ตอนที่ 2 งานเลี้ยง[2]
หลังจากที่เหวินซ่งเหยากลับไปไม่นาน อนุสี่ก็นำเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับที่จะใส่ออกงานมาส่งยังเรือนท้ายจวน ฮุ่ยเจินมองใบหน้าเหี่ยวย่นของสตรีตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาเท่าไหร่นัก
เมื่อสิบกว่าปีก่อน อนุสี่ผู้นี้ถือว่าเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศผู้หนึ่ง เหตุไฉนผ่านไปเพียงสิบกว่าปี นางถึงได้ดูแก่ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังมีรูปร่างอ้วนฉุจนดูแทบไม่ได้ ใบหน้าก็ทาด้วยแป้งหนาเตอะจนขาววอก ริมฝีปากแต้มชาดสีแดงสดจนเลอะขอบปาก
เห็นแล้วนางเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ต้องรีบยกชายแขนเสื้อขึ้นปิดบังครึ่งใบหน้า ก่อนจะแสร้งกระแอมกระไอ "อะแฮ่ม เจ้ามีธุระอะไร"
"ท่านพี่สั่งให้ข้าเอาเสื้อผ้ากับเครื่องประดับมาส่งให้เจ้า!"
เหวินฮูหยินเหลือบมองเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่กองอยู่บนโต๊ะ กระโปรงสีแดงสดกับเสื้อสีเขียวสด หึ! คิดจะให้ข้าใส่ไปให้ลาเหยียบหรือไงกัน เห็นแล้วก็คิดในใจอย่างนึกสมเพช ก่อนจะยกยิ้ม มองใบหน้าบึ้งตึงของสตรีตรงหน้า "เอากลับไป"
"ไม่ได้! ท่านพี่สั่งให้พวกเจ้าสองแม่ลูกสวมใส่ชุดที่เตรียมไว้ อย่ามาทำเป็นเรื่องมากหน่อยเลย ข้าไม่มีเวลามาสนใจพวกเจ้ามากนักหรอกนะ!"
"อนุสี่ เจ้าเป็นอนุสกุลเหวินมาก็หลายปี ไม่มีผู้ใดอบรมสั่งสอนบ้างหรือไร งานสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับตัวแทนขององค์ฮ่องเต้เจ้าไม่รู้หรือว่ามันสำคัญมากแค่ไหน"
ฮุ่ยเจินไม่รอให้อีกฝ่ายได้อ้าปากโต้เถียง คว้าผ้าสีแดงกับสีเขียวที่วางอยู่บนโต๊ะมาวางเทียบกัน แล้วยื่นส่งให้สตรีที่นั่งฝั่งตรงข้าม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับ
"เจ้าอยากทำให้ข้าขายหน้าด้วยการเตรียมชุดที่โสเภณีในหอนางโลมสวมใส่กันมาส่งให้ข้า แต่เจ้าลืมอะไรไปหรือไม่ ว่าข้าคือเหวินฮูหยิน ไม่ใช่มีแต่ข้าที่จะขายหน้า แต่เป็นตระกูลเหวินทั้งตระกูล!!"
กระโปรงแดงกับเสื้อเขียวที่อยู่ในมือของฮุ่ยเจินถูกโยนใส่หน้าอนุสี่อย่างแรง
"กรี๊ดดด! นังสารเลว! ทำอะไรของเจ้า!"
"ตัวโง่งม! อย่าได้มาทำตัวอวดฉลาดใส่ข้า! เพราะถึงอย่างไร ข้าก็ยังเป็นฮูหยินใหญ่แห่งจวนตระกูลเหวิน ส่วนเจ้ามันก็แค่เมียบ่าว เอาของโสโครกพวกนี้กลับไป!!!"
"นะ..นี่เจ้า! ข้าจะกลับไปฟ้องนายท่าน" อนุสี่ยืนเต้นเร่าๆ กำลังจะชี้หน้าด่าอย่างหยาบคาย
"หึ! ดี! รีบไปฟ้องเลย! ข้าจะได้มีข้ออ้างไม่ไปร่วมงาน!"
"เจ้า! เชอะ! คอยดูไปก็แล้วกัน ข้าจะทำให้พวกเจ้าสองแม่ลูกไม่มีที่ยืนในจวนสกุลเหวิน!!" เอ่ยจบอนุสี่ก็สะบัดหน้าจากไปด้วยความโมโห
ฮุ่ยเจินเองก็คร้านจะเก็บเรื่องไร้สาระมารกสมอง หยิบผ้าขึ้นมานั่งปักต่อราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงเย็น รถม้าคันหรูถูกเตรียมไว้เรียบร้อยพร้อมกับเหวินซ่งเหยายืนเอามือไพล่หลังมองไปยังทิศทางท้ายจวน ใบหน้าออกจะบึ้งตึงเล็กน้อย เพราะวาจาของอนุข้างกาย
"นายท่านเจ้าคะ พาเหมยเอ๋อไปด้วยนะเจ้าคะ ลูกถึงวัยปักปิ่นแล้ว แต่ยังหาคู่หมายที่ดีไม่ได้ งานเลี้ยงใหญ่โตเช่นนี้ เหมาะที่จะพาเหมยเอ๋อไปเปิดตัวนะเจ้าคะ"
อนุสี่อ้อนวอนด้วยเสียงอันสั่นเทา ความจริงทั้งคู่ตกลงกันไว้แล้วที่จะพาบุตรีของนางไปร่วมงานเลี้ยง แต่ในเทียบเชิญดันระบุชัดเจน ว่าเชิญภรรยาเอกและบุตรเท่านั้น ทำให้เหวินซ่งเหยาไม่อาจพาบุตรีหัวแก้วหัวแหวนไปร่วมงานด้วยได้
เหวินจินเหมย นอกจากจะได้ความงดงามมาจากมารดา ยังเป็นบุตรีที่เหวินซ่งเหยารักมากที่สุด นางไม่เพียงจะงดงาม แต่ยังมากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี หมากล้อม วาดภาพ เขียนพู่กัน โครง ฉันท์ กาพย์ กลอน ล้วนเป็นที่เลื่องลือ
ถึงแม้ว่าจะด้อยกว่าสามยอดพธูอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูลเหวิน ที่อนุสี่ยังอยู่ในตระกูลได้อย่างมั่นคง ทั้งที่รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปถึงเพียงนั้น ก็เพราะพึ่งพาบุตรทั้งสองของนาง
เด็กสาวยืนก้มหน้านิ่งไม่เอ่ยวาจา ไหล่บางสั่นเทาแลดูน่าสงสารไม่น้อย เหวินซ่งเหยาเห็นแล้วก็อดสงสารบุตรสาวไม่ได้
"ความจริง ก็ยังพอมีทางที่จะพาเหมยเอ๋อไปร่วมงาน"
"จริงหรือเจ้าคะ?" อนุสีรีบเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น
"ใช่ แต่ต้องให้นางยินยอมเสียก่อน"
"นายท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?"
"ก็หมายความว่า นางต้องเรียกข้าว่ามารดา ถึงจะไปร่วมงานเลี้ยงได้อย่างไรล่ะ" ฮุ่ยเจิน ในชุดกระโปรงสีม่วงอมดำแลดูสง่างาม สาวเท้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าคนทั้งสาม พร้อมกับเด็กสาวหน้าตาอัปลักษณ์
"นี่! จะ.." อนุสี่เกือบจะด่าออกไปเพราะความเคยชิน แต่เหลือบไปเห็นสีหน้าของซ่งเหยาเสียก่อนเลยจำใจต้องเอ่ยถามด้วยความเคารพนบนอบ "ฮูหยินหมายความเช่นไรเจ้าคะ?"
"ข้ากับท่านพี่พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ อนุสี่" เหวินฮูหยินเหลือบมองใบหน้าของสามี เป็นเชิงบอกให้เขาอธิบาย แต่อีกฝ่ายมัวแต่ตกตะลึงกับความงามของภรรยา
"นายท่าน!"
การกระทำของเหวินซ่งเหยาสร้างความไม่พอใจให้แก่อนุสี่เป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงแค่เก็บอาการไว้ แต่ก็ยังไม่วายแอบส่งสายตาอาฆาตมาให้ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลเหวิน
ฮุ่ยเจินคร้านจะเสียเวลาสนใจชายหญิงคู่นี้ นางเองก็มีแผนของนาง ต่อให้เหวินซ่งเหยาไม่ขอร้อง นางก็ต้องเป็นฝ่ายออกปากชวนลูกอนุผู้นี้ไปอยู่ดี
"หากนางอยากไป ข้าจะรับรองให้ก็แล้วกัน ว่าแต่ท่านพี่ นี่ก็สายมากแล้ว ควรออกเดินทางกันได้แล้วกระมังเจ้าคะ"
"เอ่อ พวกเรารีบไปเถิด ขอบใจเจ้ามากนะ เรื่องของเหมยเอ๋อ"
กว่าที่ซ่งเหยาจะได้สติ ใบหน้าของอนุสี่ก็เขียวคล้ำจนดูแทบไม่ได้ ส่วนเหวินจินเหมยรีบค้อมกายเบื้องหน้าเหวินฮูหยินด้วยท่าทางเรียบร้อยอ่อนหวาน นอบน้อมถ่อมตน
"เหมยเอ๋อขอบคุณมารดาที่เมตตาเจ้าค่ะ"
ท่างทางเช่นนั้นของเด็กสาวทำให้ฮุ่ยเจินยกยิ้มในใจ หึหึ เหมือนแม่ไม่มีผิด แต่ก็ดี ข้าต้องการหญิงสาวอย่างเจ้านี่แหละ "ขึ้นรถเถิด เสียเวลาไปมากแล้ว"
ตลอดเวลาที่ยืนอยู่ ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเด็กสาวหน้าตาอัปลักษณ์ที่ยืนข้างกายเหวินฮูหยินเลยสักคน ฟางเซียนยืนนิ่งเงียบราวกับไร้ตัวตนจนกระทั่งขึ้นไปนั่งบนรถม้า
ในขณะที่รถม้าสองคันเคลื่อนตัวออกจากจวนสกุลเหวิน มุ่งหน้าไปยังจวนผู้ว่า เหวินจินเหมยถึงพึ่งจะเห็นเด็กสาวอัปลักษณ์ ที่นั่งมาด้วยกัน