ตอนที่ 6 สวนทาง [1]
แคว้นเชว่
ภายในจวนตระกูลเหวินกำลังเกิดเรื่องใหญ่ ข่าวลือเสื่อมเสียของเหวินฮูหยินตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา สร้างความวุ่นวายขึ้นภายในจวน
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้บุตรชายหย่าขาดกับฮุ่ยเจิน แต่เหวินซ่งเหยาไม่อาจตัดใจ ด้วยความที่ยังนึกเสียดายในความงดงามของภรรยา แต่ยิ่งไม่หย่าก็ยิ่งถูกหัวเราะเยาะจากคนทั้งเมือง
ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ลงมือด้วยตัวเอง ด้วยการยื่นคำร้องต่อนายอำเภอ ขอตัดขาดเหวินฮุ่ยเจินแทนบุตรชาย พอมาถึงวันนี้ ฮุ่ยเจินก็ไม่ใช่ฮูหยินตระกูลเหวินอีกต่อไป
สองนายบ่าวกำลังเก็บข้าวของเตรียมจะจากไป
"พวกเจ้าตรวจดูให้ดี ว่าพวกนางได้หยิบข้าวของในจวนไปหรือไม่ หากเจอรีบบอกข้าทันที จะได้จับพวกมันทั้งสองส่งนายอำเภอ"
เสียงแหลมสูงของสตรีดังขึ้น ก่อนที่อนุสี่จะก้าวผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสี่คน พอเข้ามาถึงเหล่าสาวใช้ก็เตรียมตัวจะรื้อค้นข้าวของในหีบทันที
"อย่าได้คิดจะแตะต้องของของข้าเป็นอันขาด! อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!" ฮุ่ยเจินเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสี่ด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะหันไปมองสตรีร่างอ้วนฉุที่ยืนเชิดหน้าสะบัดพัดในมือโบกไปมาอยู่หน้าประตู
"อนุสี่ ความฉลาดของเจ้ามันคงหายไปพร้อมกับความงดงามกระมัง ถึงได้มาก่อกวนทำให้ข้าเสียเวลาเยี่ยงนี้"
"เฮอะ! เจ้าว่าใครก่อกวน ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งให้ข้ามาตรวจดู เผื่อว่าเจ้าคิดขโมยข้าวของในจวน" อนุสี่เชิดหน้าสาวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะมองอดีตฮูหยินด้วยหางตา "พวกเจ้า รื้อค้นให้หมด!"
"หญิงโง่เง่า! เจ้าอยากให้ข้ารีบจากไป ถึงขึ้นสร้างข่าวลือว่าข้าแอบคบชู้ แต่พอข้ากำลังจะไป ยังหาเรื่องมาถ่วงเวลา อนุสี่ข้าว่าคงไม่แค่รูปร่างเจ้าที่น่าเกลียดขึ้นทุกวัน แต่ความโง่คงจะเพิ่มมากขึ้นตามด้วยเป็นแน่!"
"นี่เจ้า! นังสารเลว! กล้าว่าข้าเชียวหรือ" อนุสี่ยืนกระทืบเท้าเร่าๆ ชี้หน้าฮุ่ยเจินด้วยใบหน้าแดงก่ำ "คอยดู! ว่าวันนี้ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!!"
สาวใช้ที่กำลังทำท่าจะรื้อของตามคำสั่งต่างพากันหยุดชะงักลง ไม่กล้าที่จะทำอะไรส่งเดช หากให้พวกนางมองตามสายตา อดีตฮูหยินถึงอย่างไรก็ยังแลดูมีอำนาจมากกว่าอนุสี่อยู่ดี
"ข้าจะบอกอะไรให้นะ หากเจ้าไม่รีบไสหัวไป ข้าอาจจะเปลี่ยนใจยื่นหลักฐานต่อนายอำเภอ ว่าอนุสี่ของสกุลเหวินอยากได้ตำแหน่งฮูหยินจนถึงขั้นสร้างข่าวลือเสื่อมเสียเพื่อใส่ร้ายป้ายสี แล้วเจ้าว่า ถ้าหากซ่งเหยารู้ เขาจะเลือกใคร ระหว่างฮูหยินที่งดงามอย่างข้า กับอนุอัปลักษณ์อย่างเจ้า!"
จากที่หน้าแดง ใบหน้าของอนุสี่ก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมาทันควัน คำพูดหยาบคายติดอยู่ในลำคอ ข่าวลือเสื่อมเสียของเหวินฮูหยินตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมเป็นฝีมือของนางเอง และที่คนตรงหน้ากล่าวมาก็มิผิด หากระแคะระคายว่าข่าวลือของฮุ่ยเจินเป็นเรื่องกุขึ้น เกรงว่าเหวินซ่งเหยาต้องไม่ยอมให้อดีตฮูหยินผู้นี้จากไปเป็นแน่
หลังจากทบทวนอยู่พักใหญ่ อนุสี่ถึงได้ยอมตัดใจพาสาวใช้ทั้งสี่จากไป แต่ก่อนไปก็ยังไม่วายเหลียวมองหีบสมบัติของฮุ่ยเจินด้วยแววตาละโมภ
"ฮูหยินเจ้าคะ พวกเราไปกันเลยไหมเจ้าคะ เดี๋ยวบ่าวไปตามพวกอาเต้ามาช่วยยก"
"ไปเถิด"
หลังจากสองนายบ่าวออกจากจวนมา ก็นำสมบัติทั้งหมดไปขายเปลี่ยนเป็นทองคำ แล้วนำทั้งหมดไปฝากไว้ที่ร้านแลกเงิน เหลือติดตัวไปเพียงเล็กน้อย
ความอิจฉาริษยาและความโง่งมของอนุสี่ก็ยังถือว่ามีประโยชน์ เรื่องข่าวลือเสื่อมเสีย หากไม่ใช่เป็นแผนของฮุ่ยเจิน มีหรือสตรีไร้สมองอย่างอนุสี่จะคิดเองได้ หลังจากที่รอมาสี่เดือน ในที่สุดฮุ่ยเจินก็สามารถเดินทางไปหาบุตรสาวที่แคว้นจ้าวได้อย่างอิสระเสียที
ห้องทรงพระอักษร
ฮ่องเต้แคว้นเชว่ทรงนึกสงสัยมานานแล้ว เรื่องที่เลี่ยงอ๋องเลือกหญิงอัปลักษณ์ไปเป็นเครื่องบรรณาการ พอมีโอกาสจึงทรงตรัสถามทันที
"เราสงสัยมานานแล้ว ว่าเหตุใดเจ้าจึงเลือกสตรีอัปลักษณ์นางนั้นส่งไปพร้อมขบวนบรรณาการ"
"เพราะฝ่ามือและรอยยิ้มของนางพ่ะย่ะค่ะ"
"ฝ่ามือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"อธิบายมา"
"ในคืนงานเลี้ยง เดิมทีกระหม่อมก็หาได้สนใจในตัวเด็กสาวผู้นี้ แต่เพราะนางยกมือขึ้นทัดผมข้างหู ถึงได้รู้ว่าเหวินฟางเซียนหาใช่สตรีอัปลักษณ์
"ที่เจ้าพูดมา เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี"
"ฝ่ามือของนางเรียวงามซ้ำยังขาวผุดผ่องแทบจะส่องประกาย ผิดกับผิวคล้ำบนใบหน้าและลำคอ ฝ่าบาททรงเข้าพระทัยหรือยังพ่ะย่ะค่ะ"
"ฮ่าๆ เข้าใจแล้ว เด็กสาวผู้นั้นช่างฉลาดเสียจริง ถึงกับแปลงโฉมเพราะไม่อยากถูกเลือก แต่ก็ยังไม่รอดพ้นสายตาเจ้าอยู่ดี เลี่ยงอ๋องเจ้านี่ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ"