บทที่ 5 สหายสนิท
บทที่ 5 สหายสนิท
โจวหว่านหรูรีบเร่งฝีเท้าไปที่ศาลาริมสระบัวในทันที เมื่อมาถึงก็พบกับเฉินป๋อเหวินที่ยามนี้สวมชุดสีขาว ในมือถือพัดโบกไปมา กำลังยืนมองไปที่สระบัวเบื้องหน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน
"ป๋อเหวิน"
เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันมาส่งยิ้มให้โจวหว่านหรูคราหนึ่ง
เขากับนางนับว่าเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่วัยเยาว์ ยามนั้นนางติดตามบิดาไปอยู่ที่ชายแดน เฉินป๋อเหวินเองก็ได้ตามท่านพ่อของเขาไปค้าขายใกล้ชายแดนเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่ตระกูลเฉินต้องเดินทางมาที่ชายแดนเพื่อช่วยเหลือเรื่องเสบียงอาหาร ตระกูลเฉินนับว่าร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงแคว้นเป่ยฉิน ท่านพ่อของเขาสนับสนุนเสบียงและตั๋วเงินเข้าคลังหลวงทุกเดือน ฝ่าบาทเองก็ไว้วางพระทัยตระกูลเฉินไม่น้อย บางคราเฉินป๋อเหวินต้องมาทำการค้าและพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมติดกับชายแดนอยู่หลายเดือนวันทำให้เขาได้พบกับนางอยู่บ่อยครั้ง ด้วยนิสัยที่กล้าหาญและซุกซนของโจวหว่านหรู นางเคยช่วยเหลือเขาอยู่หลายครา ยามนั้นเขาตกลงไปในน้ำ เป็นนางที่กระโดดลงไปช่วยเขาอย่างไม่คิดชีวิต เขาในวัยเก้าขวบปียังคงจดจำโจวหว่านหรูเด็กสาวตัวน้อยที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างดี เขากับนางจึงสนิทสนมกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา
"หวานหว่าน ไม่พบเจ้าเสียนาน"
"อืม เจ้าสบายดีหรือไม่ ดูซูบผอมลงไปไม่น้อยเลย"
เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"ข้าสบายดี ระยะนี้สินค้าที่ต้องส่งไปต่างเมืองมีไม่น้อย อีกทั้งต้องระวังโจรป่าและเหล่าทหารจากต่างแคว้น ทำให้บางคราต้องคอยระวังสถานการณ์ทำให้พักผ่อนไม่เต็มที่"
"อืม เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี ว่าแต่กลับมาครานี้ เจ้าจะอยู่เมืองหลวงนานเท่าใด?"
"น่าจะอีกสักพักใหญ่เลย เห็นท่านพ่อบอกว่าอยากปรับปรุงกิจการที่เมืองหลวงให้เข้าที่เข้าทาง ค่อยออกไปค้าขายต่างเมืองอีกครา หากกิจการนอกเมืองหลวงคงที่แล้ว บางคราอาจจะไม่ต้องเดินทางอีก เพียงใช้ให้ผู้ดูแลร้านค้าไปจัดการแทน"
"ข้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวงก็ไม่มีสหาย มีเพียงพี่ใหญ่เท่านั้น เจ้ากลับมาเช่นนี้นับว่าดีไม่น้อยเลย"
"เช่นนั้นข้าจะมาชวนเจ้าไปเที่ยวเล่นทุกวันเลย ดีหรือไม่?"
"ดีสิ"
โจวหว่านหรูยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะจ้องมองเฉินป๋อเหวินด้วยแววตาที่อ่อนโยน พลันเรื่องราวในชาติก่อนก็หวนกลับมาอีกครา
ก่อนที่วังหลวงจะเกิดการก่อกบฎ เฉินป๋อเหวินมามอบเสบียงอาหารสำหรับทหารชายแดนให้แก่ฝ่าบาทในวังหลวง เขาได้แอบนำจดหมายมามอบให้เย่หยวน เย่หยวนรีบนำจดหมายฉบับนั้นมามอบให้นาง เนื้อหาในจดหมายบอกว่ามีบ้านเมืองยามนี้ไม่สงบเกรงว่าจะเกิดสงครามใหญ่ คาดว่าอาจจะไม่ส่งผลดีต่อเมืองหลวงเป่ยฉิน เฉินป๋อเหวินบอกว่าหาทางหนีให้นางไว้แล้ว เขามีที่ทางอยู่ในป่าแถบนอกเมืองที่หนึ่ง หากนางไปสามารถหลบซ่อนละรอดชีวิตได้ เขายินดีจะปกป้องนางให้ปลอดภัย เขาทนเห็นนางต้องทุกข์ใจเพราะหยางจิ่งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ยามนั้นนางไม่รู้ว่าเฉินป๋อเหวินไปล่วงรู้สิ่งใดมา นางเพียงตอบจดหมายเขากลับไป เพื่อสอบถามว่าเขารู้เรื่องใดเข้า แต่ทว่ากลับไม่มีจดหมายตอบกลับจากเฉินป๋อเหวินแม้แต่ฉบับเดียว
จนกระทั่งนางได้ข่าวว่าจวนตระกูลเฉินถูกไฟไหม้จนไม่เหลือซาก กิจการร้านค้าอีกหลายที่ต่างเกิดไฟไหม้จนหมด บิดาและมารดาของเฉินป๋อเหวินตายในกองไฟ เหลือเพียงเขาที่บาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนั้นจนขาทั้งสองข้างพิการ ต่อมาเขาก็เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว โจวหว่านหรูที่ได้ยินข่าวคราวก็ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง นางพยายามให้เย่หยวนไปสืบข่าวว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ แต่กลับไม่พบสาเหตุของที่มา จวบจนวันที่คนผู้นั้นยึดครองอำนาจได้สำเร็จ นางจึงได้รู้ว่าทุกสิ่งล้วนเป็นฝีมือของเขาทั้งหมด
เฉินป๋อเหวิน ข้าขอโทษ เป็นเพราะข้าแท้ ๆ ที่ทำให้เจ้าและจวนตระกูลเฉินเดือดร้อน
"หวานหว่าน หวานหว่าน!!!"
เสียงเรียกของเฉินป๋อเหวินทำให้โจวหว่านหรูได้สติกลับคืนมา นางจึงหันมายิ้มให้เขาคราหนึ่ง ก่อนจะเทชาร้อนใส่ถ้วยส่งให้เฉินป๋อเหวิน เขารับมันไปดื่มจนหมด ก่อนจะเอ่ยถาม
"ข้าเห็นที่ด้านหน้าจวนของเจ้ามีรถม้าจอดอยู่สองคัน มีผู้ใดมาเยี่ยมเจ้าหรือ?"
"อ้อ สหายของพี่ใหญ่น่ะ เจ้าอย่าไปสนใจเลย"
เฉินป๋อเหวินที่ได้ยินเช่นนั้นก็พักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
"อืม นี่หวานหว่าน ข้ามีของมาฝากเจ้าด้วยนะ"
เฉินป๋อเหวินไม่รอช้า เขารีบหยิบกล่องไม้ที่แกะสลักลวดลายงดงามประณีตส่งให้นาง โจวหว่านหรูรับมันมาเปิดออก ก่อนจะพบว่ามันเป็นปิ่นปักผมหยกขาวที่แกะสลักได้งดงามไม่แพ้เครื่องประดับที่วางขายในร้านเครื่องประดับของเมืองหลวงเลย
"ชอบหรือไม่?"
เฉิยป๋อเหวินเอ่ยถามโจวหว่านหรูด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ปิ่นนี้เขาตั้งใจซื้อมันมาฝากนาง เพราะเห็นว่ามันเหมาะกับนางที่สุด โจวหว่านหรูยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ชอบสิ งามยิ่งนัก ขอบใจเจ้ามากนะ"
"เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก
"อืม ฝากบอกท่านลุงกับท่านป้าด้วยว่า ไว้มีเวลาข้าจะไปเยี่ยมพวกท่าน"
"ได้ ท่านพ่อท่านแม่ของข้าก็บ่นคิดถึงครอบครัวเจ้าเช่นกัน"
โจวหว่านหรูและเฉินป๋อเหวินสนทนากันอย่างสนิทสนม ภาพตรงหน้าทำให้หยางจิ่งที่แอบมองดูอยู่รู้สึกหน้าชาไปชั่วขณะ เขาหันหลังเดินกลับไปหาโจวอวี้หาน ด้วยใบหน้าฉายแววเย็นชาเล็กน้อย
เขาตามนางมาเพราะอยากจะรู้ว่านางจะสนทนาสิ่งใดกับเฉินป๋อเหวิน เขาไม่อยากพลาดเรื่องราวและความเป็นไปของนางในชาตินี้แม้แต่เสี้ยวเวลาเดียว กว่าเขาจะปลีกตัวมาจากโจวอวี้หานได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่เขากลับต้องมาพบเห็นภาพที่นางสนิทสนมกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เขา
ทั้งที่ชาติก่อนเขาผลักไสนางทุกทางให้ไปหาเฉินป๋อเหวิน แต่ชาตินี้เขากลับเสียใจที่สองคนนั้นใกล้ชิดกัน
หยางจิ่งแค่นเสียงหัวเราะคราหนึ่ง เขานึกสมน้ำหน้าตนเองไม่น้อย
เขาและเฉินป๋อเหวินมักพบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง เพราะเฉินป๋อเหวินจะติดตามบิดาตน เพื่อนำเสบียงและรายได้ของจวนตระกูลเฉินในแต่ละเดือนเข้ามาถวายให้เสด็จพ่ออยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งเขายังรู้มาจากโจวอวี้หานว่าเฉินป๋อเหวินเป็นสหายสนิทกับโจวหว่านหรู แต่ครั้งนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าใดนัก
เขาคิดหนทางแทบตายเพื่อให้นางไปอยู่กับเฉินป๋อเหวิน นางจะได้ไปจากเขาเสียที
แต่วันนี้เขารู้แล้ว ความคิดชั่วช้าเช่นนั้น เขาก็ช่างคิดออกมาได้
หยางจิ่งหันกลับไปมองโจวหว่านหรูและเฉินป๋อเหวินอีกครา ก่อนจะตัดสินใจเดินหนีออกมา
เฉินป๋อเหวินอยู่สนทนากับโจวหว่านหรูต่ออีกไม่นานก็ขอตัวกลับ โจวหว่านหรูมาส่งเฉินป๋อเหวินที่หน้าจวนตระกูลโจวจนรถม้าของเขาลับตาไป เมื่อหันไปมองนางก็พบกับหยางจิ่งที่เดินออกมาพร้อมโจวอวี้หานพอดี
"น้องเล็ก คุณชายเฉินกลับไปแล้วหรือ?"
"เจ้าค่ะ"
"อืม"
"ท่านพี่จะออกไปที่ใดหรือเจ้าคะ?"
"พี่มาส่งองค์ชายใหญ่น่ะ"
"อ้อ เช่นนั้นหม่อมฉันน้อมส่งองค์ชายใหญ่เพคะ หม่อมฉันมีงานต้องสะสาง ขออภัยที่ไม่ได้ส่งนะเพคะ"
โจวหว่านหรูเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป หยางจิ่งหันไปมองนางคราหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่ทว่าในใจกลับรู้สึกสับสนไม่น้อย
เหตุใดแววตาของนางจึงไม่มีท่าทีว่าพอใจในตัวเขาเช่นกาลก่อนเลยเล่า
มันเพราะเหตุใดกัน?
..........
หลังจากกลับมาถึงวังหลวง เขาก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่หลายวัน แต่คิดเท่าใดก็คิดไม่ออก จนกระทั่งเขานึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
หรือว่านางจะย้อนเวลามาเช่นเดียวกับเขา?
มันจะเป็นไปได้หรือ?
หยางจิ่งไม่ใช่ไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ เขาเพียงคิดว่าการที่คนเราจะย้อนเวลามาพร้อมกันในสถานที่และเวลาเดียวกัน มันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยหรือ
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เขาจึงไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก ยามนี้เขากำลังออกมาเดินรับลมที่นอกตำหนัก แต่เพราะอากาศเย็นเกินไป เขาจึงรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย เลยคิดจะกลับเขาไปนอนพักเสียหน่อย
"แคก ๆ"
หยางจิ่งกำลังจะกลับเข้าตำหนักบรรทมของตน แต่เขากลับได้ยินเสียงไอแห้ง ๆ ของบุรุษผู้หนึ่งขึ้นมาเสียก่อน เมื่อหันไปมอง ก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อ องค์ชายตัวประกันที่กำลังเดินผ่านตำหนักเขาไป พร้อมกับแม่นมคนสนิทที่ติดตามมาจากแคว้นเยี่ยน แม่นมช่วยพยุงเจียงหมิงเจ๋อเดินไปตามทางด้วยความยากลำบาก ใบหน้าของเจียงหมิงเจ๋อซีดเผือด เขาช่างดูผอมยิ่งนัก
ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนองค์ใหม่สังหารบิดาของตน และขึ้นครองราชย์แทน ทำกับองค์ชายที่อดีตฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนรักราวกับทาสรับใช้ ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่น้องร่วมบิดากันแท้ ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหยางจิ่งก็แค่นหัวเราะออกมาคราหนึ่ง
เจียงหมิงเจ๋อก็ไม่ต่างจากเขาในชาติก่อน
หยางจิ่งมองเจียงหมิงเจ๋อคราหนึ่ง ก่อนที่เขาจะต้องขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นสตรีน้อยนางหนึ่งกำลังร้องเรียกเจียงหมิงเจ๋ออย่างรีบร้อน
"องค์ชายหมิงเจ๋อ รอข้าด้วย"
หยางจินจิน?