หายวาบเมื่อเห็นร่างบางนอนอยู่ที่โซฟาตรงห้องรับแขก เหมือนมีอะไรจุกคอทำเอาเขาพูดไม่ออก ใจมันรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายจนต้องเดินไปนั่งลงปัดผมที่มาปรกหน้าให้ เหลียวมองที่มือบางก็พบว่ายังถือไม้นิตติ้งอยู่
..คงถักรอเขาจนหลับไปสินะ มองดูเสื้อที่เธอถักก็ดูเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก
“ถือว่าไถ่โทษแล้วกัน” ว่าพลางอุ้มร่างบางขึ้นมาไม่อยากปลุกกวนให้ตื่น เขาอุ้มหญิงสาวขึ้นไปบนห้องวางไว้บนเตียงกว้างห่มผ้าให้อย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าแววตาที่ตนเองใช้มองภรรยามันอ่อนโยนมากแค่ไหน
พสุลงไปถือตะกร้าถักนิตติ้งที่มีไหมพรมเต็มไปหมดขึ้นมาให้เธอด้วยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำใส่ชุดนอน ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์เลยไม่ต้องออกไปทำงานคงได้พักผ่อนเพราะฉะนั้นเขาจะตื่นตอนไหนก็ได้
“อือ อะ” ร่างบางลืมตาตื่นตั้งใจจะพลิกตัวเพราะเมื่อยก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้ตนเองตกอยู่ในอ้อมกอดของพสุ เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันก่อนที่สมองจะนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่เพื่อนโทรมาบอก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลับมาตอนไหนเพราะเธอรอจนหลับไปเสียก่อน คราแรกว่าจะไม่รอเขาแต่ก็ทำไม่ได้ ทำไมคนที่รักต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวดด้วย
มองนาฬิกาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว เธอจึงยกมือเขาออกแต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีกจนเธออ่อนใจ
“ปล่อยก่อน” เอ่ยขึ้นในที่สุด กลัวไปใส่บาตรกับแม่ไม่ทันแต่พสุก็ไม่พูดอะไรนอกจากกอดเธอเอาไว้อย่างนั้น
“นอนก่อน” เขานอนซ้อนหลังเธอดมกลิ่นผมหอมสูดอย่างชื่นใจ
..ยาสระผมก็ใช้ยี่ห้อเดียวกันแต่ทำไมของนิทราถึงได้หอมกว่าอย่างนี้นะ ตัวก็นุ่มนิ่มกว่าหมอนข้างเสียอีกในความคิด กอดไว้แบบนี้ก็นอนสบายดีเหมือนกัน
“นี่เราจะไปใส่บาตร” ไม่ได้คำรับตอบรับอีกเธอถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ
..ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ
นิทรารอจนพสุหลับไปอีกครั้งจึงค่อยๆ ยกแขนเขาออกจากลำตัวเธอ แขนก็หนักเธอหยิบหมอนมาวางไว้ให้เขากอดส่วนตนเองลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เดินออกมาสามีก็ยังคงนอนหลับแม้ว่าตอนนี้จะเจ็ดโมงสิบห้านาทีแล้วก็ตาม เขาช่างเป็นคนที่นอนขี้เซาเหลือเกิน ตั้งแต่เด็กจนโต
“ทำไมวันนี้ตื่นสายล่ะหนูนิท” ลงมาข้างล่างทุกคนก็ทานข้าวหมดแล้ว เธอยิ้มอย่างรู้สึกผิดเดินไปนั่งโซฟาเดี่ยวในห้องโถงใหญ่
“คือเมื่อคืนนิทนอนไม่ค่อยหลับค่ะ” นั่งรอสามีทั้งคืนจนผล็อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของพสุเสียแล้ว
“แล้วตาเล็กกลับตอนไหนละ” คุณดิลกที่นั่งอ่านหนังสือข้างภรรยาถามขึ้น
“น่าจะดึก นิทก็ไม่ทราบพอดีหลับก่อนค่ะ” ทั้งสองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก นิทราจึงขอตัวไปบ้านแม่ของตนเองคุณวรรณนภาจึงเดินไปด้วยจะไปคุยถึงเรื่องการไปทำบุญที่นครสวรรค์วันมะรืน บ้านอยู่ใกล้กันก็สะดวกจะไปจะมาตอนไหนก็ได้