5
โอ้...เห็นแล้วอยากดึงร่างงามมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเหลือเกิน
เฮ้ย...คิดแบบนี้กับประภาวรรณไม่ได้นะ เธอคือน้องสาวยุรนันท์
ท่องไว้น้องสาวเพื่อน น้องสาวเพื่อน
“พี่พีท พี่พีทคะ” ประภาวรรณเรียกชื่อเล่นพันลภ เมื่อเห็นเขายืนตาค้าง “พี่พีท”
“หะ ว่าไงนะ เรียกพี่ทำไม” เสียงที่ค่อนข้างดัง เรียกสติเขาคืนมา
“สวยไหมคะ ชุดว่ายน้ำหยก” เธอถามอีกครั้ง หมุนตัวให้เขาดูเต็มตา
“สะ...สวย” พันลภตอบเสียงสั่น “นึกยังไงซื้อชุดนี้มา พี่ว่ามันโป้ไปนะ ว่ายน้ำอยู่ในบ้าน ไม่มีใครมองหรอก ไม่ต้องใส่ชุดเซ็กซี่ขนาดนี้ก็ได้ ”
“ก็ใส่ให้พี่พีทดูไงคะ ไม่ชอบเหรอ” เธอยังลอยหน้าลอยตาพูด คนฟังถึงกับอึ้ง “ไปค่ะ ไปว่ายน้ำกัน อยากว่ายใจจะขาดแล้ว”
ประภาวรรณกุมมือพันลภ พาเขาเดินไปยังสระว่ายน้ำข้างบ้าน สายตาพันลภไม่ได้มองทางเลย เขามองสรีระเรีอกเลือดเรียกลมในกายให้เดือดพล่าน แม้อยากถอนสายตาออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้
วันนี้ไม่ปวดหัว แต่เลือดกำเดาจะไหล
สองชั่วโมงสิบนาทีเป็นระยะเวลาที่พันลภเล่นน้ำกับประภาวรรณ เป็นเวลาที่อาจพูดได้ว่า เล่นน้ำกันจนตัวเปื่อย สำหรับประภาวรรณใช้คำพูดนี้ได้ แต่กับพันลภกลับไม่ใช่ ร่างกายเขารุมร้อนเป็นระยะ แม้แช่ตัวอยู่ในน้ำที่ค่อนข้างเย็น แถมอากาศก็ดี แดดไม่แรง ลมพัดโชยพอได้สัมผัสความเย็น เป็นเพราะสาวสวยสุดเซ็กซี่ มักมาคลอเคลียอยู่ใกล้พันลภ กระโดดขี่หลังบ้าง กอดด้านหน้าบ้าง กอดด้านหลังบ้าง บางครั้งจับบ่าเขาแล้วออกแรงกดให้ศีรษะพันลภจมอยู่ในน้ำ
พันลภมีหรือจะให้สาวเจ้าแกล้งฝ่ายเดียว เลยแกล้งกลับ จับเธอกดน้ำ ควักน้ำใส่หน้าเธอ แต่ก็ถูกประภาวรรณพุ่งตัวกอดคอเขา ซ้ำร้ายยังตวัดขาโอบเอวใหญ่ ทิ้งตัวหงายหลัง ส่งผลให้สองร่างจมอยู่ใต้น้ำ พอทั้งคู่ทะลึ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เธอก็หัวเราะชอบใจ
ร่างกายพันลภตอบสนองความใกล้ชิด ร้อนผ่าวแม้แช่ตัวในน้ำ เลือดลมเดินไม่สะดวกยามนมนิ่มๆ สัมผัสร่างกายตน ชวนให้ความคิดเตลิดไปไกล หลายครั้งต้องฉุดรั้งอารมณ์ให้คืนกลับมาเป็นปกติ ทว่ายากเหลือเกิน ยากยิ่งกว่าสิ่งใด
พันลภอยากขึ้นจากน้ำ ไม่ใช่ว่าห่วงงาน อยากสะสางงานตามตั้งใจ แต่กลัวหัวใจตัวเอง กลัวยั้งความคิดไม่ได้ คว้าตัวประภาวรรณมากอดจูบ ปากเจ้ากรรมดันหนัก ไม่เอ่ยปากบอก เล่นน้ำจนกว่าเธอจะพอใจ
“ขอบคุณมากนะคะที่เล่นน้ำเป็นเพื่อนหยก หยกสนุกมากๆ เลยค่ะ” ประภาวรรณบอกพันลภเมื่อขึ้นจากสระ “และขอบคุณพี่พีทที่ทำสระว่ายน้ำให้หยกค่ะ หยกจะให้รางวัลพี่พีทนะคะ”
รางวัลที่ประภาวรรณให้พันลภคือ หอมแก้มเขา โดยคนถูกหอมไม่ทันตั้งตัว ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มองคนสวยหุ่นน่าฟัดเดินเข้าไปในบ้าน ใจเขาเต้นแรงมาก ร่างสูงใหญ่รีบเดินเข้าบ้าน ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำในห้องนอน ใช้สายน้ำจากฝักบัวชะล้างความคิดไม่ดีในหัว และดับความร้อนระอุในกาย
สามทุ่ม วันเดียวกัน
เป็นอีกครั้งที่พันลภทนแรงเอาแต่ใจประภาวรรณไม่ได้ เมื่อเธออยากนั่งดูดาวดั่งเช่นทุกฤดูหนาวที่มาเยือนไร่พันลภ สถานที่ที่เขาพาประภาวรรณไปดูดาวคือ สวนพฤกษาพรประไพ สวนดอกไม้ที่ใช้ชื่อมารดา สวนแห่งนี้อยู่บนดอยสูง ปลูกดอกไม้และพืชพรรณนับร้อยชนิด ทุกหน้าหนาวดอกไม้จะเบ่งบาน ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นิยมการถ่ายรูปมาเยี่ยมชม
พันลภไม่เคยชอบการดูดาว เขาคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ดวงดาว พระจันทร์ก็เหมือนกันทุกวัน ทำไมต้องมานั่งแหงนมองดูบนท้องฟ้าด้วย สามปีที่ผ่านมา ความคิดนี้เปลี่ยนไป นับตั้งแต่ประภาวรรณชวนเขามานั่งดูดาวด้วยกัน และนั่นทำให้เขาต้องจ้างช่างมาสร้างโดมสำหรับดูดาวโดยเฉพาะ
โดมที่ว่านี้ สร้างไม่เหมือนที่อื่นคือ มีฐานสูงจากพื้นดินราวสามเมตร มองภายนอกคือมีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องน้ำส่วนตัว ไม่ต้องเดินไปยังบ้านพักหลังใหญ่ ชั้นบนเป็นโดมกระจกทรงกลมที่ตอนขึ้นไปยังโดม จะมีบันไดด้านข้าง ไม่ต้องเดินผ่านชั้นล่าง โดมแห่งนี้มีผนังแบบเปิดปิดได้ หากไม่ใช้งานก็กดปุ่มให้ผนังปิดโดมไว้ ประภาภรรณตั้งชื่อว่า โดมสอยดาว เพราะทุกครั้งที่มานั่งอยู่ในโดมทรงกลม เธออยากสอยดาวลงมาถือไว้ในมือ แล้วยลโฉมมันใกล้ๆ
“ว้าว ยังสวยเหมือนเดิมเลย” ประภาวรรณพูดออกมา ขณะมองสวนดอกไม้ที่อยู่เบื้องล่าง แม้ว่าเวลานี้ความมืดโรยตัว บดบังสวนดอกไม้ ทว่าแสงไฟที่ประดับอยู่กลางสวน ให้อารมณ์ความลุ่มหลง แฝงไว้ซึ่งมนต์เสน่ห์ สำหรับเธอคือ สวยไปอีกแบบ
“มืดอย่างนี้เนี่ยนะ ยังว่าสวย ตรงไหนวะเนี่ย” เสียงพันลภดังเบาๆ คล้ายพูดคนเดียว
“พี่พีทนี่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย บรรยากาศแบบนี้แหละเหมาะกับคู่รักพลอดรักกัน” ประภาวรรณกลับได้ยินคำบ่นพันลภ รีบพูดโต้กลับ “ครั้งหน้านะ หยกจะมาดูดาวกับแฟน จะได้จู๋จี๋กัน เบื่อมากับพี่พีทแล้ว เซ็ง ชวนมาทีไรก็บ่นนู่นบ่นนี่อยู่นั่น ทำลายบรรยากาศหมด”
พันลภถึงกับตาโต นึกภาพตามคำพูดประภาวรรณ ทำไมหนอทำไม เพียงแค่คิดว่า เธอกำลังพลอดรักกับชายอื่น หัวใจเขาเต้นแรง ความไม่พอใจมาพร้อมกับแรงหึงพล่านในอกขึ้นมาทันทีทันใด แบบไม่รู้ตัว