ตอนที่ 4 เกินมาหนึ่ง[1]
การเดินทางข้ามแคว้นใช้เวลาไปร่วมสี่เดือน ในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวงแคว้นจ้าว ซึ่งมีขณะทูตและของบรรณาการจากอีกสี่แคว้นมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน มีเวลาพักผ่อนและเตรียมตัวอีกหนึ่งวัน ในวันพรุ่งนี้คณะทูตจากห้าแคว้นจะได้เข้าเฝ้าจิ่นจงฮ่องเต้เพื่อถวายของบรรณาการ
ใต้ต้นฉำฉา ฟางเซียนหยิบถุงแดงที่มารดามอบให้ขึ้นมาดู เด็กสาวพิจารณาอยู่พักใหญ่ถึงได้ยอมเก็บกลับไป
กว่าแปดสิบปีแล้ว ที่ห้าแคว้นตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้นจ้าว ทั้งแคว้นหมาน แคว้นซาง แคว้นฉี แคว้นเล่าสู และแคว้นเชว่ ทุกแคว้นจะต้องส่งเครื่องบรรณาการมาทุกปี พร้อมหญิงงามกว่าร้อยนาง
ตลอดเวลาเกือบแปดสิบปีที่ผ่านมา จะมีสาวงามจากห้าแคว้น เข้ามาอยู่แคว้นจ้าวปีละห้าร้อยกว่าคน แต่กลับยังไม่มีสตรีใดได้ขึ้นนั่งตำแหน่งฮองเฮา เพราะที่ผ่านมาเชื้อพระวงศ์แคว้นจ้าวมักนิยมแต่งงานระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือด หากพี่ชายหรือน้องชายได้เป็นฮ่องเต้ก็จะมีพี่สาวหรือน้องสาวเป็นฮองเฮา
ซึ่งจิ่นจงฮ่องเต้ในวัยยี่สิบสี่ที่พึ่งขึ้นครองราชย์พระองค์นี้ ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อสมัยเป็นรัชทายาทในวัยสิบเจ็ด ได้ทรงอภิเษกกับองค์หญิงหกผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาและแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลังจากที่พระองค์ทรงขึ้นครองบัลลังก์
คำร่ำลือถึงความหล่อเหลาร้ายกาจของฮ่องเต้จิ่นจงโด่งดังไปทั่วดินแดน พระองค์ทรงเป็นจอมเผด็จการ และยังเอาแต่พระทัยเป็นที่สุด บวกกับความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ จึงทรงเป็นที่หวั่นเกรงยิ่งกว่าอดีตฮ่องเต้
เช้าวันใหม่มาเยือน คณะทูตและขบวนบรรณาการต่างมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าท้องพระโรง หญิงสาวกว่าห้าร้อยคนยืนเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ
สาวงามที่มีตำแหน่งพิเศษจะอยู่แถวหน้าสุด ด้วยเหตุนี้เองทำให้แคว้นเชว่กลายเป็นที่จับตามอง เพราะในปีนี้ ไม่เพียงแค่ส่งองค์หญิงที่งามล่มเมืองมาเป็นปีแรก ยังมีหญิงสาวทั้งสี่ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ แต่ที่ทำให้ทุกคนให้ความสนใจจริงๆ กลับเป็นหญิงสาวผิวคล้ำ
สมองของฮ่องเต้แคว้นเชว่ใช่ถูกลาเหยียบมาหรือไม่ ถึงได้กล้าส่งสตรีอัปลักษณ์มาเป็นเครื่องบรรณาการ มิหนำซ้ำยังยืนอยู่แถวหน้าสุดด้วย
นั่นคือความคิดของผู้คนในยามที่มองมา
ห้องทรงพระอักษร
บุรุษหน้าตาหล่อเหลาราวเทพเซียน อยู่ในชุดขุนนางขั้นสาม กำลังนั่งตรวจดูรายการข้าวของที่ทั้งห้าแคว้นนำมาถวาย
"ไม่มีขาดเกินพ่ะย่ะค่ะ อ้อ มีเกินอยู่หนึ่ง"
"หึหึ เราเห็นแล้ว"
ฉู่หยางกวานกุนซือคนสนิทต้องขนลุกทุกที เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของจิ่นจงฮ่องเต้ อดไม่ได้ที่ต้องเหลือบมองแผ่นหลังกว้าง "ฝ่าบาทคิดจะทำอันใดพ่ะย่ะค่ะ"
ร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนทอดพระเนตรออกไปนอกหน้าต่าง หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางเบา ฉลองพระองค์สีดำปักลวดลายมังกรทอง ขับเน้นให้ใบหน้าหล่อเหลาแลดูน่าเกรงขาม ซึ่งต่างกับพระสหายอย่างฉู่หยางกวานที่เครื่องหน้าแลดูอบอุ่นอ่อนโยน
จิ่นจงฮ่องเต้ทรงมิได้ตอบคำถามของสหายคนสนิท แต่ทรงสาวเท้าตรงไปยังโต๊ะทรงงาน ก่อนจะตวัดพู่กันร่างราชโองการขึ้นมาหนึ่งฉบับด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
หยางกวานได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นผู้ใดที่ต้องรับเคราะห์
"ขุนนางหยาง เหตุใดถึงมองเราเยี่ยงนั้น"
กุนซือหน้าหยกคร้านจะสนใจผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้น ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะก้าวออกจากห้องทรงพระอักษร "กระหม่อมออกไปรอหน้าห้องนะพ่ะย่ะค่ะ"
"เดี๋ยว ราชโองการนี่เรามอบให้เจ้าเป็นผู้นำไปประกาศ" ฮ่องเต้จิ่นจงทรงยื่นม้วนราชโองการให้สหายรักด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนมีเมตตา จนกุนซือฉู่เห็นแล้วขนลุกไปทั้งร่าง ต้องหรี่ตามองพระพักตร์ด้วยความหวาดระแวง
การประกาศราชโองการสมควรเป็นเจ้ากรมพิธีการหรือหลาวกงกงขันทีคนสนิท มันไม่ใช่หน้าที่กุนซืออย่างเขา แล้วรอยยิ้มนั่นมันคือเค้าลางแห่งความหายนะชัดๆ คิดแล้วหยางกวานจึงตัดสินใจไม่ยื่นมือไปรับ
"ฝ่าบาท สมควรให้หลาวกงกงเป็นผู้ประกาศจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ"
"เป็นเจ้าน่ะถูกต้องแล้ว ฮ่องเต้อย่างข้ากำลังสวมบทเฒ่าจันทรา จัดหาเนื้อคู่ให้แม่ทัพสุ่ย เพราะฉนั้นสหายอย่างเจ้าก็ต้องเป็นผู้ผูกด้ายแดง"
ด้วยความเฉลียวฉลาด ฉู่หยางกวานฟังปราดเดียวก็เข้าใจ หันหลังสาวเท้าไปยังบานหน้าต่าง ที่สามารถมองเห็นลานกว้าง "ระวังเถิด อาเสวี่ยไม่ได้เป็นคนใจเย็นเช่นกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ ระวังด้ายแดงจะทำพิษ"
"หึหึ เจ้าจะกลัวอะไรเล่า ทุกอย่างเรารับผิดชอบเอง"
กุนซือหนุ่มคร้านจะเอ่ยให้มากความ เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่รู้ว่าสมัยก่อนตัวเขาเผลอไปเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับฮ่องเต้ผู้นี้ได้อย่างไร
"ไปได้แล้ว ปล่อยให้สาวงามรอนานไม่ดี ปีนี้เราเลือกองค์หญิงแคว้นเชว่กับหญิงงามแถวหน้าสิบคน ส่วนที่เหลือยกให้เจ้าเอาไปแจกจ่ายให้พวกเหล่าขุนนาง
การปรากฏกายของฮ่องเต้จ้าวจิ่นจง และฉู่หยางกวานกุนซือหน้าหยก ทำให้หญิงงามทั้งหลายถึงกับตกตะลึง ใบหน้าแต่ละนางพากันขึ้นสี ทั้งยังมีท่าทางเขินอายอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ไม่ได้เห็นพระพักตร์ใกล้ๆ ยังเป็นถึงเพียงนี้
มีเพียงหญิงสาวไม่กี่คนที่เก็บอาการอยู่ อย่างเช่นองค์หญิงหนิงลี่ของแคว้นเชว่ที่ยังยืนนิ่งอย่างสง่างามพร้อมกับหญิงสาวผิวคล้ำที่เป็นของแถมในขบวนบรรณาการ ความหล่อเหลาของฮ่องเต้หนุ่มและกุนซือข้างกาย คล้ายจะไม่มีผลต่อพวกนางทั้งคู่