บทที่ 8 สงสัยว่าพระชายาจะมีปัญหา
นางอยู่ตรงหน้าชัด ๆ แต่เหมือนมีหมอกปกคลุมอยู่ ทำให้รู้สึกลึกลับ และดูไม่จริงใจ : “ส่งคนไปหนานหรงเพื่อสืบดูอย่างละเอียด......”
“พระองค์สงสัยว่าพระชายามีปัญหาหรือพ่ะย่ะค่ะ ?” ไป๋เชินรู้สึกประหลาดใจมาก ในเมื่อท่านอ๋องสงสัยพระชายา ทำไมยังให้พระชายารักษาเขาอีก เป็นที่รู้กันดีว่า คนที่มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ย่อมมีวิธีทำร้ายคนมากกว่าวิธีรักษาคนอย่างแน่นอน
เหอะ ตัวตนขององค์หญิงหงสาผู้นี้ รวมไปถึงทักษะการแพทย์ของนาง ยิ่งกว่ามีปัญหาเสียอีก
แววตาของซือห้าวเฉินส่องประกายคมกริบ : “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาง ข้าต้องการรู้ทั้งหมด”
“หม่อมฉันจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋เชินเดินไปสองสามก้าว ก็หันกลับมามองซือห้าวเฉิน “เช่นนั้น......ตอนบ่ายจะให้พระชายามาฝังเข็มให้ไหมพ่ะย่ะค่ะ ?”
“ให้หมอสวีมาอยู่เป็นเพื่อน” เขามีใจคิดที่จะทำร้ายคน แล้วจะไม่มีใจคิดจะปกป้องคนได้อย่างไร ? ในเมื่อรู้ว่าหมิงโร่ไม่มีทางคิดเอาชีวิตตนเอง แต่ก่อนที่จะสืบหาสิ่งที่น่าสงสัยในตัวนางจนกระจ่าง จะไม่ป้องกันไว้บ้างก็คงไม่ได้
ไป๋เชินยังคงรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่เขาไม่มีทางสงสัยในการตัดสินใจของท่านอ๋องเด็ดขาด ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เขามีหน้าที่ต้องคอยเตือนสตินายท่าน แต่ไม่มีสิทธิ์ควบคุมนายท่าน
“พระชายา......พระชายาเพคะ ตื่นได้แล้วเพคะ......”
หมิงโร่มักจะหงุดหงิดเมื่อตื่นนอน ยิ่งถูกปลุกให้ตื่นก็ยิ่งโมโห ทันทีที่ลืมตาขึ้น ม่านคลุมเตียงสีแดงสด สีสันเช่นนี้เมื่อผนวกรวมเข้ากับความหงุดหงิดที่วนเวียนอยู่ในสมอง ความทรงจำอันเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะท้าน
พระชายาเพคะ......” จือซูตะโกนเรียกอีกครั้ง
“อืม” หมิงโร่ลุกขึ้นนั่ง แล้วยื่มมือไปเปิดม่าน
ในมือของจือซูถือชุดสีชมพูอยู่หนึ่งชุด : “หม่อมฉันจะเปลี่ยนชุดให้พระชายานะเพคะ”
“เปลี่ยนชุดใหม่” หมิงโร่ขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบสีชมพูตั้งแต่เด็ก
“เพคะ” จือซูเปิดตู้เสื้อผ้าออก เสื้อผ้าชุดนั้นถูกพับเอาไว้ ไม่สามารถมองเห็นรูปแบบและลวดลายได้ หากพระชายาไม่ชอบก็คงเป็นเพราะไม่ชอบสีสัน จือซูจึงเลือกชุดกระโปรงแขนกว้างสีม่วงอมฟ้าออกมา แล้วเดินเข้าไปหาหมิงโร่ “พระชายาเพคะ ชุดนี้ใช้ได้ไหมเพคะ ?”
“อืม” หมิงโร่พยักหน้า
จือซูช่วยหมิงโร่สวมเสื้อผ้าไปพลาง ครุ่นคิดไปพลาง เสื้อผ้าล้วนนำติดตัวมากับพระชายาตอนแต่งงาน ด้านในมีชุดสีชมพูอยู่เป็นจำนวนมาก นางเองยังคิดว่าพระชายาชอบสีชมพูเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนว่านางจะคิดผิดแล้ว
เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว จือซูก็ทำผมแต่งหน้าให้หมิงโร่ : “พระชายาอยากทำผมทรงอะไรเพคะ”
“ทำทรงที่เรียบง่ายก็พอ” หมิงโร่สะบัดผมยาวที่อยู่ด้านหน้าไปไว้ด้านหลัง ผมของร่างเดิมนั้นสวยมาก เรียบลื่นราวกับเส้นไหม ดำขลับและหนา ยาวเลยเอวลงมา
“อีกเดี๋ยวพระองค์จะต้องไปพบท่านอ๋องไม่ใช่หรือเพคะ ?” จือซูเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
“แล้วอย่างไร ?” หมิงโร่เข้าใจความหมายของจือซูดี แต่เธอไม่คิดที่จะ “เอาชนะใจผู้ชายด้วยความงาม” ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซือห้าวเฉิน ไม่ได้เป็นอย่างที่จือซูคิด ยางอาศัยความสามารถเพื่อแลกอาหาร ไม่ได้ใช้ความงามเพื่อปรนเปรอผู้อื่น
“เอ่อ” จือซูรู้สึกว่าความคิดของพระชายายากจะคาดเดา ต่อไปนางไม่ควรจะแสดงความฉลาดออกมาอีก จึงเกล้าผมอย่างง่ายให้กับหมิงโร่ และปักปิ่นปักผม “พระชายาเพคะ แบบนี้ใช้ได้ไหมเพคะ ?”
ถึงแม้กระจกทองแดงบานนี้ จะมองเห็นไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะมองภาพรวมออก ทรงผมนี้ดูเรียบง่าย ไม่กระทบต่อการทำงาน หมิงโร่รู้สึกพอใจอย่างมาก : “ดีมาก”
หมิงโร่มองดูหญิงสาวที่อยู่ในกระจกอย่างละเอียด เห็นอยู่ชัด ๆ ว่างดงามมาก ทำไมก่อนหน้านี้จึงถูกคนจับแต่งหน้าจนดูน่าตกใจเช่นนั้น ทำให้นางต้องรู้สึกหวาดกลัวกระจกอยู่ไม่น้อย
“พ่อบ้านโจวนำของที่พระองค์ต้องการมาส่งให้แล้วเพคะ หม่อมฉันให้พวกเขานำไปไว้ที่ห้องหนังสือแล้ว พระองค์จะเสด็จไปดูไหมเพคะ”
“ดี” หมิงโร่ลุกขึ้น แขนเสื้อกว้างสะบัดถูกผ้าม่านลูกปัด เกิดเสียงติงตังขึ้น
จือซูเดินตามหมิงโร่ เห็นหลังที่ยืดตรงของพระชายา ถึงแม้ฝีเท้าจะรวดเร็ว แต่กลับเดินอย่างมั่นคงและเบา ประกอบกับการแสดงออกที่เย่อหยิ่ง ทำให้ดูสง่างามยิ่งกว่าองค์ไท่เฟยเสียอีก ที่คงเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมศักดิ์ศรีของความเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์สินะ
หมิงโร่เดินเข้าไปในห้องหนังสือ หน้าต่างภายในถูกเปิดเอาไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แสงสว่างกำลังดี บนผนังมีภาพเขียนตัวอักษรแขวนเอาไว้สองสามภาพ มีของตกแต่งวางอยู่บนชั้นโบราณ บนโต๊ะหนังสือตัวใหญ่มีหมึกและพู่กันวางอยู่ ส่วนชั้นวางหนังสือที่อยู่ติดกับกำแพงนั้นว่างเปล่า ดูเหมือนจะเป็นของที่ไม่เข้ากับการตกแต่งของห้องหนังสือนี้มากที่สุด
มีกล่องไม้ขนาดใหญ่สีดำ วางอยู่ตรงพื้นด้านข้างโต๊ะหนังสือ จือซูเดินเข้าไปเปิด ด้านในมีทั้งสากและครกบดยา รวมไปถึงสมุนไพรนานาชนิด ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบจำนวนมาก
หมิงโร่ไม่ได้จะสอบจอหงวน จึงไม่จำเป็นต้องใช้ห้องหนังสือ จึงเปลี่ยนห้องนี้ให้กลายเป็นห้องปรุงยา จึงจะง่ายต่อการใช้งาน เมื่อคิดเช่นนี้ จึงเริ่มลงมือหยิบขวดยาขึ้นในกล่อง ขึ้นมาจัดวางบนชั้นหนังสือ
“พระชายาเพคะ ให้หม่อมฉันเป็นคนจัดการเองดีกว่าเพคะ”
“เจ้าช่วยหยิบสิ่งของอย่างอื่นนอกเหนือจากสมุนไพรมาให้ข้าก็พอแล้ว ข้าจะเป็นคนจัดวางเอง” ปกติแล้วหมิงโร่มีห้องทดลองเป็นของตนเอง ของจำนวนมากล้วนมีการจัดวางในตำแหน่งที่คุ้นชิน “สมุนไพรพวกนี้จะต้องมีตู้ยาสำหรับเก็บรักษา เจ้าให้พ่อบ้านโจวส่งคนมาวัดขนาด แล้วทำออกมาหนึ่งใบ”
“เพคะ......” จือซูพยักหน้า นางไม่รู้ว่าตู้เก็บยาที่พระชายาพูดถึงเป็นแบบไหน คิดว่าพ่อบ้านโจวคงจะรู้
“อีกอย่าง ให้เปลี่ยนผ้าม่านในห้องนอนด้วย ไม่เอาสีแดง” ไม่ว่าทะเลเพลิงที่พบเจอในชาติก่อน หรือสถานที่แรกที่เห็นหลังจากลืมตาขึ้นจากการข้ามเวลา ทำให้หมิงโร่รู้สึกเกลียดผ้าม่านสีแดงนี้ อยู่ในใจลึก ๆ
“เช่นนั้นพระชายาชอบสีอะไรเพคะ ?” จือซูเอ่ยถามอย่างระวัง
“สีอ่อน ๆ หน่อยก็ถือว่าใช้ได้” หมิงโร่จัดของเสร็จเรียบร้อย ก็ลากเก้าอี้ออกมานั่ง “ที่นี่ไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เพคะ”
หมิงโร่หยิบขวดต่างสีสามใบลงมาจากชั้นวางหนังสือ จากนั้นจึงนำยาแผนปัจจุบันที่เหมาะกับอาการของซือห้าวเฉินออกมาจากระบบการแพทย์ออกมาสองชนิด และยาแผนจีนอีกหนึ่งชนิด และนำมาแกะกล่องออก ใส่เข้าไปขวดกระเบื้อง และเขียนวิธีการใช้แปะลงไปข้างขวดอย่างมืออาชีพ
สุดท้ายก็โยนกล่องยาที่แกะออก กลับเข้าไปในถังขยะรีไซเคิลของระบบการแพทย์ หมิงโร่ปรบมือ : “เรียบร้อย”
เงยหน้ามองสมุนไพรแต่ละห่อที่บรรจุมาในกระดาษเคลือบมันบนชั้นหนังสือ หมิงโร่ก็กะพริบตากลมโตสีดำขลับของเธอ แล้วแสดงท่าทีเจ้าเล่ห์ออกมา เธอเปิดยาทั้งหมดออกดูทีละชนิด จากนั้นจึงหยิบขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แล้วโยนเข้าไปในตู้ยาของระบบการแพทย์ จากนั้นก็ห่อกลับจนเรียบร้อย จนกระทั่งมองเห็นกล่องผ้าสี่เหลี่ยมใบหนึ่ง ด้านในบรรจุโสมป่าอายุกว่าร้อยปี จึงเก็บเข้าไปในระบบการแพทย์ทั้งต้นทันที
โสมป่านี้ถือเป็นของดี โสมคนในยุคหลังส่วนใหญ่มาจากการเพาะปลูก อายุน้อย ทำให้สรรพคุณทางยาไม่อาจเทียบกับโสมป่าแท้ ๆ ในสมัยโบราณได้เลย
เมื่อมีเวลาว่าง หมิงโร่ก็ตัดสินใจที่จะเดินเล่นในลาน เพื่อทำความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ที่จริงแล้วเรือนไผ่แห่งนี้กว้างขวางมาก ด้านหน้าลานมีป่าไผ่หนึ่งผืน ลานด้านหน้ามีผลไม้ปลูกเอาไว้หลายชนิด หมิงโร่รู้จักเพียงแค่มะปราง เพราะเมื่อก่อนในลานของคุณปู่เองก็มีต้นมะปรางปลูกเอาไว้หนึ่งต้น ส่วนลานด้านหลังมีสระบัวขนาดเล็ก มีองุ่นอยู่หนึ่งนั่งร้าน รวมไปถึงยังมีสวนผักเล็ก ๆ ด้านในปลูกผักใบเขียวเอาไว้สองแถวเพื่อเป็นสัญลักษณ์
คุณปู่เองก็ชอบปลูกของเหล่านี้ในลานเช่นกัน รวมไปถึงยังมีสวนปลูกสมุนไพรเล็ก ๆ ที่ทำขึ้นเองอีกด้วย ดังนั้น หมิงโร่จึงชอบที่นี่เป็นอย่างมาก รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย
หรือว่าหยุนชินอ๋องผู้เย็นชา จะมีงานอดิเรกเช่นเดียวกับคุณปู่ ?
หมิงโร่กำลังนึกจินตนาการภาพของซือห้าวเฉินที่พับแขนเสื้อขึ้น แล้วใช้จอบขุดดินอยู่ในสวน......
“ฟิ้ว......” หมิงโร่รีบสะบัดหัว หากจินตนาการล้ำเลิศเกินไป คงทำให้ตนเองต้องหัวเราะจนท้องแข็งเสียก่อน
“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องทูลเชิญให้ไปฝังเข็มที่เรือนเหมยเพคะ” จือซูเดินหาในลานอยู่นาน ในที่สุดก็เจอพระชายายืนอยู่ใต้นั่งร้านปลูกองุ่น
“อืม” หมิงโร่พยักหน้า “เจ้าเดินไปที่โต๊ะในห้องหนังสือ แล้วหยิบถุงยาของข้ามา”