บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 อุปการะ

ตอนที่ 2 อุปการะ

เช้าวันรุ่งขึ้น ต้นไผ่ได้เดินทางมาเยี่ยมคุณลุงคนเมื่อวานที่เธอได้ช่วยเอาไว้ เธอว่าจะมาขอบคุณ คุณลุงกับคุณป้าอีกครั้งที่ได้มอบเงินจำนวนนั้นให้เธอไปหนึ่งก้อนเมื่อวานนี้ ปรากฏว่าพวกท่านไม่อยู่แล้ว ส่วนเงินจำนวนนั้นเธอได้มอบให้กับคุณแม่เพื่อเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้น้องๆและทุกคนในบ้านหลังนั้น

@ปารีส

หลังจากวันนั้นที่มิเชลได้พาแด๊ดและมัมกลับปารีส คุณโจเซฟก็ได้นอนพักรักษาตัวอยู่หลายวันกว่าที่อาการของท่านที่เป็นอยู่จะค่อยๆดีขึ้น

"เชลลูก...แม่รู้สึกถูกชะตากับยัยหนูคนนั้น นี่ถ้าไม่ติดว่าที่นี่อยู่ไกล แม่คงรับยัยหนูคนนั้นมาเลี้ยงเป็นลูกสาวแล้ว" บนโต๊ะรับประทานอาหารเช้า นั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

เด็กผู้หญิงคนนั้นยังคงอยู่ในใจของพวกท่านทั้งสองคนเสมอ และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ คุณนิดาก็ยังคงพูดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมเลิก พูดบ่อยจนมิเชลเริ่มรำคาญหู เขาเป็นคนไม่ค่อยสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง

"มัมพูดแต่เรื่องนี้มาเป็นเดือนแล้วนะครับ" พูดจนเขาอยากเห็นหน้าเด็กคนนั้น!

"เชลช่วยรับอุปการะน้องแทนแด๊ดกับแม่หน่อยได้มั้ยลูก" น้อง! เขาไม่เคยมีน้อง แล้วก็ไม่เคยคิดอยากจะมีด้วย

"งานผมเยอะแยะ ไม่ว่างหรอกครับ" มิเชลปฏิเสธ

"แด๊ดก็เห็นด้วยกับมัมนะ" พวกท่านแก่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยสะดวก แล้วก็ไม่อยากใช้ลูกน้องด้วย จึงอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวของท่านช่วย

"แด๊ดกับมัมก็โยนเงินให้หน่วยงานรัฐที่ไหนสักที่ให้เขาไปจัดการดูแลให้ แค่นี้ก็จบ ทำไมเราจะต้องไปติดต่อเองเป็นภาระเปล่าๆ"

"มันแสดงถึงความจริงใจไง เด็กผู้หญิงคนนั้นมีน้ำใจกับแด๊ด แด๊ดก็อยากตอบแทนน้ำใจ ถ้าขืนจ่ายเงินให้กับหน่วยงานเป็นคนจัดการให้ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเงินที่ให้ไปถูกจัดสรรไปไหนบ้าง" พวกท่านไม่ได้กลัวเงินถูกจัดสรรแต่กลัวว่าเงินจะไปไม่ถึงเด็กคนนั้น พวกท่านอยู่ไกลการตรวจสอบคงเป็นเรื่องที่ดูวุ่นวายน่ารำคาญ

"เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้วครับ ผมเบื่อฟัง"

"เชลจะจัดการให้แด๊ดกับแม่ใช่มั้ยลูก" คุณนิดาเอ่ยถามลูกชายอีกครั้ง

"ครับ" ในเมื่อพวกท่านต้องการแบบนั้น เขาก็จะจัดการให้...ตามหน้าที่ จะได้จบๆไป

@เมืองไทย

สามเดือนต่อมา...เป็นจังหวะที่ต้นไผ่เรียนจบในระดับชั้นมัธยมปลายพอดี เธอไม่มีเงินเรียนต่อ คิดว่าจะหางานทำ แต่อยู่ๆก็เหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเด็กผู้หญิงจิตใจดีคนนี้

"พี่ต้นไผ่คะ คุณแม่เรียกให้ไปพบค่ะ"

"เรื่องอะไร" บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า คงดูแลได้แค่ช่วงอายุหนึ่งเท่านั้น หลังจากที่อายุได้พอที่จะหางานทำได้แล้ว พี่ๆที่โตหน่อยก็ต้องออกจากบ้านไปหางานทำ ต้นไผ่คิดว่าคุณแม่คงเรียกไปพูดเรื่องนี้

"ไม่ทราบค่ะ" ต้นไผ่เดินไปหาคุณแม่ในห้องทำงาน ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง การที่เธอไม่มีใคร ไม่มีที่ให้ไป ทำให้เธอรู้สึกว้าเหว่ไม่อยากไปจากที่นี่ เธอเติบโตมาจากที่นี่ ที่นี่คือบ้านของเธอ

"คุณแม่..." ต้นไผ่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของคุณแม่ที่เลี้ยงดูเธอมา ในใจรู้สึกกลัวในสิ่งที่คุณแม่กำลังจะพูด

"นั่งลงก่อนสิ" คุณแม่เงยหน้าขึ้นมาอมยิ้มให้ต้นไผ่ ในมือมีเอกสารบางอย่าง ต้นไผ่ยอมนั่งลง คิดเอาเองว่าเอกสารที่คุณแม่ถืออยู่คงเป็นที่อยู่ใหม่ของเธอ อาจจะเป็นที่ทำงานที่คุณแม่ได้หารอเอาไว้ให้เธอ ต้นไผ่นั่งก้มหน้านิ่งรอฟังสิ่งที่คุณแม่กำลังจะพูด

"มีผู้ใจดี ยื่นความจำนงขอรับอุปการะ นางสาวเมธาพรเข้าเรียนในระดับชั้นมหาวิทยาลัย" ประโยคบอกเล่าของคุณแม่ ทำให้ต้นไผ่ต้องเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความดีใจ การได้ศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาตรีของเด็กกำพร้าอย่างเธอ ไม่ใช่ว่าจะได้มากันง่ายๆ สิ่งที่ต้นไผ่ได้ยินทำให้เธอดีใจมาก มากจนไม่สามารถเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

"จริงเหรอคะคุณแม่"

"จริงจ่ะ แม่ดีใจกับต้นไผ่ด้วยนะ"

"ใครคะ ใครเป็นคนให้ทุนหนู" น้ำเสียงดีใจเอ่ยถาม พลางปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ

"แม่ก็ไม่รู้จักเขา เขาชื่อมิเชล ไม่น่าจะอยู่เมืองไทย นี่เป็นมือถือที่เขาส่งมาให้ต้นไผ่ใช้เพื่อติดต่อกับเขา" ทุนที่ต้นไผ่ได้อาจจะดูแปลกๆไปหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่เขาคนนั้นได้หยิบยื่นให้ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ คงต้องใช้คำว่าขอบคุณมากๆ ที่ได้มอบโอกาสให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้เรียนหนังสือต่อ

"ไว้ใจได้มั้ยคะ" ยุคนี้เป็นยุคมิจฉาชีพครองเมือง คงไม่แปลกถ้าเธอจะไม่ไว้ใจ

"แม่ก็ไม่รู้ แต่การที่มีผู้ใจบุญมารับอุปการะเด็กๆในบ้านของแม่ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหานะ แม่ว่าต้นไผ่ควรจะรับน้ำใจนี้ไว้เพื่ออนาคตของตัวเองนะลูก"

"หนูต้องออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วใช่มั้ยคะ" นี่คือสิ่งที่เธอรู้สึกว้าเหว่มาก

"ใช่ลูก...ยังไงสักวันหนูก็ต้องไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง ถ้าคิดถึงแม่ก็กลับมาเยี่ยมแม่และน้องๆได้ตลอดเวลาเลยนะ" คุณแม่ไม่เคยคิดที่จะเหนี่ยวรั้งเด็กคนไหนไว้ที่นี่ ถึงแม้ว่าต้นไผ่จะเป็นเด็กขยัน อดทน มีน้ำใจชอบช่วยเหลืองานบ้าน และดูแลน้องๆได้เป็นอย่างดีเสมอมา สิ่งที่คุณแม่ต้องการคืออยากเห็นลูกๆของท่านไปเติบโตมีชีวิตและสร้างครอบครัวที่ดี

"ค่ะ" เมื่อถึงเวลาทุกคนก็ต้องออกไปจากบ้านหลังนี้

"ในมือถือเครื่องนี้มีไลน์ของคุณมิเชล ในเอกสารที่เขาส่งมาบอกว่า หลังจากที่ได้รับเอกสารแล้ว ให้หนูแนะนำตัวไปคุยกับเขา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขาจะโอนให้หนูเป็นเดือน อ่ะลองเอาไปอ่านดู อ่อ...น่าจะต้องใช้ภาษาอังกฤษคุยกับเขานะลูก" ต้นไผ่เป็นเด็กเรียนเก่ง ภาษาอังกฤษถึงจะแค่พอใช้ได้ แต่สมัยนี้คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาความรู้เพิ่มเติม

"ค่ะ" ต้นไผ่รับเอกสารและโทรศัพท์มาถือไว้

"เขาได้จองที่เรียนไว้ให้หนูแล้ว มีห้องพักให้ด้วย"

"ที่ไหนคะ"

"กรุงเทพฯจ่ะ"

"หนูไม่เคยเข้ากรุงเทพฯ"

"หนูต้องหัดเรียนรู้ อนาคตยังอีกยาวไกล ดีเท่าไหร่แล้วที่ได้เรียนต่อ แม่อยากให้หนูไปใช้ชีวิตนะลูก อยู่ที่นี่มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น ไม่มีอนาคต ได้แต่อยู่ไปวันๆ"

"ไปอยู่กรุงเทพฯ คงอีกนานเลยกว่าจะได้กลับมาเยี่ยมคุณแม่และน้องๆ"

"ไม่เป็นไรเลยลูก ขอแค่หนูมีชีวิตและอนาคตที่ดีแม่ก็ดีใจแล้ว จำเอาไว้นะลูก ใช้ชีวิตอย่างมีสติ แยกแยะอะไรดี อะไรไม่ดี รักดีเท่านั้นถึงจะพาชีวิตของเราไปเจอแต่สิ่งที่ดีๆ"

"ค่ะหนูจะรักดี หนูจะตั้งใจเรียนให้จบ แล้วสักวันหนูจะกลับมา..."

"ไปเตรียมตัวเถอะลูก อีกสองวันแม่จะพาหนูไปส่ง" ต้นไผ่เดินออกไป คุณแม่หยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตา ท่านดีใจแทนต้นไผ่ เป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ สิ่งที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นการศึกษา ที่เป็นเครื่องนำทางพาชีวิตไปพบไปเจอแต่สิ่งที่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel