บทที่ 7.(ตาสว่าง)
ดอกรักในมือมาร
บทที่ 7.(ตาสว่าง)
Perm Talk.
"หนูดอกรัก!" แม่เรียกไอ้ดอกรักที่นอนหมดสติอยู่ตรงหน้า โรงเก็บหญ้าเสียงสูง พร้อมกับวิ่งเข้าไปประคองร่างเล็ก ๆ นั่นขึ้นมาในวงแขน ท่ามกลางความมึนงง และสับสนของผม!
ตอนนี้หมวกปีกกว้างที่ผมมักจะเห็นไอ้ดอกรักใส่ติดหัวของมันเป็นประจำถูกแม่ผมถอดออกและเหวี่ยงทิ้งไป เผยให้เห็นใบหน้าเรียวรูปไข่ จมูกโด่งรั้น และริมฝีปากที่แดงก่ำสีเชอรี่ กลุ่มผมสีดำสนิทถูกรวบมัดเป็นหางม้าทางด้านหลัง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นผู้หญิง!
'บรรเทิงล่ะทีนี้!' เหมือนมีใครเอาค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ทุบลงมาบนหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งจนสมองเบลอเลยก็ว่าได้
สิ่งที่เห็นตรงหน้า ทุกองค์ประกอบของคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติอยู่ในตอนนี้ บอกผมได้เป็นอย่างดีว่าคุณดอกรัก หรือไอ้ดอกรักที่ผมเรียกจนติดปา เป็นผู้หญิง!
'โว้ยยย! มึงใช้อะไรมองวะไอ้เปรม! ทำไมมึงควายแบบนี้!' ผมอยากจะเอามือดึงทึ้งหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไป ให้สมกับความโง่งมของตัวเองนัก
"เสี่ยเปรม! มัวทำอะไรอยู่ รีบพาน้องไปที่บ้านสิ!"
เสียงของแม่ดึงสติที่หลุดลอยไปไกลของผมให้กลับมา หลังจากที่มันเตลิดไปกับความจริงที่ได้รับรู้ แต่ความงงในงงก็ทำให้ผมยืนเฉยไม่แม้แต่จะขยับตัว
"เสี่ย...ช่วยที" เเม่หันไปพูดกับพ่อแทน เมื่อเห็นว่าผมยังนิ่งเฉย และเมื่อพ่อขยับตัว ผมก็ปราดเข้าไปช้อนอุ้มร่างของดอกรักขึ้นมาในวงแขนทันที
"ผมเอง... พ่อแก่แล้วเดี๋ยวปวดหลังขึ้นมาจะยุ่ง" พูดจบผมก็ก้าวเดินทันทีโดยไม่สนใจสายตาของพ่อกับแม่ที่มองตามมาอย่างแปลกใจ
มันไม่มีอะไร... ไม่เห็นต้องแปลกใจเลยสักนิด... ผมก็แค่ไม่อยากให้พ่อต้องลำบาก ก็แค่นั้น...
ในขณะที่ผมก้าวเดินอย่างเร่งรีบ สายตาของผมก็อดที่จะก้มมองคนในอ้อมแขนที่หมดสติไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ได้
"เหี้ย!" ผมสบทในลำคอ ขานี่พันกันแทบสะดุดล้มหัวทิ่ม!
ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่กระดุมเสื้อของยัยดอกรักหลุดออกจากกัน และมันก็ทำให้มองเห็นเนินอกขาวอวบโผล่แพลมออกมาจากบราเซียตัวน้อย!
แม่งเอ๊ย! เนินนมทิ่มเข้าตาจัง ๆ เลยกู! เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ทำไมนมมันใหญ่โตมโหราฬนักวะ! ตอนแรกก็นึกว่านมเด็กประถม เอาเข้าจริงที่มันนมมหาลัยชัด ๆ
ขันติ ขันติ ท่องไว้นะไอ้เปรม อย่าให้ขันแตกนะมึง!
เมื่อถึงบ้านผมก็ค่อย ๆ วางร่างของดอกรักลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างเบามือ ก่อนจะถอยออกมายืนมองแม่กับยายบุญช่วย ช่วยกันปฐมพยาบาลอยู่ห่าง ๆ
"ตายแล้วคุณดอกรัก!"
"ยังไม่ตายป้า! ขอยาดมหน่อย เร็ว ๆ ค่ะ"
"ค่ะ ๆ'' แล้วยายบุญช่วยก็พาร่างอ้วน ๆ ของแกเดินแกมวิ่งไปหายาดม ไม่ถึงนาทีแกก็กลับมา
"นี่ค่ะคุณแสนดี ยาดม" แม่รับยาดมจากมือของยายบุญช่วยมาแล้วจ่อไปที่จมูกของดอกรักและส่ายไปมาเพื่อให้เธอสูดดมทั้งสองข้าง จากนั้นแม่ก็หันมาพูดกับยายบุญช่วยอีก
"ตัวร้อนจี๋เลยป้า มีไข้ด้วยแน่ ๆ เลย ขอผ้าขนหนูกับน้ำด้วยค่ะ หนูจะเช็ดตัวให้แก"
"ค่ะคุณแสนดี" แล้วยายบุญช่วยก็ลุกขึ้นวิ่งไปหาของตามที่แม่ผมสั่งอีกครั้ง ช่างวุ่นวายดีแท้...
"!" แต่ในขณะที่กำลังมองคนโน้นทีคนนี้ที ผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ ๆ พ่อก็ยื่นมือมาจับไหล่ผม
"เหนื่อยรึไง เหงื่อท่วมตัวขนาดนี้" พ่อเอ่ยถามยิ้มๆ
"ก็... ก็เหนื่อย... ยัยนี่ตัวหนักยังกับช้าง" ผมเฉไฉ ไม่กล้าสบตาของพ่อ จะให้ผมยอมรับได้ยังไงล่ะ ว่าไอ้สาเหตุจริง ๆ ที่ทำให้เหงื่อท่วมตัวน่ะมันไม่ใช่เพราะความเหนื่อย แต่จริง ๆ แล้ว... มันเป็นเพราะนมมหาลัยของยัยดอกรักนี่ต่างหาก!
"หึ! ...พ่อเข้าใจนะไอ้เสือ สมัยพ่ออายุเท่าแกน่ะ เห็นนมทีไรก็มีอาการแบบนี้แหล่ะ"
พูดจบพ่อก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ส่วนผมก็ได้แต่ยืนเอ๋อ เพราะไม่คิดว่าพ่อจะรู้ ทำไมพ่อรู้วะ! นี่เก็บอาการสุด ๆ แล้วนะ!
"คุณดอกรักฟื้นแล้ว!" เสียงของยายบุญช่วยดังขึ้นด้วยความดีใจ เมื่อยัยดอกรักรู้สึกตัวแล้ว ทำให้ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ทันที
"น้าแสนดี..." เสียงเล็ก ๆ เรียกชื่อแม่ของผมแผ่วเบา
"จ้ะ... น้าเอง เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม ตอนล้มลงหัวไปฟาดกับอะไรรึเปล่า?"
แม่ของผมถามเป็นชุดชนิดไม่เว้นที่ว่างให้ตัวเองได้หายใจ ส่วนมือก็ลูบหน้าลูบตายัยดอกรักอย่างเป็นห่วงเป็นใยซะเหลือเกิน สร้างความหมั่นไส้ให้กับผมอีกจนได้
"ไม่ค่ะ...ไม่เจ็บเลย"
"โถ... ดูซิ! เป็นความผิดของเรานะเสี่ยเปรมที่ทำให้หนูดอกรักเป็นแบบนี้ คิดยังไงถึงได้ให้ผู้หญิงตัวนิดเดียวไปทำงานของผู้ชาย?"
แล้วจู่ ๆ แม่ก็หันมาต่อว่าผมซะงั้น แล้วจะให้ผมตอบท่านว่ายังไงดีล่ะ จะให้ตอบว่าเพราะผมนึกว่ายัยดอกรักนี่เป็นผู้ชายก็คงไม่ได้ด้วย ตอบแบบนั้นคงได้ถูกแม่เทศนาสวดยับสามวันเจ็ดวันไม่ซ้ำคำแน่ เผลอ ๆ ได้อายคนทั้งไร่อีกต่างหากที่มีตาแต่ไร้แววแบบนี้
"ก็ยัยหนูดอกรักของแม่เป็นหนี้ คนเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้มันก็ถูกแล้ว อีกอย่างผมก็ไม่ได้เป็นคนเสนอให้ทำงานใช้หนี้ซะเมื่อไหร่ มัน..."
ผมยั้งปากของตัวเองไว้เกือบไม่ทัน เมื่อตัวเองเผลอเรียกยัยนี่ว่ามันเหมือนที่เคยเรียก
"ยัยนี่เป็นคนเสนอเองต่างหาก ทั้งที่มันมีวิธีที่ดีกว่านั้นแท้ ๆ"
แม่ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที พร้อมกับหันไปมองหน้ายัยดอกรักของท่าน พลางทำหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจอย่างล้นเหลือ
"เป็นอย่างที่พี่เขาพูดรึเปล่าดอกรัก?"
คำพูดเหมือนไม่เชื่อถือของแม่ทำให้ผมต้องรีบหันไปมองหน้าดอกรักอย่างข่มขู่และเอาเรื่องทางสายตา
'ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ เจอดีแน่!'
"ใช่ค่ะน้าแสนดี ดอกรักเป็นคนเสนอที่จะใช้หนี้ด้วยวิธีนี้เองค่ะ" ผมยกยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างสมใจที่การข่มขู่ทางสายตาของผมมันได้ผล
"แล้วหนี้สินทั้งหมดมันเท่าไหร่กันล่ะ เสี่ยเปรม?" คราวนี้แม่หันมาถามผมแทน
"ฝ่ายบัญชีกำลังสรุปยอดอยู่ พรุ่งนี้ก็น่าจะรู้เรื่อง แม่ถามทำไม?" ผมถามกลับอย่างสงสัย
"แม่จะใช้หนี้ทั้งหมดให้หนูดอกรักเองน่ะสิ"
"ไม่ได้!" ผมขึ้นเสียงทันทีด้วยความลืมตัว บวกกับความตกใจที่แม่ดูจะรักจะหลงยัยดอกรักมากซะเหลือเกิน มากกว่าลูกแท้ ๆ อย่างผมอีกมั้ง!
"เสี่ยเปรม! จะเสียงดังใส่แม่ทำไม ชักจะกร้าวร้าวใหญ่เเล้วนะ!" แม่ขึ้นเสึยงอย่างไม่พอใจ พร้อมกับหันมามองผมอย่างเอาเรื่อง
"ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่ตั้งใจที่จะพูดไม่ดีกับแม่ แต่ผมก็ไม่ยอมใหัแม้ใช้หนี้แทนยัยนี่หรือใครทั้งนั้น อย่าลืมว่าพ่อกับแม่เป็นคนส่งผมมาที่นี่เอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่นี่เป็นของผม ผมมีสิทธิ์ตัดสินใจทุกอย่างแค่คนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าแม่ยังยืนยันที่ใข้หนี้ให้ยัยขี้โกงนี่ให้ได้ล่ะก็ ผมก็จะกลับกรุงเทพฯทันทีเหมือนกัน!"
พูดจบผมก็กระแทกเท้าเดินออกจากห้องนั่งเล่นและกลับเข้าไปในไร่ทันที ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของคนเป็นแม่ที่ดังไล่หลังมาสักนิดเดียว
ผมรู้ตัวว่าแสดงนิสัยไม่ใส่แม่ แต่จะให้ผมทนเห็นแม่ของตัวเองเอาอกเอาใจคนอื่นมากกว่าลูกแท้ ๆ อย่างผม ผมก็ทนไม่ได้อีกเหมือนกัน
และถึงแม้ว่ายัยดอกรักจะเป็นผู้หญิง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเธอของผมจางหายไป ตรงกันข้ามความไม่ชอบ และความเกลียดชังกลับมีมากขึ้นกว่าเดิมเป็นอีกเท่าตัว!
Perm End.