๒ เกี้ยวพาราสี (๑)
๒
เกี้ยวพาราสี
ไบรซ์ไม่ได้ทำแค่แช่ปากค้างเอาไว้อย่างที่หล่อนนึก แต่เขาฉวยโอกาสเม้มปากอวบอิ่มแล้วคลึงแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อขยับต้องลม คนไม่ประสารู้สึกขาอ่อนแรงจนเกือบทรุดลงกับพื้น แต่เขาใช้มือรีบโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ดึงเธอให้เข้ามาชิดแล้วค่อยผละออก
ลมหายใจร้อนรดใบหน้าหวาน เพิ่งได้สบตาสีอัลมอนต์ระยะประชิด ไม่แปลกใจที่สาวหลายคนต่างหลงใหลเขา เหมือนมีมนตร์สะกดดึงดูดจนเธอเผลอจ้องตาอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ค่อยถอยห่างแล้วผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
เกือบยกมือขึ้นเช็ดปากแต่ก็เลือกกำกระโปรงแน่นแล้วถามกลับเสียงเรียบ ขณะที่แววตาเอาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด
“พอใจแล้วใช่ไหมคะ” พูดจบก็ไม่อยู่รอฟังคำตอบ หันหลังเดินออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ อยากโวยวายแต่ก็จำต้องเก็บเงียบเอาไว้ ไม่มีใครทำให้เธอโมโหเท่านี้มาก่อน
กระทั่งนักเรียนชายที่สร้างเรื่องจนเธอเสื่อมเสียชื่อเสียง ตนยังไม่โกรธเท่าถูกกระทำจากชายตรงหน้า เขาไม่ให้เกียรติเธอสักนิด คิดอยากทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง
คิดว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือไง...
ผู้ชายแบบนี้แหละที่น่ากลัว ควรอยู่ห่างให้มากที่สุด เธอหวังว่าการไปเกาะจะไม่ได้เสวนากับเขา หากเห็นชายหนุ่มที่ไหนจะต้องเดินหนีให้ไกล ไม่ขอข้องแวะกับคนพรรค์นี้
“เดี๋ยว” ร่างหนากลับเดินมาขวางทาง ผิดคาดที่เธอไม่ขอสานต่อ เพราะโดยปกติผู้หญิงที่ถูกเขาจูบมักขอสานสัมพันธ์ทุกครั้ง หรือหล่อนกำลังเรียกร้องความสนใจ ทว่าแววตากลมที่จ้องอย่างเอาเรื่องก็บอกหมดทุกอย่าง
เธอไม่มีความเสน่หาต่อเขาสักนิด
“คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ผมเพิ่งจูบคุณไปนะ” เพียงแค่ได้ยินคำว่าจูบก็ทำให้หล่อนถึงกับจิกขาตัวเองเอาไว้ มันคือจูบแรกที่อยากมอบให้กับชายที่ตนรัก กลับถูกช่วงชิงไปโดยคนที่ไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกพบ
สาบานเลยว่าไบรซ์คือผู้ชายคนแรกที่หล่อนเกลียดเข้าไส้ และอยากหลีกหนีให้ไกลจากคนเช่นนี้
“รู้สึกค่ะ...ฉันรู้สึกเหมือนสุนัขกำลังเลียปาก ก็แค่ปล่อยผ่านไม่เอามาเป็นอารมณ์ อย่างไรก็อยู่คนละสปีชีส์” พูดจบพร้อมยิ้มมุมปากแล้วเดินหนีอย่างรวดเร็ว เขาทำเพียงมองตามเธอไม่ได้เจ็บกับคำด่าสักนิด กลับชอบที่เธอกล้าเถียงและสู้แบบตาต่อตา
ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานแล้ว จนไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจที่เห็นแฟนเก่าจูบคนอื่นต่อหน้าต่อตา หรือเขาต้องการให้เธอหึง...
“ร้ายไม่เบา แบบนี้สิถึงเร้าใจ” พึมพำเสียงเบาแล้วเดินไปเข้ากลุ่มกับเพื่อน พลางมองหาพลอยดาวที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องพักของเรือไม่แม้แต่จะออกมาสนุกสนาน เธอแปรงฟันไปหลายรอบแต่ก็ไม่สามารถลบสัมผัสนั้นออกไปได้
เธอโมโหเป็นอย่างมากที่เขากล้าหยามเกียรติตน ดวงตากลมร้อนผ่าวก่อนจะปล่อยน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลเปื้อนใบหน้า เพิ่งเคยร้องไห้เพราะความโกรธเป็นครั้งแรก
เพราะเขาคนเดียวที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้!
เกาะส่วนตัวที่เห็นตรงหน้าเหมือนเข้ามาอีกโลกที่เต็มไปด้วยความหรูหรา อาคารสไตล์โมเดิร์นสูงกว่าห้าชั้นถูกออกแบบให้เป็นขั้นบันไดที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าพัก โดยมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่วางอยู่ด้านหน้าของชั้นสาม
มีต้นไม้จัดไว้ตามทางเดินอย่างเป็นระเบียบ อีกทั้งยังมีเรือนหลังน้อยสำหรับจิบน้ำชาหรือดื่มด่ำกับบรรยากาศสุขสบาย ไม่แปลกใจเท่าไรกับความยิ่งใหญ่ เขาคงลงทุนไปมากกับการสร้างเกาะแห่งนี้ให้กลายเป็นเกาะสวรรค์
เพื่อนทุกคนที่ลงจากเรือต่างพากันชมเจย์เดนไม่ขาดปาก เกาะแห่งนี้ไม่เคยเปิดให้ใครเข้า แต่เพราะมาฉลองกับเพื่อนจึงให้ทุกคนมาร่วมปาร์ตี้ที่จัดขึ้นเฉพาะคนสนิทอยู่บนเกาะที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง
“เธอไม่พอใจอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่ลงเรือมาไม่เห็นยิ้มเลย” ลงจากเรือก็ถือกระเป๋าใบเล็กที่ใส่เสื้อผ้ามาสองถึงสามชุดด้วยใบหน้าเรียบเฉยติดบึ้งตึง เธอพยายามเดินท้ายสุดเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ทำตัวกลมกลืนกับบรรยากาศ ไม่อยากเป็นจุดเด่น ในใจก็ภาวนาให้ไบรซ์อย่าสนใจตน
อาจคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป คนระดับนั้นน่ะหรือจะมามองเธอ แต่หล่อนก็คิดไม่ออกแล้วจริง ๆ ถึงสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายเอาตัวเข้ามาพัวพันด้วย
เขาต้องการอะไรกันแน่...
“เปล่าหรอก”
“ยิ้มหน่อยน่า มาสนุกทั้งทีจะหน้าเครียดทำไม มีคนร่วมทริปตั้งเยอะเธอจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ไง” เมนิษานึกเป็นห่วงเพื่อนสนิทเลยพยายามปลอบ ต้องอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าทำให้หม่อมหลวงพลอยดาวที่ปกติเก็บตัวอยู่แล้ว ยิ่งเงียบมากกว่าเดิม
หล่อนชวนเพื่อนมาด้วยเพราะต้องการให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นบ้าง ทั้งยังหวังให้ชายสักคนในนี้เอาชนะใจคนที่ครองตัวเป็นโสดมานาน อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาพลอยดาวมีแฟนจะเป็นอย่างไร
“อืม” จำต้องตกปากรับคำทั้งที่ไม่รู้ว่าจะฝืนยิ้มได้หรือเปล่า เธอคิดจะอยู่ห้องอ่านหนังสือตลอดการพักผ่อน หรือไม่อย่างนั้นก็ปลีกตัวไปนั่งริมหาดคนเดียว น่าจะเป็นความสุขที่ถวิลหามากกว่าการสังสรรค์กับคนไม่รู้จัก
เข้ามายังที่พักได้ร่วมห้องกับสาวสวยอีกสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก็ยังมีน้ำใจเข้ามาทักทายถามไถ่เธอพอเป็นพิธี แล้วแยกกันทำกิจกรรมที่ชอบ โดยหล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเดรสสายเดี่ยวยาวเพียงเข่า ผมยังคงมัดเป็นมวยเช่นเดิมเพื่อความสะดวก แล้วหยิบหนังสือหนึ่งเล่มเพื่ออ่านฆ่าเวลาอยู่ริมหาด
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีใครมารบกวนความสงบของตน
“สวัสดีครับ ผมชื่อวิลลี่” สุดท้ายก็ถูกขัดจนได้
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังจนเธอต้องเหลียวกลับไปมอง หญิงสาวเลือกมานั่งที่เก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ติดริมทะเล ฟังเสียงคลื่นสาดซัดกับหนังสือนวนิยายหนึ่งเล่ม อารมณ์สุนทรีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ต้องหันมายิ้มการค้ากับชายที่เข้ามาใหม่ ซึ่งเธอไม่คุ้นหน้าเขาสักนิด
“พลอยค่ะ” เธอแนะนำตัวแล้วเลือกขยับออกห่างเมื่อคนตัวสูงเดินมานั่งข้างกัน ค่อนข้างอึดอัดกับสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมา
หล่อนนึกว่าตนจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของชายอเมริกัน แต่น่าแปลกที่ทุกคนเข้ามาทักทายหล่อน ทั้งยังแสดงออกชัดเจนว่าต้องการสานสัมพันธ์ หรือผลพวงมาจากความดังของน้องสาว คนจึงเข้าหาเธอไม่หยุดจนน่ารำคาญ
“คุณเป็นคนเอเชียเหรอครับ เป็นเพื่อนของเมนี่ใช่ไหม” พยายามสร้างความประทับใจแต่ดูเหมือนเธอจะไม่คล้อยตาม ตอบสั้นไม่ให้เขาสามารถต่อบทสนทนาได้อีก
“ใช่ค่ะ”
“ผมเป็นเพื่อนกับเจย์ เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วล่ะ...ไวน์ไหมหรือจะเอาแชมเปญ” เขายังคงพูดอย่างลื่นไหลแล้วชวนเธอดื่ม โดยการยื่นแก้วไวน์ของตนไปตรงหน้าหล่อน แต่กลายเป็นว่าหญิงสาวหยิบแก้วน้ำส้มของตนชูให้ดูพร้อมแต้มยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ฉันชอบดื่มน้ำส้มค่ะ”
วิลลี่ถึงกับทำหน้าไม่ถูกแล้วได้แต่ดื่มไวน์ของตนแก้เก้อ เขาพยายามจะเข้าหาเธอเพราะเห็นหญิงสาวนั่งคนเดียว คิดว่าต้องเป็นคนปลีกวิเวกเข้าถึงยาก น่าท้าทายสำหรับตนอย่างมาก พอได้คุยก็จริงดังคิด หล่อนแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการสนทนากับเขา ทั้งยังไว้ตัวอีกต่างหาก
จากตอนแรกที่คิดจะชวนคุยเพื่อหว่านเสน่ห์ก็เริ่มสนใจอยากเอาชนะ ถึงเขาจะไม่หล่อเท่าดาราดังอย่างไบรซ์ แต่ทรัพย์สินที่ถือครองก็ไม่น้อย ไหนจะรูปร่างดีราวนายแบบ เธอต้องสนใจเขาบ้างล่ะ
“วิลลี่ แม็คเรียกนาย” กำลังจะชวนคุยอีกครั้งแต่กลับมีคนมาขัดจังหวะจนต้องเหลียวกลับไปมอง พบหนุ่มหล่อผู้โด่งดังไปทั่วโลกเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า เขาสวมเสื้อฮาวายกลัดกระดุมเพียงเม็ดเดียว ลมพัดทีก็เห็นกล้ามอกล้ำและซิกซ์แพ็กชวนหลงใหลจนต้องเหลียวมองทางอื่น
เจออีกจนได้ ทั้งที่เธออุตส่าห์หลบมาอยู่คนเดียวแท้ ๆ
“ไว้คุยกันใหม่นะครับ” ทำได้เพียงบอกลาหญิงสาวแล้วเดินออกไป เหลือเพียงหนุ่มที่มาใหม่กับหม่อมหลวงพลอยดาวที่อยู่ตามลำพัง
เธอเห็นอย่างนั้นก็รีบถือหนังสือให้มั่นแล้วหยิบแก้วน้ำของตนพลางลุกจากเก้าอี้ตัวยาว ไม่ต้องการอยู่กับไบรซ์สองคน ยอมรับว่ายังไม่ค่อยไว้ใจอีกฝ่ายเท่าไร ถ้าเกิดเขาทำตัวลุ่มล่ามกับเธอเหมือนอยู่บนเรือจะทำอย่างไร
ปลอดภัยไว้ดีที่สุด...
“พอผมมาคุณก็จะไปเลยเหรอ ไม่ชอบหน้าผมขนาดนั้นเลยหรือไง” เดินตามร่างแบบบางแล้วถามดักหล่อนเอาไว้ หญิงสาวพรูลมหายใจหนักแล้วค่อยผินกายมาจ้องดวงหน้าคม พร้อมหาเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นสักนิด
“เปล่าค่ะ น้ำหมดฉันจะไปเติม”
“แน่ใจเหรอว่าหมด ไม่ใช่เทลงบนพื้น” เขาเห็นเต็มสองตาว่าน้ำส้มเหลือครึ่งแก้ว ซึ่งหล่อนเทมันลงบนพื้นต่อหน้าต่อตาตน อย่างนี้จะมาบอกว่าน้ำหมดได้อย่างไร
ไบรซ์ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเธอจงเกลียดจงชังอะไรตนนักหนา หรือแค่กำลังเล่นตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ หากเป็นเช่นนั้นหล่อนก็ทำสำเร็จแล้วเพราะเขาสนใจพลอยดาวเป็นอย่างมาก