ตอนที่ 3 บรรณาการ[2]
ฮุ่ยเจินย่อมรู้อยู่แล้ว ว่าในใจสามีคิดสิ่งใด จึงหันไปทางเหวินจินเหมย "เมื่อถึงเวลา เจ้าก็ช่วยออกไปแสดงความสามารถแทนเซียนเอ๋อก็แล้วกัน ข้าจะรับรองเจ้าในฐานะบุตรีในภรรยาเอก"
ทั้งซ่งเหยา และจินเหมย ต่างพากันตกตะลึง ไม่คิดว่าฮุ่ยเจินจะยอมยกโอกาสดีเช่นนี้ให้กับลูกอนุ แต่สองพ่อลูกก็ยังพอที่จะเข้าใจได้ เพราะความอัปลักษณ์ของฟางเซียน
"เหมยเอ๋อต้องขอขอบคุณมารดาเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นอะไร แค่เจ้าทำให้เต็มที่ก็พอ"
"เหมยเอ๋อจะไม่ทำให้มารดาผิดหวังเจ้าค่ะ" จินเหมยเอ่ยด้วยรอยยิ้มงดงาม แววตามีแต่ความมุ่งมั่น จนฮุ่ยเจินเห็นแล้วรู้สึกค่อนข้างพอใจ
ที่นางต้องการให้ลูกอนุผู้นี้ติดตามมางานด้วยก็เพื่อจะได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนออกจากบุตรสาวภรรยาเอกอย่างฟางเซียน ยิ่งเหวินจินเหมยทำได้ดีเท่าไหร่ ความสนใจก็ตกไปที่ตัวนาง ถ้าหากถึงขั้นต้องตาผู้แทนพระองค์นั่นยิ่งดีใหญ่
แต่โชคชะตาจะยอมละเว้นฟางเซียนจริงหรือ
เมื่อถึงเวลาที่คุณหนูเหวินต้องออกไปแสดง จินเหมยเลือกที่จะดีดพิณ และนางก็ไม่ทำให้ฮุ่ยเจินผิดหวัง ความสามารถของลูกอนุผู้นี้เป็นรองสามยอดพธูเพียงหนึ่งส่วน เมื่อไร้เงาของคุณหนูฝาน เหวินจินเหมยก็ถือว่าโดดเด่นเป็นที่หนึ่งในงาน กลายเป็นที่เลื่องลือ
หลังจากงานเลี้ยงรับรองในคืนนั้น อีกสิบวันต่อมา ก็มีราชโองการมาถึงตระกูลเหวิน สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้แก่ฮูหยินผู้เฒ่าและเหวินซ่งเหยาเป็นอย่างมาก แต่สำหรับเหวินฮูหยิน นางแทบจะกระอักเลือด
"เซียนเอ๋อ บอกแม่มา คืนนั้นเจ้าได้เผลอไปทำอะไรให้เป็นที่ต้องตาเลี่ยงอ๋องหรือไม่"
"ไม่นี่เจ้าคะ ท่านแม่ก็เห็นว่าเซียนเอ๋อยืนอยู่เบื้องหลังท่านตลอด จนกระทั่งกลับจวน"
"ฮึก.. แล้วเหตุใดในราชโองการถึงได้มีชื่อของเจ้าอยู่ในนั้นได้เล่า" ฮุ่ยเจินที่ไม่ได้หลั่งน้ำตามาหลายปี ถึงกลับร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น สิ่งที่นางหวาดกลัวคือการพลัดพรากจากบุตรสาว และมันก็กำลังจะเกิดขึ้น นางไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้
"ท่านแม่เจ้าคะ อย่าร้องไห้เลย เป็นความผิดของลูกเอง เซียนเอ๋อผิดเองเจ้าค่ะ"
"มันไม่ใช่ความผิด ที่แม่ร้องไห้เพราะเป็นห่วงเจ้า ตลอดสิบปีมานี่ พวกเราอยู่ด้วยกันตลอด พอคิดว่าลูกต้องจากไป แม่แค่ทำใจไม่ได้"
ฟางเซียนรู้สึกสงสารมารดาจับใจ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ ย่อมไม่มีหนทางแก้ไข
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคชะตาหรือสวรรค์บันดาล ในคืนที่เลี่ยงอ๋องทรงจรดปลายพู่กันขีดเขียนรายชื่อของห้าสาวงาม กลับไม่หยุดแค่ห้ารายชื่อ พู่กันถูกตวัดเขียนชื่อเหวินฟางเซียนต่อท้ายไปเป็นคนที่หก ก่อนจะทรงถวายรายชื่อให้ฮ่องเต้
หญิงงามที่จะส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการมีทั้งหมดร้อยชีวิต แต่จะมีเพียงห้าสาวงามเท่านั้นที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษ และแต่ละคนจะถูกแต่งตั้งตามตำแหน่งความงดงามและความสามารถ
อย่างฝานซีอี้ หนึ่งในสามยอดพธูแคว้นเชว่ ได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ฮ่องเต้แคว้นเชว่ทรงอยากให้มีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้นมากกว่าต้องคอยส่งเครื่องบรรณาการให้แคว้นเจ้า
เฝ้าเพียรพยายามเฟ้นหาหญิงงามที่เพียบพร้อมมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ฝานซีอี้ ที่ทั้งงดงามฉลาดเฉลียวและมากความสามารถ
ส่วนอีกสี่หญิงงามที่เหลือ ต่างได้รับตำแหน่งคุณหนูอันดับหนึ่ง เพื่อยกระดับพวกนางให้สูงส่งขึ้น และหนึ่งในนั้นก็มี เหวินจินเหมยรวมอยู่ด้วย
ส่วนเหวินฟางเซียนกลับเป็นสตรีบรรณาการเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รวมอยู่ในร้อยสาวงาม และไม่ได้รับพระราชทานตำแหน่งเฉกเช่นสาวงามทั้งห้า ทำให้นางกลายเป็นเศษเหลือในขบวนหญิงงามบรรณาการในครั้งนี้
หนึ่งเดือนต่อมา เมื่อถึงเวลาที่ขบวนบรรณาการต้องออกเดินทาง ฮุ่ยเจินร้องไห้จนไร้น้ำตา มารอส่งบุตรสาวด้วยตนเอง
"เซียนเอ๋อ รับนี่เอาไว้" ถุงแดงใบเล็กถูกวางลงบนฝ่ามือของบุตรี "เมื่อใดที่เจ้าเกิดเรื่องร้ายแรงในแคว้นจ้าวจงเปิดมันออก แต่จำเอาไว้ ห้ามเปิดดูก่อนเป็นอันขาด เข้าใจไหมลูก"
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" ฟางเซียนรับคำมารดาอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่สองแม่ลูกจะยืนกอดกันนิ่ง "รอแม่นะเซียนเอ๋อ อีกไม่นานแม่จะไปหา"
"เฮอะ! อัปลักษณ์ก็ปานนั้น ได้เป็นของบรรณาการก็ดีเท่าไหร่แล้ว สมควรจะดีใจถึงจะถูก" พอพ้นหลังซ่งเหยา อนุสี่ที่มีโอกาสมาส่งบุตรสาว ก็มองสองแม่ลูกที่ยืนกอดกันด้วยสายตา ดูถูก ทั้งยังพูดจาประชดประชัน
ยามนี้เหวินจินเหมยบุตรีของนางมีตำแหน่งสูงส่ง ทั้งยังเป็นหนึ่งในห้าสาวงามทำให้นางได้หน้าไปไม่น้อย
แต่ฮุ่ยเจินมีหรือจะสนใจวาจาของอนุสามี ความสนใจทั้งหมดอยู่ในตัวบุตรสาวเพียงคนเดียวที่กำลังจะจากไป เพราะมีนางเท่านั้นที่รู้ถึงความพิเศษของฟางเซียน
รถม้าสีแดงคันใหญ่พร้อมขบวนอารักขาเคลื่อนเข้ามากลางขบวน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านั่นคือรถม้าของผู้ใด
องค์หญิงหนิงลี่ องค์หญิงที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่มีองค์หญิงส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการ
ด้วยบรรดาศักดิ์ของนาง หากต้องตาฮ่องเต้แคว้นจ้าว ก็อาจถึงขั้นได้นั่งตำแหน่งฮองเฮา ซึ่งแตกต่างจากหญิงงามบรรณาการทั่วไป
ถึงแม้แคว้นจ้าวจะเป็นแคว้นที่แข็งแกร่ง มั่นคง และมั่งคั่ง แต่ก็มีบุรุษมากกว่าสตรี จึงมีความต้องการหญิงงามจากแคว้นต่างๆ มาให้กำเนิดลูกหลาน และการจะพบเจอหญิงสาวที่ทั้งงดงามและเพียบพร้อมไปทุกด้านก็หาใช่เรื่องง่าย
ฮ่องเต้แคว้นเชว่ จึงทรงตั้งความหวังกับองค์หญิงหนิงลี่เอาไว้มาก เพราะนางคือหนึ่งในสามยอดพธูที่เลื่องชื่อ
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ขบวนบรรณาการต้องออกเดินทางมุ่งสู่แคว้นจ้าว ด้วยความที่เป็นส่วนเกิน ทำให้ฟางเซียนถูกจัดให้นั่งรถม้าคันเดียวกับจินเหมยโดยเป็นคำสั่งตรงจากเลี่ยงอ๋อง
เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้เหวินจินเหมยเป็นอย่างมาก เพราะสาวงามทั้งห้าสมควรจะมีรถม้าเป็นส่วนตัว เหมือนเช่นสี่สาวงามที่เหลือ แต่นางต้องมาทนเห็นหน้าอัปลักษณ์ของน้องสาวต่างมารดา ซึ่งผิดกับฟางเซียนที่นั่งกินลมชมวิวอย่างสบายใจ