ตอนที่ 1
พุทธศักราช ๒๔๙๐
ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในบางกอก ไกรบีบมือของพิกุลผู้เป็นภรรยาเอาไว้แน่นในช่วงเวลาที่ลมหายใจของหล่อนเริ่มแผ่วลง เหนื่อยหอบจนค่อยๆ ขาดห้วงหาย ด้วยหล่อนใกล้สิ้นใจเต็มที ภายหลังจากเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมานานกว่าเดือน เพราะป่วยด้วยโรคเนื้องอกในสมอง...อีกนัยก็คือมะเร็งในสมองนั่นเอง
พิกุลเข้มแข็ง หล่อนพยายามต่อสู้กับโรคร้ายอย่างถึงที่สุด โดยมีไกรผู้เป็นสามีคอยดูแลและเป็นกำลังใจใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา
หากแต่นับวันโรคร้ายก็ยิ่งกำเริบหนักขึ้นทุกที หมอบอกกับไกรว่าเนื้อร้ายก้อนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ยากยิ่งต่อการผ่าตัด นั่นเท่ากับว่าถ้าตัดสินใจ ‘ผ่าตัด’ คนป่วยก็ต้องยอมรับความเสี่ยง ซึ่งแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าโอกาสเสียชีวิตนั้นมีสูงมาก
‘ไม่นะ...พิกุลไม่ผ่า’
ไกรย้อนระลึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนหน้า เสียงคัดค้านของภรรยายังดังกึกก้องอยู่เต็มสองหูของเขา ภายหลังจากชายหนุ่มได้คุยกับแพทย์ผู้ทำการรักษาแล้วแพทย์ได้ลงความเห็นถึงความเป็นไปได้ในกรณีที่ต้องผ่าตัดสมอง
‘ทำไมไม่ผ่าล่ะจ๊ะ...ถ้าผ่าตัดแล้วหาย พิกุลก็จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป...เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป’
ไกรถามเสียงเศร้า
‘ถ้าผ่าแล้วตายล่ะ...’
พิกุลย้อนถามเสียงเครือ ด้วยแพทย์ผู้ทำการรักษาเคยอธิบายให้หล่อนได้รู้ว่าโอกาสรอดชีวิตหลังการผ่าตัดมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์
ประโยคที่ได้ยินทำให้ไกรถึงกับอึ้ง ครั้นแล้วก็แย้งออกมาว่า
‘แต่...พิกุลจะไม่ลองเสี่ยงดูหรือ?’
ตอนนั้นไกรไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าต้องการให้หล่อนมีชีวิตอยู่ต่อไป...หรือถ้าเปลี่ยนกันได้...เขาขอเป็นคนที่ตายแทนหล่อน
‘พิกุลไม่อยากเสี่ยงเอาวันเวลาที่เหลือไปแลกกับการผ่า...ปล่อยให้พิกุลค่อยๆ ตายลงช้าๆ อย่างนี้เถอะนะ...อย่างน้อยพิกุลก็ยังมีเวลาได้เห็นหน้าพี่ ได้พูดคุยกับพี่ไปอีกสักระยะ...เท่านี้พิกุลก็ดีใจแล้วจ้ะ’
เสียงของหญิงสาวสลดลง แววเศร้าสร้อยคลออยู่ในดวงตา สีหน้ายอมจำนนต่อโชคชะตาที่ไม่ยอมให้หล่อนมีชีวิตอยู่นานกว่านี้
จากนั้นไกรก็เลือกที่จะไม่ผ่า...หลังจากปรึกษากับพิกุลแล้วหล่อนเป็นคนขอร้องว่าไม่ให้ผ่า
ไกรทำตามความประสงค์ของภรรยาที่ต้องการปล่อยให้โรคร้ายค่อยๆ พรากหล่อนไปจากเขาช้าๆ...ยังจะดีเสียกว่าผ่าแล้วไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า? หลังจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดได้ลงความเห็นว่าโอกาสรอดมีต่ำกว่าสิบเปอร์เซ็นต์
ตอนแรกที่ไกรรู้ว่าพิกุลป่วย เขายอมลาออกจากงานเพื่อมาอยู่ดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิด ด้วยตระหนักดีว่าเวลาของพิกุลเหลือน้อยลงทุกที...อีกไม่กี่วันมะเร็งร้ายในสมองกำลังจะพรากหล่อนไปจากเขา...ตอนนั้นจึงไม่มีสิ่งอื่นใดสำคัญไปกว่าการได้ใช้เวลาร่วมกัน
‘ไม่ต้องลาออกจากงานนะพี่ไกร...พิกุลอยู่คนเดียวได้’
ไกรยังจำได้ว่าพิกุลไม่อยากให้เขาลาออกจากงานเพื่อมาอยู่ดูแลหล่อน
‘พี่ตัดสินใจดีแล้ว’
ไกรยืนกรานเสียงหนัก ด้วยอยากให้ทุกเสี้ยวเวลานาทีระหว่างพิกุลกับเขานับต่อจากนี้...ค่อยๆ หมดลงไปอย่างน่าจดจำและประทับใจที่สุด
ไกรสัญญาว่าจะกุมมือหล่อน จะบีบมือหล่อนเอาไว้แน่นตราบจนเวลานาทีสุดท้าย ในวันที่หล่อนสิ้นใจจะมีเขานั่งอยู่เคียงข้างไม่ห่าง เหมือนกับที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
“พี่ไกรจ๊ะ...ช่วยอะไรพิกุลหน่อยได้ไหม”
มือไร้เรี่ยวแรงของหญิงสาวพยายามเอื้อมไปคว้าซองจดหมายที่วางเอาไว้ข้างเตียง แต่ก็ยากลำบากจนไกรต้องรีบยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
“เดี๋ยวพี่หยิบให้นะจ๊ะ”
ไกรเอื้อมหยิบซองจดหมายมาใส่มือของภรรยา พิกุลยื่นมือซึ่งสั่นน้อยๆ ออกมารับซองจดหมายสีขาวเอามาแนบอก รื้นน้ำตาใสๆ ถูกขับออกมาเอ่อคลอรอบดวงตา กระทั่งหยดลงมาเปียกชื้นอยู่บนซองจดหมาย ไกรเห็นแล้วรู้สึกใจคอไม่ดี
“พิกุลขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหมจ๊ะ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงแหบพร่ากับสามี