๓ เล่ห์ร้อยเล่มเกวียน (๒)
ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกถึงความหวานจากโพรงปากอุ่น เขาเผลอขยับกายเข้าไปใกล้หล่อน โน้มหน้าแสร้งทำเป็นสนใจวัตถุดิบ ทั้งที่ความจริงอยากมองดวงหน้าหวานให้ชัดกว่านี้อีกสักหน่อย ต้องกำมือแน่นข่มอารมณ์ไม่ให้ประทับจูบลงบนกลีบปากสีหวาน
เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่อยากรวบเอวหล่อนแล้วยกขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ จากนั้นจะละเลงรักให้ทั่วพื้นที่ในห้อง ย้ำรอยความหวานให้หล่อนได้จดจำ สมองจินตนาการไปแสนไกลจนได้สติตอนหล่อนเหลียวมองแล้วถามเสียงเข้มด้วยความไม่ชอบใจ
“เลิกจ้องได้ไหม”
“ผมชอบเวลาคุณพูดยาว ๆ เล่าประวัติให้ฟังอีกหน่อยสิ”
“หาอ่านในหนังสือหรือค้นในอินเตอร์เน็ตมีเยอะแยะ” เผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากหลังพูดจบ เธอเม้มปากตัวเองแน่นเมื่อรู้ว่าเขากำลังจ้องริมฝีปากของตน ทำให้เผลอนึกถึงจูบบนเรือที่พยายามลืมแต่กลับจำขึ้นใจ
รสชาติแอลกอฮอล์ยังติดอยู่ริมฝีปาก ความเร่าร้อนแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส จนบางคืนยังเผลอฝันถึงจนน่าหงุดหงิด
ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ชอบ...แต่ลึกในใจเธอก็อยากลองอีกสักครั้ง
“ผมชอบฟังเสียงคุณนี่นา” คราวนี้เขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีก เธอจึงรีบถอยห่างแล้วหันมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณรู้ที่อยู่ฉันได้ยังไง”
“รู้อะไร ผมไม่ได้รู้สักหน่อย...คุณอาจจะไม่ทราบแต่ผมอยากบอกว่าผมเกิดที่ไมอามี บ้านผมอยู่ไม่ห่างจากร้านของคุณ แล้วพอดีแม่อยากกินอาหารไทยผมเลยมาซื้อให้ท่าน เห็นป้ายติดสอนทำอาหารเลยสมัครเรียนระหว่างว่างงาน แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย”
คำพูดแสนธรรมดาและดูท่าทางของคุณอาก็เหมือนจะรู้จักอีกฝ่ายแบบส่วนตัว หญิงสาวจึงไม่อยากเข้าข้างตัวเองว่าชายหนุ่มตามมาเพราะเสน่หาในตัวหล่อน เธอสนใจงานตรงหน้าว่าต้องรีบทำให้เสร็จแล้วออกจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด
“เริ่มทำอาหารเถอะค่ะ”
เธออยากให้การทำงานจบลงเร็วที่สุด หญิงสาวเริ่มสอนตั้งแต่ขั้นตอนแรกอย่างใจเย็น เขาเองก็ยอมทำตามโดยไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด ตั้งใจฟังและทำตามที่เธอสอน เป็นอาหารไทยเมนูแรกที่ตนได้ลองทำ
เขาไม่คิดว่าแต่ละอย่างที่ปรุงจะเข้ากัน แต่หน้าตาและกลิ่นหอมเตะจมูกทำเอาคนตัวสูงถึงกับลอบกลืนน้ำลายด้วยความหิว
“เสร็จแล้ว! ผมลองชิมเลยนะ” เพิ่งเคยเห็นเขาแววตาเป็นประกายเหมือนเด็กน้อยเจอของเล่นถูกใจเป็นครั้งแรก เธอจึงพยักหน้าแล้วให้อีกฝ่ายชิมอาหาร ส่วนตนนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปล้างให้สะอาด
เพียงแค่ลองกินคำแรก ดวงตาก็แวววาวพร้อมเบิกกว้างเล็กน้อย จนเธอที่ผินหน้ากลับมามองระหว่างล้างจานไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไร ไบรซ์กำลังแสดงละครอยู่หรือเปล่า
“อร่อย! อร่อยมาก ฝีมือผมจริงหรือเปล่าเนี่ย” ชิมไปเกือบครึ่งทั้งที่พวกเขาก็ทำเยอะพอสมควร จนเธอเริ่มเชื่อแล้วว่าอร่อยจริง
หญิงสาวล้างจานชามเรียบร้อยก็เช็ดมือให้สะอาด เคาน์เตอร์ครัวถูกจัดการให้สะอาดดังเดิม หล่อนจึงคิดอยากชิมแต่กลับถูกคนตัวสูงเอ่ยขอร้องแกมอ้อนวอน
“ผมจะเอาไปฝากแม่ คุณไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“เรื่องอะไรฉันต้องไปคะ ฉันเป็นแค่คนสอนทำอาหาร ไม่ใช่คนส่งอาหารสักหน่อย” รีบบอกปัดทันควัน หล่อนไม่อยากสานสัมพันธ์หรือสร้างความเป็นมิตรกับคนที่ปล้นจูบแรกของตน ถึงเขาจะเป็นดาราดังก็ตาม
“เผื่อแม่ผมถามแล้วผมตอบไม่ได้ คุณจะได้ช่วยตอบ” ข้ออ้างของเขาฟังไม่ขึ้นสักนิด
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันมีงานต้องทำ” บอกปัดเรียบร้อยก็หยิบหม้อใบใหญ่ไปล้าง ปล่อยให้ร่างสูงนำอาหารใส่กล่องแล้วลงไปข้างล่างโดยไม่อ้อนวอนอีกจนเธอนึกแปลกใจ เหลียวตามแผ่นหลังกว้างอย่างฉงน แต่ก็กลับมาสนใจทำความสะอาดกระทะ
เธอเก็บกวาดห้องจนเรียบร้อยกลับมาหอมสะอาดอีกครั้ง เช็ดมือตัวเองให้แห้งค่อยถอดผ้ากันเปื้อน มองผ้าสีหวานที่ร่างสูงสวมแล้วนึกขำ ค่อยหย่อนผ้ากันเปื้อนของตนลงตะกร้า จากนั้นจึงเดินลงมาข้างล่างด้วยดวงหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“พลอยจะไปกับไบรซ์ใช่ไหม ตามสบายเลยนะ งานที่เหลือให้แม่ครัวทำเอง” ร้านเปิดต้อนรับลูกค้า มีคนเข้ามาอุดหนุนเต็มไปหมด เธอจึงปลีกตัวมาด้านหลังแต่คุณชายทวีก็ตามมาคุยกับหลานสาว เล่นเอาหล่อนถึงกับงุนงงไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร
เธอไม่ได้จะไปไหนสักหน่อย...
“คะ พลอยจะไปไหนคะ” พอถามจบร่างสูงของดาราหนุ่มคนดังก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา หยุดยืนข้างหล่อนแล้วบอกด้วยแววตาใสซื่อ
“ผมบอกคุณอาแล้วว่าคุณจะไปทำอาหารให้แม่ผมกิน ได้รับคำอนุญาตเรียบร้อย เราไปกันเลยนะ” พูดไม่พอยังจับแขนของเธอพลางจูงกึ่งลากให้เดินตาม ทว่าร่างแบบบางขืนตัวเอาไว้อย่างรวดเร็วจนเขาต้องหยุดเดิน
“เดี๋ยว ๆ ฉันบอกตอนไหนว่าจะไป”
“อาของคุณอนุญาตแล้ว ถือว่าคุณตอบตกลงไปกับผม ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวแม่ผมรอนาน” พอเขาพาเธอออกทางหลังร้านพร้อมคุณอาที่ยืนส่งหลานสาวก็ทำให้พลอยดาวถึงกับเบิกตากว้าง เหมือนโดนบังคับกลาย ๆ ให้ไปกับไบรซ์ ทั้งที่เธอไม่มีข้าวของใดติดตัวสักชิ้น
“ไม่ต้องรีบกลับนะ อยู่เที่ยวให้สนุก” โบกมือลาพร้อมบอกหลานของตน
หม่อมราชวงศ์ทวีติยากรอยากให้หลานคนโตได้มีความรักกับเขาบ้าง อายุใกล้เลขสามแต่ไม่เคยมีแฟนสักคน ท่านเห็นแววตาของชายหนุ่มผู้นี้พอจะดูออกว่าพึงพอใจต่อพลอยดาว จึงอยากลองเปิดโอกาสให้คนทั้งสองอยู่ตามลำพัง
ตั้งแต่รู้จักไบรซ์มา ชายผู้นี้ไม่มีข่าวเสียหายเรื่องทำร้ายร่างกาย ส่วนข่าวเรื่องผู้หญิงพอได้ยินมาบ้าง แต่มั่นใจว่าคงไม่หักหาญน้ำใจของหลานสาวตน อีกทั้งครอบครัวตนก็รู้จักครอบครัวอาเชอร์เป็นอย่างดี
คงไม่มีอันตรายกับหม่อมหลวงพลอยดาวหรอก...
“พลอยไม่ได้บอกว่าจะไปสักหน่อย” ยังคงตะโกนมาบอกคุณอา แต่กลับถูกเขาลากมายังบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขับ
“ไปกันเถอะ...คุณสวมหมวกไว้นะ” ยื่นหมวกนิรภัยมาให้หญิงสาว เธอเลิกโวยวายแล้วมองด้วยความฉงน
“คุณขี่มอเตอร์ไซค์มาเหรอ”
“ใช่ สะดวกดี คุณซ้อนเลยนะเดี๋ยวผมขับอย่างระมัดระวัง รับรองว่าคุณถึงบ้านผมปลอดภัยหายห่วง” เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเขาบนเบาะมอเตอร์ไซค์ด้วยอาการเกร็ง
เคยขึ้นมอเตอร์ไซค์ไม่กี่ครั้ง หล่อนจึงค่อนข้างกลัวเป็นพิเศษ พอเขาสตาร์ทรถและขับออกไปก็ทำได้เพียงแค่จับชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น หลับตาสนิทไม่อยากมองเห็นบรรยากาศตรงหน้า รับรู้เพียงลมที่ปะทะตัว
การจราจรในไมอามีไม่ติดขัดเหมือนเมืองหลวงของประเทศไทย ทั้งยังมีบรรยากาศทะเลให้ชื่นชม รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ เธอจึงชอบมาปั่นจักรยานจากที่พักไปยังร้านอาหาร
ทว่าขับไปไม่นานสิ่งที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้น ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาโดยไม่มีสภาพอากาศบ่งบอกสักนิด เธอถึงกับลืมตาแล้วมองบนท้องฟ้า เม็ดฝนตกกระทบหมวกกันน็อกและไล่ลงมายังเสื้อผ้าของหล่อนที่เป็นเพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีนธรรมดา ไม่ได้มีเสื้อตัวยาวสวมทับด้วยซ้ำ
“ฝน ฝนตก!” ตะโกนในหมวกกันน็อคหวังให้คนขับได้ยิน
“กอดผมแน่น ๆ อีกสิบนาทีถึงบ้าน” ร่างหนาตะโกนบอกหล่อนผ่านหมวก ซึ่งมันเบามากจนแทบไม่ได้ยิน เธอจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาเพื่อฟัง
“ไม่ได้ยิน!”
“กอดผม!” ตะโกนเสียงดังและคราวนี้เธอก็พร้อมทำตามเนื่องจากกลัวตนตกลงสู่พื้นถนน กอดเอวหนาทันทีพร้อมกระชับแน่นพลางหลับตาลง ภาวนาให้ถึงบ้านของอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด ไม่นึกว่าการมาครั้งนี้จะเจอเรื่องเหนือความคาดหมาย
เสื้อผ้าเธอเปียกไปถึงชุดชั้นใน!