บทที่ 4 พานพบอีกครา
บทที่ 4 พานพบอีกครา
คล้ายห้วงเวลาในชาติภพก่อนย้อนกลับมาอีกครา หยางจิ่งจ้องมองไป๋อี๋ซินด้วยแววตาที่ล้ำลึก ไป๋อี๋ซินเองรับรู้ได้ว่าตนถูกจ้องมองก็หันกลับมาสบสายตากับหยางจิ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขา ดวงตาของนางช่างดูงดงามและน่าทะนุถนอม
หยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก หากเป็นชาติที่แล้วยามนี้เขาคงตกหลุมพรางของสตรีผู้นี้ไปเสียแล้ว ท่าทีอ่อนหวาน งดงาม ร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ราวกับต้องลมก็จะล้มลงได้นั้น ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งทั้งสิ้น
ไป๋อี๋ซินเดินจากไปแล้วแต่ทว่าหยางจิ่งยังคงมองตามแผ่นหลังของนางไปจนลับสายตา
เขาอยากจะรู้เช่นกันว่าจิตใจของไป๋อี๋ซินทำด้วยสิ่งใด นางจึงหลอกลวงและทรยศเขาได้ลงคอ ทั้งที่เขารักนางอย่างสุดหัวใจ
โจวอวี้หานที่เห็นว่าหยางจิ่งนิ่งงันไม่ยอมเดินก็รีบหันมามอง ก่อนจะเอ่ยหยอกเย้า
"นี่อาจิ่ง เจอสตรีที่พึงใจหรือ ข้าเห็นเจ้ามองนางไม่วางตาเลยนะ"
หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้โจวอวี้หานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ไม่ใช่ ข้าเพียงรู้สึกคุ้นหน้านางน่ะ ไปกันเถิด"
"ข้าเห็นเจ้าก็คุ้นหน้าสตรีทุกคน"
"พูดมาก รีบไปเร็วเข้า"
"รู้แล้ว ๆ "
หยางจิ่งเอ่ยเพียงเท่านั้น แล้วเดินตามโจวอวี้หานเข้าไปนั่งในรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่จวนตระกูลโจว แต่ก่อนจะขึ้นรถม้า เขาได้หันไปกระซิบบางอย่างกับหวังซุนทหารคนสนิทของตนคราหนึ่ง
"จับตาดูความเป็นไปของสตรีนางนั้นให้ดี แล้วรีบมารายงานข้า"
แม้หวังซุนจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้านายของเขาถึงสั่งให้ตามติดสตรีน้อยนางนั้นอย่างลับ ๆ แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ
..........
ฉึก
"คุณหนู ฝีมือการยิงธนูของท่านก้าวหน้าไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ"
เย่หยวนเอ่ยพลางตบมืออย่างชื่นชม ก่อนจะเทชาร้อนใส่ถ้วยและส่งมาให้โจวหว่านหรู โจวหว่านหรูรับชาร้อนไปดื่มจนหมดถ้วย ความหอมหวานของชาไหลพาดผ่านลำคอของนางทำให้รู้สึกดีไม่น้อย ชาที่ท่านแม่ได้มาใหม่นี่นับว่ารสชาติดีไม่เลวเลย
โจวหว่านหรูง้างคันธนูขึ้นอีกครา ก่อนจะยิงมันเข้าไปตรงกลางเป้าหมายอย่างแม่นยำ หลายวันมานี้นางฝึกฝนการต่อสู้แทบทุกชนิดอย่างตั้งใจ แม้กระทั่งท่านพ่อยังเอ่ยปากชมว่านางฉลาดหัวไว หากเป็นบุรุษนางจะต้องเก่งกาจไม่แพ้บิดาและพี่ชายเป็นแน่
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือของใครบางคนทำให้โจวหว่านหรูหันไปมองก่อนจะลดคันธนูลง นางเห็นว่ามีบุรุษสองคนเดินเข้า คนหนึ่งคือโจวอวี้หานพี่ชายของนาง ส่วนบุรุษอีกคนที่เดินเข้ามาพร้อมพี่ชายของนางนั้น เมื่อได้พบเห็นเขาอีกครามันทำให้จิตใจของนางปั่นป่วน มือสั่นเทาจนเริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่
หยางจิ่ง!!!
โจวหว่านหรูพยายามควบคุมสติของตน และปรับสีหน้าให้เป็นปกติ นางไม่คาดคิดว่าหยางจิ่งจะมาที่จวนของนางในเวลาเช่นนี้
นางไม่ออกไปพบเขาแต่เขากลับมาที่นี่เสียเอง
นี่มันเรื่องใดกัน?
แต่ไหนแต่ไร เขาแทบไม่เคยเหยียบย่างมาที่จวนตระกูลโจวของนาง แม้ว่าท่านพี่ของนางจะเป็นสหายรักของเขา แต่ทว่าเขากลับเอ่ยวาจาเหน็บแนมพี่ชายนาง ทั้งที่สนิทสนมแต่ก็ยังแบ่งฐานันดรศักดิ์ ยามนั้นนางดีใจที่พี่ชายของนางสนิทสนมกับหยางจิ่ง เพราะนางจะได้แอบสอบถามความเป็นไปของเขา ว่าชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดบ้างผ่านทางพี่ชายของตน
แต่ทว่ายามนี้นางเริ่มไม่เข้าใจแล้ว ว่าท่านพี่ของนางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่จึงไปสนิทสนมกับคนเช่นนี้ได้ นางไม่เข้าใจพี่ชายของนางเลยจริง ๆ
โจวอวี้หานยิ้มให้โจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"หวานหว่าน เจ้ามานี่สิ มาทำความเคารพองค์ชายใหญ่"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย นางลดคันธนูลง ก่อนจะทำความเคารพหยางจิ่งคราหนึ่ง
"ถวายพระพรองค์ชายใหญ่เพคะ"
"ไม่ต้องมากพิธี ฝีมือการยิงธนูของเจ้าช่างสง่างามยิ่งนัก"
โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเหลือบมองหยางจิ่งคราหนึ่งก็พบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นเดียวกัน
หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูด้วยแววตาที่อ่อนโยน เขาไม่เคยเห็นนางในด้านนี้มาก่อน ทุกคราที่นางพบเขาจะต้องคอยเอาใจเขา อีกทั้งนางยังอ่อนหวาน ดูเป็นสตรีที่บอบบาง คราก่อนนั้นเขารังเกียจที่นางเสแสร้ง ได้ยินโจวอวี้หานบอกว่าแท้จริงแล้วโจวหว่านหรูนั้นมีวรยุทธ์ ฉลาดหัวไว และชอบเรียนการต่อสู้ เนื่องจากเป็นบุตรสาวจวนแม่ทัพ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงเกลียดนาง คิดว่านางเสแสร้งทำดีเพื่อหวังผลประโยชน์จากเขา
แต่ยามนี้เขารู้แล้วว่านางต้องอดทนและฝืนตนเองมากเพียงใดเพื่อให้เขาพึงพอใจ ทั้งที่สิ่งจอมปลอมเหล่านั้นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของนาง
นางเด็ดเดี่ยว จนตายก็ไม่ยอมถูกคนชั่วผู้นั้นเอาเปรียบ จึงยอมเผาตนเองจนตายทั้งเป็นในตำหนักบูรพา
แม้ตัวตายนางก็ยังได้ชื่อว่าเป็นชายาเอกของเขา
เขารู้สึกชอบที่นางเป็นเช่นนี้ ท่าทีตอนนางยิงธนู แววตาของนางมุ่งมั่นเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวและหวาดหวั่นต่อสิ่งใด
โจวหว่านหรูที่ถูกหยางจิ่งจ้องมองเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย นางจึงหันไปเอ่ยกับโจวอวี้หานทันที
"พี่ใหญ่ ข้าเหนื่อยแล้ว อยากไปพักสักหน่อย เชิญท่านพี่กับองค์ชายใหญ่ตามสบายนะเจ้าคะ หากขาดเหลือสิ่งใดก็บอกเย่หยวนได้ นางรู้งานที่สุด"
"อืม เจ้าไปเถิด"
หยางจิ่งมีใจอยากจะรั้งโจวหว่านหรูให้อยู่นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่กลับไม่อาจทำได้
แววตาที่นางมองเขาเหตุใดมันจึงทำให้เขาหนาวสะท้านและเศร้าในจิตใจอย่างแปลกประหลาด
หรือว่าเขาจะคิดมากเกินไป
"คุณหนูเจ้าคะ คุณชายเฉินมาขอพบคุณหนูเจ้าค่ะ"
ในขณะที่โจวหว่านหรูกำลังจะเดินกลับเรือนของตนไป สาวใช้น้อยผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาบอกนางว่าเฉินป๋อเหวินมาขอพบ โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้น แววตาก็ทอประกายขึ้นมา
"เฉินป๋อเหวินกลับมาจากทำการค้าแล้วหรือ?"
"เจ้าค่ะ บ่าวให้คุณชายเฉินไปรอคุณหนูที่ศาลาริมสระบัวแล้วเจ้าค่ะ"
"ได้ ข้าจะรีบไปพบเขาเดี๋ยวนี้"
โจวหว่านหรูส่งคันธนูให้เย่หยวน ก่อนจะบอกให้สาวใช้นางนั้นนำชาและขนมชั้นดีไปที่ศาลาริมสระบัว และรีบเดินมุ่งหน้าไปพบกับเฉินป๋อเหวินในทันที
หยางจิ่งลอบกำมือแน่น เฉินป๋อเหวินชื่อนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เขาคือบุตรชายเพียงคนเดียวของจวนคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงเป่ยฉิน การค้าทุกอย่างหากเข้ามือเขาย่อมทำเงินได้มหาศาล อีกทั้งตระกูลเฉินยังมอบเงินสนับสนุนให้แก่กองทัพทหารและมอบเงินเข้าคลังหลวงเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาทอีกด้วย บิดาของเฉินป๋อเหวินนั้นเป็นสหายสนิทอีกหนึ่งคนของเสด็จพ่อเขา ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญอีกหนึ่งคนที่ช่วยสนับสนุนเงินทองมากมายให้เสด็จพ่อของเขาเมื่อครั้งที่ต้องออกศึกปกป้องแคว้นเป่ยฉิน
บุรุษผู้นี้รักโจวหว่านหรูอย่างสุดหัวใจ เขาเป็นบุรุษด้วยกันย่อมมองท่าทีของเฉินป๋อเหวินออก เขาเคยบอกโจวหว่านหรูว่า ให้นางไปแต่งกับเฉินป๋อเหวินเสีย เขายินดีหย่าขาดจากนางและรับปากว่าจะไม่ถือสาที่นางเคยแต่งเป็นชายาเอกของเขา เขาไม่สนกฎระเบียบธรรมเนียมใดทั้งสิ้น ขอเพียงให้นางหายไปจากชีวิตของเขาก็พอ
หยางจิ่งถอนหายใจออกมาหนัก ๆ อีกครา เขาพยายามควบคุมจิตใจตนเองไว้ ยามนี้เขาทำสิ่งใดไม่ได้ ทำได้เพียงอดทนรอเวลาเพียงเท่านั้น
ชาตินี้ เขาจะต้องทำให้นางรักเขาอีกครา และเขาจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจอีกเป็นอันขาด