บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 น่ารักจนใจเจ็บ

[คนกลาง]

วันนี้ผมยังไม่ได้เห็นคนที่ตามหาเลยเพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน หลังจากเพื่อนส่งรายละเอียดเกี่ยวกับคนน้องมาในเมล ผมก็ยังไม่ได้มีเวลาเปิดอ่านด้วยซ้ำ จนตอนนี้เวลาเกือบบ่ายสองผมก็เดินเข้ามาในส่วนของโซนจัดเลี้ยงก็พลันได้ยินเสียงคนคุยกันผมเดินเลี้ยวหลบมุมแอบฟังผู้หญิงสองคนคุย น้ำเสียงที่คุ้นเคยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร ผมยืนแอบฟังทั้งสองคนคุยกันด้วยความเสียมารยาท ก็จับใจความได้คร่าวๆ ว่าคนน้องเหมือนจะป่วยกับตอนเย็นจะพาลูกไปกินไก่เจ้าโปรดของเธอ ผมเดินผละออกจากห้องอาหารก่อนที่พวกเธอจะหันมาเห็นผม

....

"แม่จ๋า เหนื่อยไหมจ๊ะ" เด็กน้อยข้าวหอมลุกมากอดขาฉันพร้อมกับเงยหน้าถามด้วยความเป็นห่วงทุกครั้งที่เด็กน้อยเห็นฉันทำงานอยู่ จะไม่มีใครเข้ามาอ้อนแต่พอฉันทำงานเสร็จทั้งสองคนก็เข้ามาถามไถ่หอมแก้ม กอดฉันด้วยความรักเหมือนเด็กทั้งสองรู้ว่าฉันเหนื่อยเลยไม่เคยงอแงสักครั้งเดียวและยังคอยถามว่าเหนื่อยไหมตลอดเวลาเหมือนกับตอนนี้

"แม่จ๋าเหนื่อยไหมครับ" ข้าวปั้นถามขึ้นมาด้วยความไม่น้อยหน้าพี่สาว

"ไม่เหนื่อยค่ะ แล้วเป็นไงคะ เบื่อไหมคะ" ฉันตอบลูกน้อยต่างจากความเป็นจริงลิบลับ ตอนนี้เหมือนร่างกายฉันกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ อยากจะทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วปล่อยร่างกายให้ได้พักแต่ติดที่ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ ตอนที่เด็กๆ กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้พาไปที่ร้านไก่ทอดชื่อดัง

"ไม่เบื่อค่ะ// ไม่เบื่อครับ"

"งั้นเราไปกินไก่กันดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน ไปค่ะไปไหว้ทุกคนก่อนนะคะ"

ฉันเตรียมเก็บของในระหว่างที่เด็กๆ จูงมือกันไปไหว้ลาผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นที่ชินตาของใครหลายๆ คนที่นี่ไปแล้ว"

"หอม หอมเอ๊ย!! จะกลับแล้วเหรอ" ป้าแตนที่ส่งเสียงเรียกมาจากในครัวตอนนี้มีเด็กน้อยสองคนจูงมือแกออกมาทั้งซ้ายขวา

"ค่ะป้า พอดีหอมจะพาเด็กๆ ไปกินไก่ทอดของโปรดสัญญากับเค้าไว้แล้ว"

"เออๆ ข้าได้ยินเด็กๆ บอกอยู่เหมือนกันว่าแต่จะไปกันยังไง ในเมืองไม่ใช่ใกล้ๆ "

"หนูรอรถลุงเม่นนี่แหละจ่ะ แกว่าจะพาป้าศรีเข้าเมืองด้วย เลยให้ไปพร้อมกัน"

"ดีๆ ป้านึกว่าจะไปกันเองสามคนแม่ลูกเสียแล้วไม่ใช่อะไรหรอก ป้าแค่เป็นห่วงแต่ถ้าไปกับไอ้เม่นยัยศรีป้าก็สบายใจ อ่ะ...ไปกันเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน"

"สวัสดีค่ะ คุณยายเดี๋ยวพรุ่งนี้หนูมาใหม่นะจ๊ะ" ข้าวหอมยกมือไหว้คุณยายอย่างสวยงามตามที่แม่เคยสอนพาคนมองชอบใจ

"สวัสดีฮะคุณยาย ข้าวผัดอร่อยมากครับ" หนูน้อยข้าวปั้นยกมือไหว้อีกคนด้วยความสวยงามไม่แพ้คนพี่ ไม่ลืมยกนิ้วโป้งส่งให้คุณยายแตนก่อนกลับ แค่นี้ก็ทำคนแก่หัวใจฟูแล้ว

"ปากหวานจริงหลานยาย พรุ่งนี้ยายทำของโปรดรอนะครับ แล้วก็อย่าดื้ออย่าซนกันนะลูก เดี๋ยวแม่บัวจะเหนื่อย"

"ค่ะ //ค๊าบ "

หลังจากร่ำลาคนในครัวเสร็จฉันก็พาเด็กๆ เดินมารอรถสองแถวลุงเม่น ไม่นานนักลุงเม่นก็ขับมาจอดที่หน้ารีสอร์ต พวกเราสามคนนั่งอยู่ท้ายรถสองแถวที่กำลังมุ่งหน้าไปยังห้างเล็กๆ ในเมืองเด็กๆ ทั้งสองคนทั้งร้องเพลงตบมือแข่งกับเสียงรถอย่างอารมณ์ดี ทำให้ฉันไม่เหงาแล้วยังปรบมือส่งเสียงร้องเพลงไปกับลูกๆ ด้วย

หลังจากลุงเม่นจอดส่งเราที่หน้าห้างโดยนัดเจอกันตอนหกโมงเย็น ฉันสามคนแม่ลูกก็เดินจับมือเข้าห้างกันอย่างอารมณ์เบิกบาน ถึงแม้ว่าจะยังมีอาการไข้ แต่ความสุขของลูกๆ ก็แทบทำเอาฉันแทบจะหายจากอาการป่วยทันที

[จบพาร์ท บัวหอม]

[คนกลาง]

หลังจากได้ยินคนน้องว่าตอนเย็นจะพาเด็กๆ ไปกินไก่ทอดยี่ห้อดัง ผมก็ขับรถตามพวกเธอออกมาทันที ทั้งสามคนขึ้นรถสองแถวคันเดิมโดยมีเด็กๆ นั่งร้องเพลงปรบมือกันอย่างสนุกสนาน ผมขับรถมาจอดต่อท้ายรถสองแถวในตอนที่ติดไฟแดง ไม่กลัวเธอสังเกตเห็นเพราะรถผมติดฟิล์มมืดภายนอกมองเข้ามาไม่เห็น

ผมเห็นหน้าน้องที่ยังซีดเซียวเหมือนเมื่อวานและดูเหมือนจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ ในใจคิดว่าเธอเคยได้กินอิ่มนอนหลับสนิทบ้างไหม เมื่อช่วงบ่ายทันทีที่ผมว่างผมก็เปิดอีเมลที่เพื่อนส่งมาให้ผม ผมอ่านไปน้ำไหลไป ไม่น่าเชื่อว่าเด็กนี้จะผ่านช่วงชีวิตที่โหดร้ายมาได้ขนาดนี้ เธอช่างเปราะบางแล้วพร้อมจะแตกสลายทุกเมื่อ ถ้าหากว่าเธอไม่มีลูกๆ ผมไม่อยากคิดเลยว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

ตอนนี้ผมเข้ามานั่งในร้านไก่ทอดชื่อดังที่น้องชอบกินตั้งแต่เด็ก ผมนั่งใส่หมวกปิดหน้าลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับหน้ากากอนามัย นั่งหันหลังให้โต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ และใช้การมองผ่านกระจกที่สะท้อนครอบครัวสามคนแม่ลูกและได้ยินเสียงสนทนากันอย่างชัดเจน

"แม่จ๋า เอาชุดนี้ได้ไหมครับ ข้าวปั้นอยากกิน"

"ข้าวปั้น ชุดนั้นมันแพงนะ" เด็กผู้หญิงพูดดุน้องทันทีเหมือนเด็กรู้ความ

"แม่จ๋า ข้าวปั้นไม่เอาแล้วครับ"

"เอาชุดที่ข้าวปั้นอยากกินนะคะ ข้าวหอมก็ด้วยหนูเลือกเลยค่ะ วันนี้แม่จ๋ามีเงินเยอะเลย มีคุณนายใจดีให้ทิปแม่จ๋าตั้งหนึ่งพันแหนะ เดี๋ยวเรากินไก่เสร็จแม่จ๋าพาไปซื้อชุดนักเรียนใหม่ แล้วเดี๋ยวแม่จ๋าพาไปซื้อชุดสวยๆ ที่ตลาด"

"เย้ๆ ข้าวหอมจะได้ชุดใหม่แล้ว // เย้ๆ ข้าวปั้นก็จะได้ชุดนักเรียนใหม่เหมือนกัน " เด็กน้อยสองคนพากันส่งเสียงดีใจที่ได้กินของที่ชอบกับได้ชุดใหม่ ผมนั่งฟังอยู่ถึงกับน้ำตาคลอ น้องกับลูกๆ ต้องอยู่กันลำบากขนาดนี้ พวกเรามัวไปทำอะไรกันมาถึงได้พบพวกเธอช้าขนาดนี้

ผมเห็นน้องสั่งอาหารเป็นชุดไก่ทอดชิ้นใหญ่สองชิ้นกับนักเก็ตไก่ชุดเล็ก เฟรนฟรายส์อีกชุดผมมองอาหารชุดนั้นที่เด็กผู้ชายอยากกินแล้วเด็กผู้หญิงบอกว่ามันแพง ผมเงยหน้ามามองราคาที่ป้ายเมนูที่บอกราคา 199 บาท เห็นแล้วอึ้งกับราคา ที่เด็กผู้หญิงน่ารักบอกว่าแพงนั้นแค่ข้าวจานหนึ่งที่ผมเคยกินมายังแพงกว่านี้เลย

'โถ่ เด็กน้อยหลานอา ถ้าเกิดเรื่องทุกอย่างลงตัวแล้ว อาคนนี้จะพวกหนูไปทานอาหารอร่อยๆ แพงๆ กว่านี้หลายๆ ที่เลย' ผมคิดในใจตอนนี้ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ในอกมันหน่วงเสียจนต้องจับเอาไว้

"แม่จ๋า กินเนื้อไก่สิจ๊ะ อันนี้ของโปรดแม่จ๋าข้าวหอมจำได้ วางกระดูกชิ้นนั้นลงได้แล้ว แม่จ๋ากินเนื้อๆ เร็วๆ " ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเด็กผู้หญิงพูดขึ้นสายตามองไปที่เด็กน้อยที่กำลังยื่นเนื้อไก่ที่คนเป็นแม่ฉีกวางไว้ในจานป้อนเข้าปากคนเป็นแม่

"ข้าวหอมกินเลยลูก แม่ไม่ค่อยหิวแล้วใครบอกแม่จ๋าชอบกินเนื้อไก่ แม่จ๋าชอบแทะกระดูกต่างหาก อร่อยกว่าเนื้ออีก หนูนั่นแหละกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ เดี๋ยวแม่ฉีกเนื้อให้ เอากระดูกมาไว้ที่จานแม่นี่ค่ะ"

"จริงเหรอคะ งั้นข้าวหอมขอชิมกระดูกบ้างได้ไหมคะ "

"ข้าวปั้นก็อยากกินบ้างครับ"

"ไม่ได้ๆ กระดูกเด็กๆ ไม่ควรทานนะคะ พวกหนูกินเนื้อนั่นแหละดีแล้ว มีประโยชน์เยอะเลย แม่โตแล้วกินเนื้อมากไม่ดีค่ะ มันไม่ค่อยย่อย"

ผมได้ยินบัวหอมพูดกับลูกๆ น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลทันทีเพราะไม่สามารถเก็บกลั้นไว้ได้ ผมจำได้ว่าบัวหอมในตอนเด็กเป็นคนที่ชอบกินไก่ทอดเป็นชีวิตจิตใจเวลาเห็นผมจะออกไปข้างนอกทีไรก็จะชอบแอบมามองจนผมจับได้ทุกครั้ง พอถามว่าอยากได้อะไรเธอก็ไม่ตอบเพียงว่าไม่ค่ะ ไม่ค่ะ จนผมต้องขู่ว่าจะไม่เอาหนังสือนิทานมาให้อ่านนั่นแหละเธอถึงบอกผมว่า เธออยากจะกินไก่ทอดเจ้าดังสักครั้ง พอเธอได้ลองกินก็ยิ้มชอบใจจนผมรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ผมเลยซื้อติดไม้ติดมือมาฝากตลอดแต่ไม่เคยให้ซื้อมาเกินสองชิ้นเพราะมีครั้งหนึ่งผมจำได้ไม่ลืม

วันนั้นผมซื้อไก่เจ้านี้ไปให้เธอ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุได้สิบเอ็ดขวบ เด็กน้อยเก็บไก่ไว้กินสามวันจนมีอาการปวดท้องต้องนอนโรงพยาบาลเพราะอาหารเป็นพิษ พอผมรู้ว่าเธอกินไก่ค้างคืนก็อดโมโหตัวเองไม่ได้ จนต้องมาถามเด็กน้อยว่าทำไมถึงเก็บเอามาทาน เด็กไร้เดียงสาเพียงตอบมาว่าเสียดายหากต้องทิ้งและกลัวว่าไม่ได้กินอีก ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากที่เป็นคนทำให้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสาเหตุหลักจะไม่ใช่ผมโดยตรงก็ตามแต่ถ้าผมไม่ซื้อไก่มาเย๊อะเกินไป เธอก็คงไม่คิดแบบนั้น มาตอนนี้ผมได้ฟังเธอพูดก็รู้สึกจุกอกไปหมด ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าเธอชอบแทะกระดูก

ครั้นนึกไปถึงเมื่อวานที่เธอกินข้าวต่อจากลูกๆ ที่กินเหลือพอมาวันนี้เธอยังไม่แม้แต่จะกินเนื้อไก่ที่ชื่นชอบมาตั้งแต่เด็กเพียงเพราะว่าอยากให้ลูกอิ่มท้องและไม่อยากใช้จ่ายเงินเพิ่ม โดยหลอกลูกทั้งสองคนว่าเธอชอบแทะกระดูก

แหมะ แหมะ~~

ไม่รู้ว่าน้ำตาผมหยดลงมาตั้งแต่เมื่อไร ทันทีที่เห็นน้ำใสไหลหยดลงมาที่โต๊ะ ผมก็รู้สึกตัว ยกมือปาดน้ำตาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายวิดีโอสามคนแม่ลูกที่นั่งกินไก่กันอย่างเอร็ดอร่อย ผมถ่ายผ่านกระจกใสที่สะท้อนสามคนแม่ลูกที่นั่งกินไก่อย่างมีความสุข โดยมีคนแม่นั่งหยิบกระดูกแทะจนไม่เหลือเศษเนื้อติดสักชิ้นเดียวพร้อมรอยยิ้มที่ส่งมาให้กับลูกๆ อยู่ตลอด นั่นเป็นหลักฐานที่มากเพียงพอแล้วว่าเธอยังคงชื่นชอบในรสชาติไก่ทอดเจ้าดังไม่น้อย ผมกดส่งไปที่แชทของน้องสาวและตัดสินใจกดส่งข้อมูลที่ให้เพื่อนไปสืบมาเข้าที่อีเมลพี่ชายพร้อมส่งรูปถ่ายและวิดีโอของทั้งสามคนแม่ลูกเข้าไปในช่องแชทของพี่ชาย ผมมั่นใจว่าถ้าพี่ชายผมได้อ่านเอกสารและดูรูปพวกนี้แล้วไม่เกินวันพรุ่งนี้พี่ชายผมต้องมาปรากฏตัวที่นี่อย่างแน่นอน

[จบพาร์ท คนกลาง]

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel