ตอนที่ 6 สวนทาง [2]
เลี่ยงอ๋องเพียงยกยิ้มบางเบา ไม่กล้ารับความชื่นชมในสายพระเนตรของฮ่องเต้
เพราะว่าความจริงแล้ว จนป่านนี้เลี่ยงอ๋องก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ ว่าทรงเป็นคนที่เลือกนาง หรือว่าเป็นนางกันแน่ ที่เป็นฝ่ายเลือกพระองค์
เรือนกระจ่างจันทร์ ฟางเซียนนอนป่วยอยู่สามวันเต็ม มีเพียงสาวใช้ที่ชื่อโหยวลู่คอยดูแล ตลอดสามวันที่ผ่านมา นางไม่เคยพบหน้าท่านแม่ทัพเลยสักครั้ง
"พี่โหยว ข้าอยากออกไปเดินรับลมหน่อย นอนอยู่แต่ในห้องรู้สึกอึดอัด"
"ได้เจ้าค่ะ" โหยวลู่รีบหยิบเสื้อคลุมมาสวมให้นายหญิงคนใหม่ด้วยความกระตือรือร้น ก่อนจะช่วยประคองร่างบอบบางก้าวออกจากเรือน
ก้าวออกมาได้ไม่เท่าไหร่ฟางเซียนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียด ทำให้นางรู้ทันทีว่าแม่ทัพสุ่ยยังพักอยู่ที่นี่
พอคิดไปถึงการกระทำของคนผู้นั้น ใบหน้างามล้ำเริ่มจะเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง รู้สึกคิดถึงมารดาจับใจ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งคิดน้ำตาก็พานจะไหล
"หายดีแล้วหรือ? ถึงได้ออกมาเดินตากลมอยู่ข้างนอก"
เสียงเข้มติดจะดุดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำให้สองนายบ่าวหยุดชะงักด้วยความตกใจ ร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าที่จะขยับ
ส่วนสาวใช้รีบหันกลับไปยอบกายให้ผู้เป็นนาย "ท่านแม่ทัพ" พอเห็นอีกฝ่ายโบกมือไล่ จึงจำใจต้องล่าถอย แต่ก็อดที่จะมองว่าที่ฮูหยินด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
เสวี่ยอันรอให้หญิงสาวตรงหน้าหันกลับมาตอบคำถามไม่ไหว จึงเป็นฝ่ายสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเชยคางอีกฝ่ายให้เงยขึ้นมามองสบตา "ข้าถาม เหตุใดถึงไม่ตอบ"
"ค่อยยังชั่วแล้วเจ้าค่ะ"
"ก็ดี คืนนี้ข้าจะได้กลับไปนอนเตียงของข้าเสียที"
"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าจะรีบย้ายข้าวของออกไป จะได้ไม่รบกวนท่านแม่ทัพ"
วาจาของฟางเซียนสร้างความไม่พอใจให้เสวี่ยอันยิ่งนัก และเขาไม่มีทางเชื่อว่านางจะอยากย้ายห้อง "หึ! อย่ามาเสแสร้งต่อหน้าข้า สตรีบรรณาการอย่างพวกเจ้าทั้งมารยาและมากเล่ห์ อย่าคิดนะ ว่าข้าจะรู้ไม่ทันความมักใหญ่ใฝ่สูงของเจ้า"
"นั่นก็แล้วแต่ท่านจะคิด เพราะตัวข้าก็แค่เด็กสาวต่างแคว้นที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว คงไม่มีปัญญาจะเปลี่ยนความคิดของแม่ทัพใหญ่ได้"
ฟางเซียนพยายามเบี่ยงหน้าออกจากปลายนิ้ว แต่คางกลับถูกบีบเอาไว้แน่น พร้อมกับจูบที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ดวงตาของนางเบิกโพลง ริมฝีปากถูกกัดให้เผยอออกรับปลายลิ้นสากที่กำลังพยายามชอนไชเข้ามา
วงแขนแกร่งรวบเอวคอดกิ่วให้ร่างเล็กเบียดเข้ามาแนบชิด
เสวี่ยอันรู้ตัวดีว่าความอดทนของตัวเองมีไม่มากพอในยามที่อยู่ใกล้เด็กสาว สามวันที่ผ่านมาจึงไม่อยากที่จะเข้าไปมอง พอข้ารับใช้มารายงานว่านางก้าวออกจากห้อง เขาจึงรีบตามมาทันที
เมื่อจูบจนพอใจ แม่ทัพหนุ่มถึงได้ผละริมฝีปากออกช้าๆ เพื่อมองผลงานของตัวเอง "อย่ามาทำอวดดีกับข้า ถ้ายังอยากมีชีวิต ในเมื่อหญิงบรรณาการอย่างพวกเจ้าถูกส่งมาเป็นเครื่องระบายความใคร่ ก็จงทำหน้าที่ของเจ้าให้เต็มที่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว บางทีข้าอาจจะเห็นใจยอมเลี้ยงดูเจ้าไปตลอดชีวิตก็เป็นได้"
น้ำที่เอ่อคลออยู่ในดวงตา ค่อยๆตกลงไปข้างแก้ม ริมฝีปากบางเม้มสนิท ฟางเซียนไม่คิดที่จะเอ่ยอะไรอีก วาจาดูถูกเหยียดหยามของคนตรงหน้าทำให้นางรู้สึกอัปยศจนพูดอะไรไม่ออก
น้ำตาของเด็กสาวทำให้หัวใจของแม่ทัพใหญ่กระตุกเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยผ่านมันไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะช้อนร่างบอบบางอุ้มขึ้นแล้วพากลับเข้าไปในเรือน
"เจ้าควรกลับไปพัก" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความแหบพร่าไม่ได้ดุดันเหมือนเก่า
เสวี่ยอันต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูงที่จะไม่จับร่างเล็กในอ้อมแขนกดลงบนพื้น แล้วเย่อนางให้สะใจ ถ้าไม่ติดที่หมอหลวงสั่ง เขาคงจะทำมันไปแล้ว กลิ่นกายหอมพิเศษของอีกฝ่ายมันช่างส่งกลิ่นยั่วยวนเร้าอารมณ์เสียเหลือเกิน
ร่างของฟางเซียนถูกวางลงบนเตียงอย่างเบามือ การกระทำกับคำพูดของแม่ทัพผู้นี้มันช่างแลดูสวนทาง
"ตรงนั้นของเจ้าหายเจ็บหรือยัง?" อีกฝ่ายลงนั่งข้างกายเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา จนนางต้องก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกอับอาย
"หากไม่ตอบข้าจะถือว่าเจ้าหายแล้ว" แม่ทัพสุ่ยไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะจับร่างเล็กกดลงบนเตียง ทำให้ฟางเซียนรีบละล่ำละลักตอบด้วยความตกใจ
"ยังเจ้าค่ะ ขะ..ข้ายังเจ็บอยู่"
"งั้นข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน" สุ่ยเสวี่ยอันแอบยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะสาวเท้าออกจากห้อง ทิ้งให้เด็กสาวนั่งกะพริบตาปริบๆ อยู่บนเตียง
หลังจากวันนั้นผ่านไปจนครบเจ็ดวัน หลังจากที่ฟางเซียนทำอาหารเสร็จพึ่งจะกลับเข้ามาในเรือน ก็ต้องตกอกตกใจ เพราะเจอเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่นั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่บนตั่ง
"เจ้าไปไหนมา!!?"
แม่ทัพสุ่ยอุตส่าห์ออกจากจวนไปหลายวันเพื่อรอให้หญิงสาวหายเป็นปกติ แต่พอกลับมา คนก็ดันไม่อยู่ มิหนำซ้ำยังไม่มีกระทั่งบ่าวไพร่ให้สอบถาม จะไม่ให้หัวเสียได้อย่างไร
เสียงตะคอกดุดันทำให้โหยวลู่ที่กำลังยกสำรับอาหารตามมาตกใจจนเกือบจะทำหลุดมือ
"ขะ..ข้าพึ่งเข้าครัวมาเจ้าค่ะ"
"เข้าครัว?"
สายตาคมกริบมองผ่านร่างเล็กไปยังสำรับอาหารในมือสาวใช้ ถึงพึ่งรู้สึกได้กลิ่นหอมของอาหาร เพราะสตรีแคว้นจ้าวส่วนใหญ่หากมีฐานะหน่อย มักไม่เคยเข้าครัว เสวี่ยอันจึงค่อนข้างประหลาดใจ
โหยวลู่รีบยกสำรับไปจัดวางบนโต๊ะอย่างรู้งาน เพราะในใจอยากจะอวดฝีมือทำกับข้าวของนายหญิงคนใหม่ให้ท่านแม่ทัพได้รู้
ไม่เพียงรูปลักษณ์ของอาหารแต่ละจานจะน่ากิน แต่ยังมีกลิ่นหอมมาก จนเสวี่ยอันต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว อดที่จะนึกทึ่งในตัวสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้ แต่พอคิดว่านางคือสตรีบรรณาการ ความรู้สึกเมื่อครู่ก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว