บทที่ 6
“หม่อมฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเธอเข้ามาทำบ้าอะไรในลอนดอนนี่” สตรีที่เหยียดร่างอยู่บนเตียงนอนข้างกายเอ่ยถามเสียงเครียด
แพรซาตินยับยุ่งถูกดึงขึ้นมาคลุมร่างหล่อนไว้เพียงเอว เปิดเผยเนินทรวงเปลือยเปล่าต่อสายตาเขา เนื้อหนังของหล่อนเต่งตึง ผิวพรรณไร้ตำหนิ แม้จะอยู่ในวัยสามสิบห้าปีแล้ว แต่หล่อนก็ยังคงความงามอย่างหาตัวจับยาก หล่อนไม่เคยยอมให้ผิวต้องแสงแดด ทั้งไม่ยอมให้มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ด้วยการใช้เครื่องสำอางและครีมที่สั่งเข้ามาเป็นพิเศษจากตะวันออก ซึ่งหล่อนจะนวดตัวเพื่อความงามของผิวพรรณทุกวันไม่เคยเว้น
มอยรา...หรือเลดี้ เพล เป็นคนรักความสำราญ...
หล่อนพอใจแต่เรื่องของความสุขสนุกสนาน พอใจที่จะมอบความสุขและต้องการให้ตนเองได้รับความสุขนั้นตอบแทน โดยเฉพาะความสุขในเตียงนอน หล่อนไม่เคยเต็มอิ่มกับเรื่องนี้ ซึ่งไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่าเจ้าชายโรดอล์ฟ กิราเดท์
จู่ๆ...มันคล้ายกับเขาเกิดเบื่อหล่อนขึ้นมากะทันหัน โรดอล์ฟปัดผ้าคลุมกายออก เอื้อมไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม
“กลับมาขึ้นเตียงเดี๋ยวนี้นะเพคะ รูดี้” เสียงเชิญชวนแกมบังคับดังขึ้น
รูดี้...เขาชิงชังชื่อเรียกเล่นที่หล่อนตั้งให้นี่เหลือเกินแล้ว...!
แต่เขาจะไม่มีวันแสดงความรู้สึกดังกล่าวออกมาให้คู่เชยคนล่าสุดเห็นอย่างเด็ดขาด เพราะทุกครั้งที่มอยราเรียกเขาด้วยชื่อนั้น มันเท่ากับเป็นการเตือนให้โรดอล์ฟ กิราเดท์ นึกขึ้นมาได้ ว่าเขาชิงชังในตัวผู้หญิงคนนี้มากเพียงไร แม้บางครั้งเขาจะต้องเรียกหล่อนว่า “เลดี้” แต่มันก็เป็นการเรียกอย่างไม่เต็มใจเลย
ประวัติสั้นๆของมอยราก็คือ หล่อนเป็นภรรยาม่ายของลอร์ด ออสกู๊ด เพล ซึ่งจากข้อมูลที่เจ้าชายโรดอล์ฟมีอยู่ เธอเป็นบุคคลที่ซื้อได้ด้วยเงินอย่างแน่นอน
สำหรับเจ้าชายโรดอล์ฟเองแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่เขาปรารถนาแล้วจะไม่ได้ ไม่มีงานชิ้นไหนที่เมื่อเขาออกคำสั่งไปแล้ว ผู้ที่รับคำสั่งไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม จะไม่ปฏิบัติอย่างสุดความสามารถ ที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาจะไม่มีวันอดทนกับการทรยศหักหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยากจะรักษาทั้งชีวิตและร่างกายไว้ แต่เป็นเพราะการได้รับใช้เจ้าชายอย่างดี มันหมายถึงจำนวนทรัพย์สินเงินทองที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล
ขณะเดียวกัน ประวัติของลอร์ดกับเลดี้ เพล ซึ่งมีความหนากว่า 12 นิ้ว ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี เอกสารดังกล่าวบรรจุรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของสามีภรรยาคู่นี้ไว้
เนื่องจากเคยมีภรรยาที่เลิกร้างและบ้างก็ตายจากกันมาแล้วถึงสามคน โดยที่คนแรกนั้นเป็นหมันไม่อาจมีบุตรให้ได้ กับอีกสองคนที่เสียชีวิตพร้อมบุตรเมื่อตอนที่ให้กำเนิด ดังนั้น ลอร์ด เพล ที่แม้จะอยู่ในวัยแปดสิบปีปลายแล้ว ก็ยังตัดสินใจแต่งงานกับมอยรา มูนสัน ซึ่งเป็นสาวน้อยอยุเพียงแค่สิบหกปี
หล่อนเป็นลูกสาวเจ้าของไร่ทางเมืองเหนือ...
เขาแลกตัวหล่อนมาด้วยเงินก้อนใหญ่...
เขาจัดงานฉลองการแต่งงานในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะมีเหตุร้ายเกิดตามมา
แม้ลอร์ด เพล จะถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนักกับความไม่เหมาะสมทุกประการในการแต่งงานครั้งนี้ แต่เขากับหล่อนก็อยู่ด้วยกันมานานถึงสิบปี
เพียงแต่เช้าวันหนึ่ง มีผู้พบลอร์ด เพล นอนตายอยู่ในเตียงของโสเภณีที่ขึ้นชื่อลือชาแห่งกรุงลอนดอนนางหนึ่ง สาเหตุการตายไม่ใช่หัวใจวายกะทันหัน หรือเป็นการตายตามธรรมชาติของชายชราที่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของกามราคะ แต่เขาตายเพราะถูกวางยาพิษ...!
เหตุร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่ตามมาก็คือ โสเภณีที่เกี่ยวข้องกับการตายของลอร์ด เพล หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดตามหาตัวคนร้ายอีกต่อไป จนในที่สุดเรื่องก็เงียบหายไปเฉยๆ ชาวสังคมรับรู้แต่เพียงว่า...ท่านเอิร์ลได้ทิ้งสมบัติมหาศาลไว้ให้แก่มอยรา แม่ม่ายสาวแสนสวยของเขาแต่เพียงผู้เดียว
และหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าชายโรดอล์ฟ กิราเดท์ก็ก้าวเข้ามาแทนที่
เขาผูกสายคาดเอวเสื้อคลุมให้กระชับก่อนจะเดินไปยังอีกฟากหนึ่งของห้อง ซึ่งตรงนั้นเป็นประตูกระจกเงาขอบเดินลายทอง เมื่อเปิดประตูดังกล่าวออกจะเห็นขวดเมรัยที่ตั้งเรียงรายอยู่ เขารินคอนยัคใส่แก้วยกขึ้นจิบกลั้วคอ
“รูดี้คะ...”เสียงออดอ้อนดังมาจากเตียงนอนอีกครั้ง “ช่วยบอกหม่อมฉันหน่อยสิเพคะ เธอเข้ามาทำบ้าอะไรในกรุงลอนดอนนี่?”
เจ้าชายเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าต่าง ทอดสายตามองลงไปยังท้องถนนที่ค่อนข้างจะร้างไร้ผู้คนอยู่เป็นครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“ผมเดาเอาว่า คุณคงหมายถึงหลานสาวผมใช่ไหม?”
“ก็ใช่น่ะสิเพคะ หม่อมฉันก็หมายถึงหลานสาวคนสวยของฝ่าบาทนั่นแหละเพคะ”
คำตอบของหล่อนทำให้เจ้าชายโรดอล์ฟยืนตัวแข็งไป ก่อนจะเอี้ยวศีรษะมามองผู้หญิงคนที่ทอดร่างอยู่บนเตียงนอนและพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่แฝงด้วยการเตือนอยู่ว่า
“เคาน์ตส เมื่อคุณจะพูดถึงหลานสาวผมขอให้ใช้วาจาที่เหมาะสมกว่านี้หน่อย ไม่เช่นนั้นก็ไม่สมควรเอ่ยถึงเธอเลย หลานสาวผมไม่ใช่สามัญชน เธอคือเจ้าหญิงซีซิลแห่งแซง-ซีเมียง ประเทศของเรา”
มอยราไม่ใช่คนโง่ หล่อนจะรู้ตัวเสมอถ้าได้ตัดสินอะไรบางอย่างผิดพลาดลงไป น้ำเสียงของหล่อนเปลี่ยนเป็นแสดงความเคารพขึ้นมาทันที
“ตายจริง...ก็ฝ่าบาทไม่ได้บอกให้หม่อมฉันทราบนี่เพคะ ว่าเจ้าหญิงจะเสด็จมาลอนดอนในฤดูกาลนี้ด้วย”
ในความเป็นเจ้าชายแล้ว เขาไม่จำเป็นจะต้องเล่าทุกเรื่องให้ผู้หญิงที่เป็นเพียงแค่คู่เชยฟังเสียทั้งหมด
“ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เหมือนกัน”เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่ถึงกับจะโกหกแต่ก็ไม่ใช่ความจริงเสียทั้งหมด เช่นเดียวกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเจ้าชายโรดอล์ฟ กิราเดท์
สตรีที่ทอดร่างอยู่ในเตียงแสร้งทำหน้าบึ้งอย่างแสนงอน เป็นเทคนิคที่หล่อนใช้มาตั้งแต่ครั้งวัยรุ่นที่จับใจชายหนุ่มทั้งหลายที่มาติดพันยิ่งนัก และดูจะยังใช้ได้ดี แม้อายุจะล่วงเลยเข้าวัยสาวใหญ่แล้วก็ตาม
โดยความเป็นจริงเคาน์เตสเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยที่สุดเท่าที่เจ้าชายเคยผ่านพบมา ถ้าจะไม่สนใจกับนิยามว่า...ความสวยของสตรีจะต้องเกิดและเปิดเผยออกมาจากภายใน...มอยรามีผิวขาวผ่องราวกระเบื้องเนื้อดี ดวงตาคู่สีทองเข้มเป็นประกายสดใส เรือนผมเป็นสีก้ำกึ่งอยู่ระหว่างสีทองกับสีเงิน ส่วนเรือนร่างนั้นสมบูรณ์แบบยิ่งนัก นอกจากนั้นมอยรายังดูอ่อนกว่าวัยมาก
“หม่อมฉันก็เพิ่งทราบข่าวนี้ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านเลดี้ ไวท์เฮ้าส์เมื่อคืนนี้เอง บอกตามตรงนะเพคะรูดี้ หม่อมฉันรู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย”
“ผมยังสงสัยนะที่รัก ว่าคุณโง่จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า”
“หม่อมฉันอยากรู้จริงๆเพคะ ว่าเธอ...เอ้อ...เจ้าหญิงมาที่นี่ทำไม?”
เขาพยายามระมัดระวังอย่างที่สุดที่จะไม่แสดงความหงุดหงิดรำคาญใจออกมา
“ผมว่าเรื่องนี้ก็มีการแถลงออกมาอย่างเป็นทางการแล้วนี่ ว่าซีซิลต้องการเสด็จมาร่วมงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นในฤดูกาล”
ท่าทางของมอยราคล้ายกับจะยอมรับในคำอธิบายนั้น
“หม่อมฉันคิดว่า ที่แซง-ซีเมียง คงจะน่าเบื่อไม่น้อยนะเพคะ”
โรดอล์ฟแต่งสีหน้าราวไม่รู้สึกยินดียินร้าย มือข้างหนึ่งซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม ขณะที่อีกข้างหนึ่งถือแก้วคริสตัลบรรจุบรั่นดีอยู่
“ก็อย่างที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังมาหลายครั้งแล้วนั่นแหละที่รัก คุณคิดว่าเพราะอะไรล่ะที่ทำให้ผมต้องเนรเทศตัวเองออกมาตั้งแต่ตอนที่ยังหนุ่มอยู่”
“เพราะความน่าเบื่อใช่ไหมเพคะ?”
“ถูกต้องที่สุด ที่แซง-ซีเมียงมันไม่มีอะไรเลยนอกจากแพะแล้วก็คนเลี้ยงแพะ มีแต่ทุ่งหญ้าบนภูเขาสูงแล้วก็หมู่บ้านที่เป็นกระจุกอยู่ตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย นอกจากวิวที่สวยงามอย่างยิ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห้องแสดงภาพวาดในพระราชวัง ชุดเสื้อเกราะของนักรบโบราณ แล้วก็สิ่งละอันพันละน้อยที่เป็นสมบัติของราชวงศ์แล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก”
“นอกเสียจากว่าฝ่าบาทจะได้เป็นผู้ปกครองแผ่นดินนั้น เป็นเจ้าชายแห่งแซง-ซีเมียง” หล่อนพูดตรงประเด็น “ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ฝ่าบาทก็จะเป็นกษัตริย์ปกครองบ้านเมืองด้วยองค์เอง ถ้าจะว่าไปแล้ว ในยุคปัจจุบันก็มีราชวงศ์เหลืออยู่น้อยเต็มทีนะเพคะ”
มอยราไม่ถึงกับจะเป็นคนฉลาดมีสติปัญญาอย่างที่คิดว่าตัวเองเป็น หล่อนยังต้องใช้ความพยายามอีกมากถ้าหวังจะเห็นโรดอล์ฟ กิราเดท์ เสียอารมณ์ด้วยคำพูดเชิงหยันเยาะของหล่อน ทั้งนี้เพราะเขาฝึกฝนตนเองมานานที่จะไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆต่อคำพูดทำนองนี้ ดังนั้น เขาจึงตอบหล่อนด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
“การที่จะได้ปกครองแซง-ซีเมียงไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความคิดของผมอยู่แล้ว เพราะว่านั่นมันคือหน้าที่ คือความรับผิดชอบที่จะต้องตกเป็นของพี่ชายผม คนที่เกิดมาเป็นลูกชายคนรอง ย่อมจะต้องมีความเข้าใจในสิ่งนี้ตั้งแต่แรกเกิดแล้ว มอยรา”
มอยราพลิกร่างขึ้นนอนหงาย พวงผมสยายอยู่บนหมอน ชูขาข้างหนึ่งขึ้นในอากาศขณะย้อนถามว่า
“เช่นนั้นหรือเพคะ?”
โรดอล์ฟยกแก้วคอนยัคขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“ผมได้ค้นพบอย่างรวดเร็วมากว่า การเป็นลูกชายคนรองนี่มันได้ประโยชน์หลายอย่าง”
“ลองยกตัวอย่างสักข้อสิเพคะ” น้ำเสียงของมอยราเหมือนท้าทาย
“ความมีอิสระ...นั่นเป็นข้อแรก”
“อิสระที่จะทำอะไรล่ะเพคะ?”หล่อนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
โรดอล์ฟไม่ยอมให้ใครเล่นงานเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวอยู่แล้ว ตลอดเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา เขาต่างหากที่จะเป็นผู้แสดงบทบาทนั้น และไม่ว่าเขาจะสร้างเรื่องอะไรขึ้นมา เขาจะต้องทำใจให้เชื่อเสียก่อนว่ามันเป็นเรื่องจริง
“ก็มีอิสระที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมอยากจะทำน่ะสิ อิสระที่จะเดินทางไปทั่วโลก อิสระที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ อิสระที่จะสร้างฐานะ สร้างฐานพลังอำนาจ มีที่ดิน มีบ้าน...อย่างเช่นบ้านหลังนี้ที่เป็นของตัวเอง กับชาโตหลังใหญ่ในฝรั่งเศส อิสระที่จะคบหาสมาคมกับเพื่อนผู้มีอิทธิพลหรือจะมีเมียสักกี่คนก็ได้”
ประโยคหลังของเขา ทำให้ดวงตาคู่สีทองเข้มเป็นประกายกล้าขึ้นทันที
“แล้วเคาน์เตสฝรั่งเศสของฝ่าบาทว่ายังไงบ้างล่ะเพคะ เมื่อรู้ว่าตอนนี้ฝ่าบาทกลายมาเป็นชู้รักของเคาน์เตสอังกฤษเข้าแล้ว?”
โดยความเป็นจริงแล้ว เคาน์เตสเทเรซา ไม่เคยเอ่ยถึงมอยราหรือความเสเพลใดๆของเจ้าชายโรดอล์ฟเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นในความเป็นฝรั่งเศสเต็มตัวและความเป็นผู้ที่มีสติปัญญา ทำให้เธอพอใจจะอยู่ในโลกของตัวเองมากกว่า