บทที่5 รู้สึกผิด
เสิ่นเยว่ที่เห็นว่าหลี่เซวียนกลับมาไม่ทันร่วมทานอาหารเย็นจริงๆ นางก็ไม่คิดมากเพราะเขาได้บอกเอาไว้แล้ว นางทานส่วนของตนเองเสร็จ ก็อาบน้ำเข้านอนตามปกติ เหมือนเช่นที่นางเคยชินเพียงแต่เปลี่ยนที่นอนก็เท่านั้น เขาไม่อยู่ก็ดีเหมือนกันมันจะได้ไม่เป็นการอึดอัดทั้งสองฝ่าย
หลังจากที่เสิ่นเยว่หลับไปแล้วสักพักหลี่เซวียนก็กลับมา เขาดื่มกับเพื่อนเก่ามานิดหน่อย เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นว่าเทียนไม่ได้ถูกจุดเอาไว้
เสิ่นเยว่เป็นพวกหลับลึกนางจึงไม่รู้ว่าหลี่เซวียนเข้ามาในห้องหลี่ เซวียนเห็นว่านางนอนหลับไปแล้วเขาก็ไม่อยากรบกวนนาง หลังจากอาบน้ำเสร็จหลี่เซวียนก็กลับมานอนที่ตั่งยาวตัวเดิมของเขาแต่วันนี้มีหมอนกับผ้าห่มวางเอาไว ดูเหมือนนางจะยังใส่ใจเขาอยู่เล็กน้อย
ก่อนนอนหลี่เซวียนเดินมาที่เตียงมองเสิ่นเยว่ที่กำลังหลับผ่านม่านมุ้งผืนบาง ใบหน้าเล็กที่งดงามของนางหลับอย่างสงบ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามายิ่งขับเน้นให้ใบหน้านวนเนียนของนางดูเปล่งประกายงดงามกว่าเดิม มีแวบหนึ่งที่หลี่เซวียนนำภาพใบหน้าของนางมาซ้อนทับกับภาพสตรีในความลับของเขา
หลี่เซวียนสะบัดหน้าแรงๆ หนึ่งทีดูเหมือนวันนี้เขาจะดื่มมากไปหน่อย ถึงได้คิดเรื่องเพ้อเจ้อนี่ขึ้นมา นางจะเป็นสตรีในความลับของเขาได้อย่างไร หลี่เซวียนหัวเราะกับตนเอง จากนั้นจึงกลับไปนอนที่ตั่งตัวเดิมของเขา
เช้าวันต่อมาเมื่อเสิ่นเยว่ตื่นขึ้น ก็พบว่าหลี่เซวียนนอนอยู่บนตั่งตัวยาวนางเดินเข้าไปดูเขาใกล้ๆ ใบหน้าตอนหลับของหลี่เซวียนช่างดูหล่อเหลาเสียจริง เสิ่นเยว่นำภาพของหลี่เซวียนมาซ้อนทับกับภาพในจินตนาการบุรุษในความลับของนาง
เสิ่นเยว่ส่ายหัวให้กับความคิดเหลวไหลของตน มันจะเป็นไปได้อย่างไร ช่างไร้สาระเสียจริงนางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้หลี่เซวียนจากนั้นเสิ่นเยว่ก็เรียกชิงจู๋เข้ามาช่วยนางล้างหน้าแต่งตัวในห้องข้างๆ
หลี่เซวียนลืมตาขึ้นหลังจากที่เสิ่นเยว่เดินออกไป ความจริงเขาตื่นนานแล้วแต่เห็นว่าเสิ่นเยว่เดินตรงมาที่เขานอนอยู่ เขาจึงแกล้งหลับต่ออยากรู้ว่านางจะทำอะไร เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เสิ่นเยว่ใส่ใจเขาถึงขนาดนี้ นางคงจะไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ จะเป็นไปได้อย่างไรนางแค่ห่มผ้าให้เขาในฐานะที่เขาเป็นเจ้าของห้องแต่เสียสละที่นอนให้นางก็เท่านั้น หากนางชอบเขานางคงรบเร้าให้เขาไปนอนร่วมเตียงกับนางแล้ว หลี่เซวียนส่ายหัวให้กับความคิดเหลวไหลของตน
มื้อเช้าผ่านไปหลี่เซวียนยังออกไปที่ค่ายทหารเหมือนเดิมส่วนเสิ่นเยว่ก็ไปคารวะเช้าที่เรือนของหลีฮูหยิน นางได้ส่งมามา มาบอกแล้วว่าไม่ต้องมาคารวะตอนเช้าทุกวัน ที่จวนสกุลหลี่ไม่มีกฏระเบียบที่เคร่งครัด ที่ต้องมาทำความเคารพเช้าเย็น เสิ่นเยว่รู้สึกว่าแต่งงานกับหลี่เซวียนก็ไม่เลวนัก หนึ่งปีต่อจากนี้ชีวิตของนางคงจะผ่านไปอย่างราบรื่น
เมื่อนึกถึงสหายทางจดหมายของนางแล้วเสิ่นเยว่ก็ยิ้มออกมา อีกไม่นานนางก็จะเป็นอิสระแล้ว จากนั้นค่อยนัดพบสหายคนนั้นหวังว่าเขาก็คงคิดเช่นเดียวกับนาง เสิ่นเยว่จินตนาการภาพของสหายในความลับของนางไปมา เขาอาจจะเป็นบัณฑิตที่สง่างาม เพราะบทกวีที่เขาส่งกลับมาทั้งไพเราะและมีความหมายลึกซึ้ง
แต่จู่ๆ ภาพใบหน้าของหลี่เซวียนก็ลอยเข้ามาซ้อนทับภาพในจินตนาการของนาง เสิ่นเยว่สะบัดหัวไล่ภาพนั้นออกไป
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร หรือเป็นเพราะว่าภาพตอนหลับของเขา เมื่อเช้าไม่จริงน่า! อาจเป็นเพราะข้ารู้สึกผิดต่อเขาก็เท่านั้น”
เสิ่นเยว่พึมพำกับตัวเอง
“ชิงจู๋เราไปดูที่ครัวใหญ่กันเถอะ”
ชิงจู๋พยักหน้ารีบตามเสิ่นเยว่ไปที่ครัวใหญ่ทันที
“ข้าอยากทำอาหารไปส่งให้ท่านแม่ทัพที่ค่ายทหารสักหน่อย”
เสิ่นเยว่บอกพ่อครัวใหญ่ และยังได้ให้สาวใช้ของนางไปแจ้งหลี่ฮูหยินขออนุญาตนางก่อน เมื่อหลี่ฮูหยินรู้ว่าลูกสะใภ้ของตนกำลังจะทำอาหารไปส่งให้บุตรชายที่ค่ายทหารนางก็พอใจยิ่งนัก ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเป็นไปได้ด้วยดี
“นางเป็นฮูหยินน้อยของจวนสกุลหลี่แล้วต่อไปนางต้องการจะทำอะไรหากมิใช่เรื่องใหญ่ก็ไม่ต้องให้นางมารายงานหรือขออนุญาตจากข้า ให้นางเป็นคนตัดสินใจเองได้เลย”
เมื่อได้รับคำตอบจากฮูหยินใหญ่ของจวนเสิ่นเยว่ ก็ลงมือจัดการทำอาหารสี่อย่างและขนมหวานหนึ่งอย่างไปส่งที่ค่ายทหารที่อยู่นอกเมืองห่างออกไปสิบลี้ หลี่เหอกลับมาจากรายงานเรื่องชายแดนเหนือ พบเข้ากับเสิ่นเยว่พอดี
“ลูกสะใภ้คาราวะท่านพ่อ”
เสิ่นเยว่ทำความเคารพแม่ทัพหลี่ หลี่เหอเห็นว่านางกับสาวใช้ถือตะกร้าใส่อาหารจึงสงสัยว่านางจะไปไหน
“เจ้ากำลังจะไปที่ใดหรือลูกสะใภ้”
“ข้ากำลังจะไปที่ค่ายทหารนอกเมืองนำอาหารเที่ยงไปส่งให้ท่านแม่ทัพน้อยเจ้าค่ะท่านพ่อ”
หลี่เหอพยักหน้า
“ดีเลย ตั้งแต่กลับมาข้ายังไม่ได้ไปเยือนค่ายทหารที่เจ้าเด็กนั่นดูแลอยู่ ข้าไปพร้อมกับเจ้าเลยแล้วกัน”
หลี่เหอไม่รอถามความเห็นของเสิ่นเยว่เขากลับขึ้นไปบนหลังม้าอีกครั้ง ควบม้าเดินนำหน้ารถม้าของเสิ่นเยว่ไป ผ่านไปครึ่งชั่วยามเสิ่นเยว่กับพ่อสามีของนางก็มาถึงค่ายทหารที่อยู่นอกเมือง หลี่เหอแสดงตราของแม่ทัพให้ทหารที่เฝ้าทางเข้าค่ายทหารดู พวกเนารีบเปิดทางให้โดยไว
รถม้าของเสิ่นเยว่ต้องจอดเอาไว้ด้านนอกดังนั้นนางจึงต้องลงจากรถม้าเดินเข้าไป หลี่เหอเห็นลูกสะใภ้ของเขาเดินเข้าไปในค่ายทหาร เขาก็ส่งสายบังคับม้าให้ทหารที่อยู่แถวนั้นนำม้าของเขาไปผูกเอาไว้ ตัวเขาเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับลูกสะใภ้
แม้หลี่เหอจะเป็นทหารที่หยาบกระด้าง แต่เรื่องพวกนี้เขากลับละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากเหมือนที่ฮูหยินของเขาต้องการให้เขารับอนุภรรยา
ที่เขาปฏิเสธก็เพราะหลี่เหอเข้าใจในความรู้สึกของนาง ถึงปากของหลี่ฮูหยินจะบอกให้เขามีสตรีอื่นแต่ในใจของนางจะต้องเสียใจอยู่เป็นแน่ ตอนที่แต่งนางเข้ามาเขาได้สัญญากับนางเอาไว้แล้วว่าเขาจะมีแค่นางเพียงคนเดียวหลี่เหอคือชายชาติทหาร เขาจะผิดคำพูดกับสตรีที่เขารักได้อย่างไร
หลี่เซวียนได้รับรายงานจากทหารแล้วว่าบิดาและฮูหยินของเขามาที่ค่ายทหาร เขาออกจากห้องทำงานมาต้อนรับทั้งสองคน หลี่เซวียนไม่นึกว่าเสิ่นเยว่จะมาที่นี่ ทำให้เขารู้สึกผิดต่อนางมากกว่าเดิมเรื่องสหายในความลับของเขา ยิ่งเห็นนางใส่ใจทำอาหารมาส่ง หลี่เซวียนยิ่งพูดไม่ออก
“เจ้าไม่เห็นต้องเหนื่อยทำอาหารมาส่งให้ข้าเลย ข้าทานที่โรงอาหารของที่นี่ก็ได้”
เสิ่นเยว่ยิ้ม เพราะนางรู้สึกผิดต่อหลี่เซวียนเรื่องสหายในความลับของนางจึงคิดไถ่โทษด้วยการทำอาหารมาให้เขา ใส่ใจเขาสักหน่อยนางจะได้รู้สึกผิดน้อยลง
หลี่เซวียนที่รู้สึกผิดเช่นเดียวกันกับนาง เขาทานอาหารที่เสิ่นเยว่ทำจนหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งของหวานที่เขาไม่ชอบ หลี่เหอมองบุตรชายที่กำลังทานของหวานเข้าไปด้วยสีหน้าประหลาด หลี่เซวียนกับหลี่เหอมีนิสัยที่เหมือนกันมาก แม้กระทั่งเรื่องที่ไม่ชอบทานของหวานก็เหมือนกัน แต่วันนี้บุตรชายของเขาทานของหวานที่ลูกสะใภ้ทำ นั่นแสดงว่าเขาได้เปิดใจให้สาวน้อยนางนี้แล้ว
“ข้าต้องกลับแล้ว”
เสิ่นเยว่เห็นว่าอาหารที่ตนทำมาส่งหลี่เซวียนทานไปจนหมดนางก็รู้สึกดีกับเขาขึ้นมาเล็กน้อย หลี่เหอสะกิดไหล่บุตรชายของเขาที่ยืนทึมทื่ออยู่ หลี่เซวียนได้สติกลับมาทันที
“ข้าจะออกไปส่งเจ้าที่รถม้า”
“เจ้าค่ะ”
เสิ่นเยว่ไม่ปฏิเสธทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไป ทหารในค่ายที่กำลังฝึกอยู่และที่กำลังพักต่างให้ความสนใจพวกเขาสองคน บุรุษรูปงามองอาจห้าวหาญกับสตรีที่งดงามดุจนางอัปสร พวกเขาทั้งสองที่เดินเคียงข้างกันช่างดูเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก
หลี่เหอมองตามหลังพวกเขาไป เขาส่ายหัวให้กับบุตรชายของเขา เจ้าเด็กนี่อะไรก็ดีไปหมดเสียอย่างเดียวทึ่มไปหน่อยไม่รู้ว่าเหมือนใคร
ถ้าหากว่าหลี่ฮูหยินมาได้ยินความคิดของแม่ทัพใหญ่หลี่นางจะต้องใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกของเขาแล้วบอกว่า เขาเหมือนกับท่านสมัยยังหนุ่มนั่นแหละ