บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 โรงสุรา

บทที่ 3 โรงสุรา

วันนี้หิมะค่อนข้างดูบางตากว่าปกติ หยางจิ่งสวมชุดคล้ายคุณชายสูงศักดิ์ กำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ถนนในเมืองหลวง โดยมีหวังซุนติดตามมาด้วย ยามนี้สุขภาพของเขาแข็งแรงขึ้นมากแล้วจึงตั้งใจออกจากวังหลวงเพื่อมารอพบนาง

ได้ยินว่าตระกูลโจวกลับมาจากชายแดนหลายวันแล้ว เสด็จพ่อเองก็ไม่ได้รีบร้อนให้แม่ทัพใหญ่เข้าเฝ้า บอกเพียงว่าพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเข้าวังหลวงก็ไม่เป็นปัญหา สองวันก่อนเขาสั่งให้หวังซุนนำจดหมายไปส่งให้โจวอวี้หานนัดหมายให้เขามาดื่มสุราด้วยกัน

หยางจิ่งเดินมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่ร้านสุราร้านหนึ่ง มันคือร้านที่เขามักชอบออกมาดื่มเป็นประจำ สุราที่นี่หรูหราราคาแพง และรสชาติดีไม่น้อย

ยามนี้เขายังเป็นเพียงองค์ชายที่มีอายุเพียงสิบหกปี และยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท แต่อีกไม่นานเสด็จพ่อย่อมต้องแต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาทเร็ว ๆ นี้

เขาจำได้ว่ายามนั้นราชสำนักวุ่นวาย เนื่องจากเหล่าขุนนางไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาขึ้นนั่งตำแหน่งนี้ เพราะเขาเสเพล ไม่เอาไหน วัน ๆ เมามายสุรา อยู่กับสตรีไม่ซ้ำหน้า งานราชกิจก็ไม่สน ทั้งยังไม่เห็นหัวใคร หากเขาได้เป็นใหญ่บ้านเมืองย่อมต้องเข้าสู่กลียุคเป็นแน่

แต่ทว่าเสด็จพ่อกลับไม่สนใจคำทัดทานเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

และพระโอรสโง่เขลาเช่นเขาก็ทำให้บ้านเมืองเกิดกลียุคขึ้นมาจริง ๆ

ยามนี้ในราชสำนักกำลังถกเถียงกันเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาท ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วยที่จะให้หยางจิ่งพระโอรสสายตรงที่เกิดจากอดีตฮองเฮาขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาท ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องการสนับสนุนหยางเฉิง บุตรชายของฉินกุ้ยเฟยขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาท เนื่องจากหยางเฉิงสง่างามเพียบพร้อมและเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเขา

หยางจิ่งยกยิ้มมุมปาก อีกไม่นานตำแหน่งฮองเฮาองค์ใหม่ก็ต้องตกเป็นของฉินกุ้ยเฟย

สตรีนางนี้เบื้องหน้าแสร้งทำเป็นรักและเอ็นดูเขาราวกับบุตรแท้ ๆ แต่จิตใจเบื้องหลังกลับดำมืดไร้ความเมตตา

"ข้าไม่เคยนับเจ้าเป็นลูก เจ้าก็แค่บุตรของสตรีที่ข้าเกลียดชัง ข้าทนเลี้ยงเจ้ามาจนเติบใหญ่ก็นับว่าเมตตามากแล้ว"

ประโยคนี้เขาจำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม

ฉินกุ้ยเฟยมีนามว่า ฉินซินอวี้ นางคือน้องสาวต่างมารดาของเสด็จแม่เขา ก่อนหน้านี้เสด็จแม่รั้งตำแหน่งฮองเฮา แต่ทว่าไม่นานเสด็จพ่อก็รับฉินซินอวี้เข้ามาเป็นสนมเอก เป็นช่วงที่เสด็จแม่ทรงตั้งครรภ์เขาพอดี แต่ทว่าโชคร้ายเขาลืมตามาดูโลกได้เพียงสองวัน เสด็จแม่ก็ทรงจากเขาไปด้วยอาการตกเลือด หมอหลวงไม่อาจทำการช่วยเหลือได้ทันเวลาอีกทั้งยังหาสาเหตุไม่พบว่าเหตุใดเลือดจึงไม่หยุดไหลเช่นนี้ นับจากวันนั้น ฉินกุ้ยเฟยจึงเป็นคนเลี้ยงดูเขามานับแต่วันนั้น และเมื่อเขาอายุได้สองขวบปีนางก็ให้กำเนิดหยางเฉิงออกมา เมื่อนางให้กำเนิดพระโอรสก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นฉินกุ้ยเฟย ในชาติที่แล้วเขารักและเคารพนางมาก

เขาจำได้ว่าฉินซินอวี้ดีต่อเขามาก ดีเสียจนเขาคาดไม่ถึงว่านางจะอำมหิตได้ถึงเพียงนี้

อำมหิตถึงขนาดสั่งฆ่าเขาได้ลงคอ!!!

หยางจิ่งละทิ้งความคิดเหล่านี้ออกจากหัวของตน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านบนชั้นสองของโรงสุราและสั่งสุราชั้นดีมาดื่มเพื่อรอโจวอวี้หานมาพบเขาตามนัด

เขากับโจวอวี้หานเติบโตมาด้วยกัน ยามที่เขาอายุได้หกขวบปีเสด็จพ่อได้ให้โจวอวี้หานมาเป็นสหายร่วมศึกษาของเขา เมื่อเติบโต โจวอวี้หานเข้าร่วมกองทัพ ส่วนเขากลับไม่เอาไหน แม้บางคราเขาจะดูแคลนโจวอวี้หานที่วัน ๆ เอาแต่อ่านตำรา ชอบฝึกการรบ แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของเขาและโจวอวี้หานกลับยังคงแน่นแฟ้น ยังเป็นสหายที่ดีต่อกัน เมื่อยามนี้มานึกย้อนคิดดูแล้ว เขาก็รู้สึกขบขันไม่น้อย โจวอวี้หานเป็นบุรุษที่ดีงามถึงเพียงนั้น กลับมาคบสหายไม่เอาไหนเช่นเขาได้

น่าเสียดายในชาติก่อน สหายที่ดีเช่นนี้กลับต้องถูกฆ่าตายในสนามรบเพียงเพราะความโง่งมของเขา

เขายังจำได้ดี เขาตกใจมากที่รู้ว่าแม่ทัพใหญ่โจวและโจวอวี้หานถูกสังหารในสนามรบ เขาทำใจเชื่อไม่ลงจริง ๆ แต่ทว่ามันคือความจริง

หยางจิ่งยกจอกสุราขึ้นดื่มพลางเหม่อมองหิมะที่ตกหนักนอกหน้าต่าง ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ หยางจิ่งก็มองเห็นโจวอวี้หานที่เดินเข้ามาในโรงสุรา เขาเลือกห้องชั้นบนเอาไว้ห้องหนึ่ง ห้องนี้อบอุ่นและกันลมหนาวได้ดีไม่น้อย

"อาจิ่ง ขออภัยที่ให้เจ้ารอนาน"

"ไม่เป็นอันใด รีบมานั่งเถิด"

หยางจิ่งเอ่ยกับโจวอวี้หานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะมองไปที่ข้างกายของโจวอวี้หานพลันขมวดคิ้วมุ่น

เหตุใดเขาจึงไม่เห็นโจวหว่านหรูเล่า เขาจำได้ว่าชาติก่อนนางจะต้องติดตามโจวอวี้หานมาเที่ยวเล่นในเมืองหลวงมิใช่หรือ?

"อาจิ่ง เจ้ามองสิ่งใดหรือ?"

"เอ่อ..."

โจวอวี้หานที่เห็นหยางจิ่งมองมาที่เขาอย่างไม่ลดละ พลางกวาดสายตาไปทั่ว ๆ ราวกับกำลังมองหาคน จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

หยางจิ่งพลันได้สติกลับคืนมา เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยกับโจวอวี้หาน

"อ้อ เจ้ามาคนเดียวหรือ ข้าคิดว่าเจ้าจะพาคนติดตามมาด้วยมากหน่อย เพราะจากเมืองหลวงไปนาน เกรงว่าจะไม่คุ้นชิน"

โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเทสุราใส่จอกและยกขึ้นมาดื่ม แต่ไหนแต่ไรมาระหว่างเขาและหยางจิ่งก็ไม่มีกฎระเบียบใดต่อกันอยู่แล้ว

"ข้ามาคนเดียว เดิมทีคิดว่าจะพาน้องเล็กมาด้วย แต่นางไม่ยอมมา เหมือนว่านางจะไม่สบาย"

"ไม่สบายหรือ!!!"

หยางจิ่งลืมตัวว่าตนเองเผลอพูดสิ่งใดไป ก็มีท่าทีประหม่าไม่น้อย

"นี่อาจิ่ง เจ้าจะตกใจทำไมกัน นางไม่ได้เป็นอันใดมากเสียหน่อย จะว่าไปพวกเจ้าก็ไม่ได้พบกันมานานแล้วนี่ จำได้ว่ายามที่ท่านพ่อไปชายแดน น้องเล็กอายุเพียงแปดขวบปี ยามนี้นางอายุสิบสามปีแล้ว ผ่านมานานเพียงนี้แต่เจ้ายังจำนางได้ ข้าคิดว่าเจ้าลืมนางไปแล้วเสียอีก"

หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางครุ่นคิดในใจเงียบ ๆ คนเดียว

ข้ากับนางเคยเป็นสามีภรรยากันมาหนึ่งชาติ นั่นคือสิ่งที่เจ้าไม่รู้อาอวี้

ในใจของหยางจิ่งรู้สึกสับสนไม่น้อย เขาสงสัยเหลือเกินว่าเพราะสิ่งใดกัน ที่ทำให้เหตุการณ์ในชาตินี้ไม่เหมือนกับชาติที่แล้ว เขาหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะครุ่นคิดว่าตนจำวันผิดหรือไม่ แต่คิดให้ดี ๆ อีกครา เขาก็ยังมั่นใจว่าเขาไม่ได้จำวันผิด

วันนี้นางกับเขาต้องได้พบเจอกัน มันควรจะเป็นเช่นนั้น

โจวอวี้หานที่เห็นว่าหยางจิ่งเอาแต่นิ่งเงียบ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"เหม่อลอยเรื่องใดอยู่หรือ?"

หยางจิ่งหันมามองโจวอวี้หานคราหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย

"ไม่มีอันใด อาอวี้ กลับมาครานี้ เจ้าจะอยู่เมืองหลวงนานเท่าใด?"

"น่าจะสามเดือน แม้ยามนี้แคว้นฉู่จะยอมสงบศึก แต่ก็ไม่อาจประมาทได้ ยังต้องยกทัพไปข่มขวัญให้พวกมันหวาดกลัวอีก จะได้ไม่กล้าคิดไม่ซื่อ อ้อ อาจิ่ง ข้าได้ยินว่าชินอ๋องทรงกลับเมืองหลวงมาแล้ว พร้อมกับนำตัวองค์ชายแคว้นเยี่ยนมาเป็นตัวประกันด้วยเช่นนั้นหรือ?"

หยางจิ่งยกจอกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะเอ่ย

"อืม องค์ชายผู้นี้มีนามว่า เจียงหมิงเจ๋อ ตอนที่ฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนผู้เป็นบิดายังมีชีวิตอยู่ เขาก็เป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ มีหน้ามีตาไม่ด้อยกว่าองค์ชายราชวงศ์อื่น แต่จู่ ๆ เสด็จพ่อของเจียงหมิงเจ๋อก็ตายลงอย่างไร้สาเหตุ พี่ชายของเขาจึงยึดครองอำนาจแทน อีกทั้งยังกรอกยาพิษให้เจียงหมิงเจ๋อกิน โชคดีที่เขารอดมาได้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ารอดมาได้เพราะเหตุใด เสด็จอาไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก นับแต่นั้นมาเขาก็ล้มป่วยลง ไร้ซึ่งอำนาจในแคว้นตน ถูกพี่น้องที่เป็นเชื้อพระวงศ์เหยียดหยาม สุดท้ายถูกส่งตัวมาที่แคว้นของเราเพื่อเป็นเชลย"

"อืม เป็นเช่นนี้นี่เอง"

"แต่เสด็จพ่อก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้เขา ยังคงมีตำหนักเล็ก ๆ ให้อยู่ที่ท้ายวังหลวง เพราะสุขภาพของเขาไม่สู้ดีนัก ล้มป่วยง่าย เสด็จพ่อทรงเวทนาที่องค์ชายผู้หนึ่งต้องพลัดจากบ้านเกิดตนมาอยู่ในแคว้นศัตรูเช่นนี้ ชีวิตนี้คงไม่ง่ายอีกแล้ว"

โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นก็จ้องมองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยเห็นเจ้าคิดสงสารผู้ใด มีแต่ด่าทอคน แม้กระทั่งข้าบางคราเจ้ายังสมน้ำหนา เหตุใดวันนี้จึงนึกสงสารคนอื่นขึ้นมาได้ ระหว่างทางถูกหิมะตกใส่หัวหรือ?"

หยางจิ่งจ้องมองโจวอวี้หานคราหนึ่ง ก่อนจะหยิบถั่วเม็ดหนึ่งเขวี้ยงใส่สหายตน

"เจ้าคงไม่รู้ หนึ่งเดือนก่อนเพราะอยากแกล้งจินเอ๋อร์ที่ตกน้ำให้นางหนาวตาย ข้าจึงเหยียบมือนาง แต่มันคงเป็นเวรกรรม ข้าลื่นตกน้ำไปตามนางจนข้าล้มป่วยไม่ได้สติอยู่หลายวัน ยามนั้นข้าฝันว่าข้าถูกคนฆ่าตาย ไร้อำนาจ เป็นคนไร้ความสามารถ ผู้คนที่ข้าเคยรังแกพากันก่นด่าสาปแช่งข้า ราวกับได้ไปเยือนปรโลกในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อได้สติตื่นขึ้นมา ข้าจึงรู้แจ้งว่าคนเราอายุไม่ยืนยาว อย่าสร้างความทุกข์ใจให้ตนเองและผู้อื่นเลย"

โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นพลันยกมือขึ้นมาตบขาตนเองฉาดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย

"ความตายทำให้เจ้ารู้แจ้ง คำนี้ช่างดีนัก เจ้าน่าจะตกน้ำไปตั้งนานแล้วจะได้รู้แจ้งเร็วกว่านี้สักหน่อย เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้องค์หญิงรองจริง ๆ"

"นี่ ๆ ให้มันน้อย ๆ หน่อย ข้ายังด่าเจ้าได้เหมือนเดิมนะ"

"ข้าน่ะชินแล้ว"

"เหอะ นี่อาอวี้ ข้าเบื่อโรงสุราแล้ว มิสู้ไปที่จวนเจ้าแล้วหาตำราการสู้รบมาอ่านไม่ดีกว่าหรือ? ได้ยินว่าจวนของเจ้ามีตำราดี ๆ มากมายเลย"

โจวอวี้หานทีไ่ด้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยถาม

"อาจิ่ง ปกติเจ้าบอกว่าตำราพวกนั้นไร้สาระ เจ้าไม่มีทางอ่านมันมิใช่หรือ เหตุใดวันนี้จึงอยากอ่านมันขึ้นมาได้เล่า"

หยางจิ่งยิ้มให้โจวอวี้หานเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

"ข้าอยากลองอ่านดูน่ะ เผื่อว่ามันอาจจะสนุก"

"เช่นนั้นก็ได้ แล้วอย่ามาด่าข้าเล่า ตำราการรบน่ะไม่สนุกเหมือนที่เจ้าคิดหรอกนะ"

"สหายรัก ข้าย่อมไม่ด่าเจ้าแน่นอน"

"ให้มันจริง"

เมื่อตกลงกันเช่นนี้แล้ว หยางจิ่งและโจวอวี้หานก็เดินออกมาจากห้องด้านบนชั้นสองของโรงสุราทันที ระหว่างที่เดินลงบันไดมานั้น หยางจิ่งมองเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังเดินสวนเขาขึ้นไปที่ชั้นสองของโรงสุราพอดี กลิ่นหอมที่คุ้นเคยของนาง ทำให้หยางจิ่งหันไปมองนางก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก

เราพบกันอีกคราจนได้นะ

ไป๋อี๋ซิน!!!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel