บทที่ 6
ความขุ่นเคืองของเขาพลุ่งขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ตอนที่อันโตนิโย่ เควอเรโร่ เอาสโลนเข้าไปพัวพันกับแผนการที่จะให้เม็กซิกันบุกเข้ายึดครองเท็กซัส ภายหลังจากที่อันโตนิโย่ตายได้ 6 เดือน สโลนก็ให้กำเนิดลูกชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาออกมา สิ่งที่สร้างความเจ็บใจให้กับริพอย่างไม่มีวันลืมก็คือ สโลนได้ยกลูกชายของเธอให้ครอบครัวเควอเรโร่ไปเลี้ยงเอง
ริพจับตามองชายหนุ่มเลือดสเปนที่กล้าเดินเข้ามาอ้างสิทธิ์ในตัวสโลน เวลานี้ครุซ เควอเรโร่ได้ซิสโค่หลานชายของเขาไปแล้ว เขาคงจะไม่ยกลูกสาวคนโตให้กับชายหนุ่มผู้นี้ไปง่ายๆ อีกแน่นอน เขาปลอบใจตัวเองอยู่ว่า สโลนจะไม่มีวันต้อนรับครุซด้วยความยินดีแน่ เพราะสโลนรักน้องชายของเขา…ก่อนหน้าที่จะเกลียดชังจนหมดหัวใจ...ริพค่อนข้างแน่ใจว่าสโลนจะไม่ยอมแต่งงานกับครุซง่ายๆ
ริพลูบคางสี่เหลี่ยมอยู่ไปมาอย่างใช้ความคิด มันไม่ใช่เพราะเขาไม่ยินดีในฐานะอันมั่งคั่งของตระกูลเควอเรโร่รวมไปถึงสายเลือดผู้ดีที่สืบทอดมาจากตระกูลขุนนางแน่...เขารู้ดีว่า แรนโช โดโลรอสซ่า ซึ่งอยู่ห่างจากทรีโอ๊คส์ลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตามลำน้ำบราซอสนั้น เป็นไร่ปศุสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเท็กซัส
เมื่อฮวน คาร์ลอส เควอเรโร่เสียชีวิตลงเมื่อ 3 ฤดูร้อนที่ผ่านมา ครุซเป็นทายาทแต่ผู้เดียวที่รับมรดกที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาล รวมไปถึงที่ดินอีกนับพันเฮคตาร์และวัวสเปนิชลองฮอร์นอีกนับพันตัวเช่นกัน เขารู้ว่าครุซเป็นลูกเขยที่ดีได้... ถ้าน้องชายของเขาจะไม่ทำร้ายหัวใจของสโลนเสียก่อน...
ในท่ามกลางความเงียบอันน่าอึดอัดใจยิ่งนั้น บุรุษทั้งสองต่างจับสังเกตท่าทีของแต่ละฝ่ายอยู่ ความตึงเครียดดูจะเพิ่มขึ้นเมื่ออาทิตย์คล้อยดวงลง จนในที่สุดก็เหลือให้เห็นเพียงภาพซิลลูเอทของใครบางคนที่กำลังขี่ม้าตรงเข้ามา
ครุซผุดลุกขึ้นยืน ใช้ส้นเท้าขี้ก้นบุหรี่ ความเครียดเข้าครอบงำทั้งจิตใจและร่างกาย ขณะที่เขารอการเผชิญหน้ากับผู้หญิง คนที่เขาพร้อมจะเลือกมาเป็นภรรยา...
เมื่อสโลนจำร่างสูงๆ ที่ยืนอยู่ในเงามืดของต้นโอ๊คเก่าแก่ที่มีมอสขึ้นคลุมกิ่งก้านได้นั้น หัวใจราวจะขึ้นมา ติดตันอยู่ในคอหอย เธอรู้อยู่แก่ใจว่าในที่สุดแล้วครุซก็จะต้องมาที่นี่ เพียงแต่หวังว่าเขาจะไม่มาถึงเร็วขนาดนี้เท่านั้นเพราะเธอยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะพูดอย่างไรจึงจะยับยั้งเขาไว้ก่อนได้
เธอรู้สึกขอบคุณเขายิ่งนักที่ได้ยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ในยามที่เธอไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร แต่ไม่เคยคิดจะชดใช้หนี้ครั้งนั้นด้วยการยอมเป็นเมียเขา...แม้ว่าตอนนั้นเธอจะได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ก็ตาม
เธอบังคับม้าให้เดินตรงเข้ามายังบ้านไร่ขนาด 2 ชั้นพยายามถ่วงเวลาไว้เพื่อจะได้คิดหาคำตอบต่อการเรียกร้องของครุซ มันอาจไม่กระไรนักถ้าเธอจะไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนี้เลย แต่ที่น่าอดสูใจก็ตรงที่เธอมองเห็นเสน่ห์อันน่าดึงดูดใจของครุซ ถ้าเธอจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเขาที่โดโลรอสซ่า เธอกลัวเหลือเกิน ว่าความรู้สึกดึงดูดใจที่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นที่รุนแรงกว่านั้น
เธอจะไม่ยอมตกหลุมรักใครง่ายๆ อีกแล้ว ความรักทำให้เธอต้องกลายเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญามาแล้ว... ความรักนั่นหรือมิใช่ ที่ทำให้เธอเสียศูนย์ในการควบคุมชีวิตของตนเองไป…?
ยิ่งกว่านั้น เธอยังเรียนรู้มาแล้วด้วย ว่าคนอย่างครุซ เควอเรโร่ย่อมต้องการภรรยาที่ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา แต่สโลนไม่เคยเป็นอะไรอย่างนั้น เธอไม่เคยคิดจะเป็นผู้ตามใคร...
และเธอก็ยังเรียนรู้จากประสบการณ์กับโตนิโย่ว่าผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น...ผู้หญิงที่หลงอยู่ในความรักทั้งอ่อนแอและเปราะบางแถมยังกล้าทำอะไรอย่างบ้าบิ่นอีกด้วย ซึ่งสโลนไม่ต้องการให้มีประสบการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองซ้ำอีก เธอจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนก็ตามมีโอกาสที่จะเข้ามาควบคุมจิตใจเธอในขณะที่กำลังมีความรักได้
สายตาของสโลนไม่ได้ละจากใบหน้าของครุซ ขณะที่เธอลงจากหลังม้าและเดินตรงเข้าไปหาเขา
“ครุซ... ฉัน...”
ก่อนที่เธอจะมีโอกาสพูดอะไรต่อไป เขาก็รั้งร่างเธอเข้าไว้ในอ้อมแขน กลิ่นไอจากเนื้อตัวของเขาประสมประสานกันอยู่ระหว่างกลิ่นสบู่กับกลิ่นบุหรี่ กลิ่นสาบม้ากับเครื่องหนังเธอยืนตัวแข็งไปเมื่อใบหน้าแนบอยู่กับอกเสื้อเขา
“อา... อา... อา...!”
สโลนหันขวับไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงหยันเยาะของพ่อ เพิ่งเห็นว่าเขาอยู่ในเงามืดตรงระเบียงนั่นเอง เมื่อเธอพยายามจะผละออกจากอ้อมแขนของครุซ ปรากฏว่าเขากลับกระชับแน่นเข้า ซึ่งทำให้เธอต้องใช้มือทั้งสองยันแผงอกเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาดึงร่างเธอเข้าไปใกล้โดยง่าย หัวใจที่เต้นระทึกอยู่ใต้ฝ่ามือทำให้หัวใจเธอพลอยเต้นแรงเร็วไปด้วย
เธอเฝ้าหวังมาโดยตลอดว่าจะสามารถหลีกเลี่ยง ไม่ให้ริพเข้ามาเกี่ยวข้องขณะที่เธอกำลังเผชิญหน้ากับครุซได้ บางทีมันอาจจะยังไม่สายเกินไป... ถ้าเธอจะเลือกใช้คำพูดอย่างเหมาะสม
ขณะนี้ ริพได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้โยกและยันตัวอยู่กับไม้เท้า ขาทั้งสองข้างที่ยืนแยกจากกันช่วยให้เขาทรงตัวให้ตรงอยู่ได้
“รู้สึกว่าแกสองคนจะสนิทสนมกันมากเลยนะ” เขาหรี่ตาลงขณะเสริมต่อว่า “ครุซบอกว่า มันจะมาเอาตัวแกกลับไปแรนโช โดโลรอสซ่า... ในฐานะเมียของมัน”
สโลนตวัดสายตามองหน้าครุซ มันมีแววอ้อนวอนฉายแสงอยู่ในดวงตาของเธอ
“ฉันคิดว่าเราตกลงเรื่องนี้กันในซาน อันโตนิโอ แล้วเสียอีก”
“ก็ผมบอกแล้วไงล่ะ ว่าผมจะมาตามคุณ” เขากล่าว “ซึ่งผมก็มาแล้ว ผมจะคอยให้คุณจัดกระเป๋าเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนก็ได้ ซีเบลลีน่า”
สโลนผละออกจากอ้อมแขนของเขาทันที
“ฉันคิดว่าได้แสดงความรู้สึกทั้งหมดให้คุณเข้าใจแล้วนะ ว่าฉันไม่...”
“ช่วยบอกหน่อยสิ ว่าทั้งหมดนี่มันเรื่องอะไรกันสโลน…?” ริพร้อง “ฉันต้องการคำอธิบายเดี๋ยวนี้...!”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อหรอกน่า” สโลนตอบกลับไป
“ที่ฟังๆ อยู่นี่ มันคล้ายกับว่า ถ้าจำเป็นเจ้าครุซมันจะแบกแกขึ้นไหล่ไปพร้อมกับมันตอนนี้เลย ก็นี่แหละที่ฉันต้องเกี่ยว”
“ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น...!”
“คุณเป็นเมียผม” ครุซเอ่ยขึ้นบ้าง “เพราะฉะนั้นไม่ว่าผมจะบอกให้คุณไปไหน คุณจะต้องไปทั้งนั้น”
สโลนหลบตาพ่อ เหลือบมามองครุซแทน
“ฉันยังไปกับคุณไม่ได้หรอก...ฉันต้องการเวลา...อีกสักพักหนึ่ง”
“เวลานี้ ผมปฏิบัติตามสัญญาในส่วนของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณควรจะปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้เสียที” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่มีความหนักแน่นแฝงอยู่
สโลนพยายามใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะหาเหตุผลที่จะปฏิเสธข้อเรียกร้องของเขา
“ก็แล้วผู้หญิงคนที่ฉันได้ยินว่าคุณพามาจากสเปนคนนั้นล่ะ?”
“คุณหมายถึงซินยอริต้า ไฮดอลโก้ น่ะเรอะ?”
“ฉันก็ได้ยินมาว่าชื่อนั้นแหละ”
“ผมไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณตรงไหนเลย”
“สโลนเป็นเมียแกจริงหรือเปล่า?” ริพสอดถามขึ้น
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ไม่ใช่...” สโลนร้องขึ้นพร้อมกัน
ริพจ้องหน้าสโลนเขม็ง ความอดทนของเขาหมดสิ้นลงแล้ว
“แกอธิบายมาให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้ ว่านี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้น ฉันต้องการฟังคำตอบตรงๆ...!”
“ฉันได้พูดในสิ่งที่ฉันต้องการพูดไปหมดแล้ว ฉันยังมีงานอีกมากที่จะต้องทำให้เสร็จก่อนจะมืดค่ำไปกว่านี้ ถ้าคุณสองคนไม่ว่าอะไรละก้อ ฉันเห็นจะต้องขอตัว...”
แต่ครุซเอื้อมมือมาคว้าแขนเธอไว้ก่อนที่สโลนจะทันปลีกตัว
“ผมไม่ยอมให้คุณขอตัวไปง่ายๆ หรอก ผมจะไม่ยอมให้คุณแสดงความไม่แยแสในตัวผมอย่างเด็ดขาด และจะไม่ยอมให้คุณทำเป็นว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราด้วย เราได้ตกลงกันแล้วและเวลานี้ไอ้อะลีจันโดรมันก็ตายไปแล้ว มันถึงเวลาที่คุณจะปฏิบัติตามสัญญาได้แล้ว”
สโลนขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเกิดขึ้นจากความรู้สึกกึ่งกลัวกึ่งคาดหวังในคำพูดที่ประสมกันอยู่ระหว่างการข่มขู่กับคำมั่นสัญญานั้น
“แกปล่อยมือจากลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้...!”
สโลนถึงกับยืนตัวแข็งไป เมื่อเห็นริพจ้องปากกระบอกปืนมาที่ครุซ เธอรู้ว่าครุซเองก็เห็นปืนในมือพ่อเธออยู่ แต่เขากลับกระชับอ้อมแขนแน่นเข้า ไม่แสดงท่าว่าจะปล่อย
“คุณจะต้องเป็นเมียผม ซีเบลลีน่า” เขากล่าว ลมหายใจลวกรดอยู่กับใบหู “อย่าได้สงสัยเรื่องนี้เป็นอันขาด”เขาปล่อยมือจากเธอก้าวถอยหลังออกมา ประสานสายตาอยู่กับริพอย่างปราศจากความกลัวเกรง
“ผมหวังว่าสโลนจะไปหาผมที่บ้านภายในอาทิตย์นี้ถ้ายังไม่ไป ผมกับพวกจะบุกเข้ามาเอาตัวเธอไปให้ได้”
พูดจบ ครุซก็เหวี่ยงตัวขึ้นหลังม้า กระแทกสเปอร์เข้าที่ท้องของมันเต็มแรง เป็นผลให้มันกระโจนออกจากที่ในทันใด