ตอน 4
“ว้าว เอ็งสวยขนาดไปเป็นแอร์เลยเหรอ” ยายอังคารแสดงอาการตื่นเต้น ถ้าเป็นสาวๆ คงกระโดดข้ามรั้วมาฝั่งเดียวกับศรีแล้ว เพราะลูกสาวคนเล็กของแกเคยฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตทสายการบินชื่อดังที่สุดของไทย
“แอร์อะไรจ๊ะ” ศรีไม่เข้าใจในคำถามของยายอังคาร จึงแสดงสีหน้าซื่อน่ารักต่อหน้าผู้ชรา
“ก็แอร์ที่เขาทำงานบนเครื่องบินไงล่ะ” แกอธิบายคร่าวๆ ไม่ว่าคนสมัยใหม่สมัยเก่าก็ต้องรู้จัก สายงานนี้ทั้งนั้นแม้แต่แกยังรู้จัก คนรุ่นใหม่อย่างศรีต้องรู้ด้วยเช่นกัน
“เปล่าจ้ะ หน้าตาอย่างฉันความรู้อย่างฉัน คงไม่อาจเอื้อมหรอกจ๊ะ” ศรีว่า
“งั้นเอ็งทำงานอะไรที่ว่าทำงานการบิน” ฝ่ายคนถามก็ลุ้นอยากรู้งานการที่ว่าเหลือเกิน
“ขายนกปล่อยที่หน้าวัดจ๊ะ ตอนแรกกิจการก็ดี ขายได้วันละหลายๆ ตัวพักหลังๆ คนทำบุญน้อย และอีกอย่างคู่แข่งเยอะด้วยจ๊ะ ฉันเลยเลิกกิจการ คิดๆ ก็เสียดายอยู่จ๊ะงานอิสระเป็นเจ้านายตัวเอง” ศรีร่ายยาวอย่างหน้าซื่อไร้มลพิษ
“เวรกรรม ขายนกหรอกรึที่ว่างานการบินของเอ็ง” ฟังจบยายอังคารหัวเราะร่วน ช่างเป็นการหัวเราะที่มีความสุขที่สุดในรอบหลายปี ก็ราว ๆ สามปี ที่สามีลาลับโลกไป โลกของแกที่อยู่โดดเดี่ยวในช่วงที่ลูกๆ ออกไปทำงานช่างเงียบเหงานัก
“ใช่สิจ๊ะ” คนตอบก็หัวเราะชอบใจเพราะดีใจที่ตนทำให้คนแก่หัวเราะได้ขนาดนี้ ยายอังคารหัวเราะจนท้องคดท้องแข็ง เกี่ยวกับอาชีพที่ตนยกเมฆขึ้นมากล่าวอ้างต่อผู้สูงวัย
“เออ...คุยกับเอ็งก็ทำให้ข้าอารมณ์ดีได้เลยนะ เอ็งนี่ได้บุญมากเลยรู้ไหมทำให้คนแก่ได้หัวเราะ” ผู้ชราเอ่ยชมสาวผิวคล้ำฟันขาวตรงหน้า บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องสวย เลิศเลอกว่าใครๆ แต่ถ้าจิตใจดีมีอัธยาศัยดีก็ทำให้มีเสน่ห์และเพิ่มความสวยในตัวเอง
“ยายเห็นฉันเป็นตลกคาเฟ่เหรอจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปสมัครรับจอบ เป็นตลกตามคาเฟ่ดีไหมจ๊ะจะได้เงินหลายๆ ทาง” ศรีแสร้งงก
“เขาเรียกจ็อบไม่ใช่จอบ จอบน่ะเขาเอาไว้ขุดดิน” อีกมุกที่ศรีปล่อยมาทำให้ยายอังคารยิ้มจนตาหยีอีกรอบ
“เหรอจ๊ะ จ็อบก็จ็อบจ้ะ ฉันคนบ้านนอกไม่ค่อยรู้ภาษาคนเมืองกรุงหรอกจ๊ะ เรียนก็น้อยพ่อแม่จน คนเรานี่วาสนามันไม่เท่ากันจริงๆ นะจ๊ะ” ศรีเขียนบทให้ตัวเองอย่างว่องไว แล้วเผยยิ้มกับหญิงชราอารมณ์ดีข้างบ้านอย่างเบิกบาน ส่วนมือก็ไม่ว่างเว้นในการทำงาน
ว่าแต่คืนนี้คุณผู้ชายสุดหล่อจะให้เธอพักห้องไหน จู่ ๆ เขาก็รีบออกไปแบบนั้น แต่ว่าไม่ได้เธอมาทำงานสายเองเพราะสร้างเรื่อง สร้างฉากต่างๆ ไว้ในหัวเพื่อให้สมจริง ไม่ว่าวินาทีใดที่เธอมักทำการบ้านอย่างรอบคอบในการทำงานเสมอ
อาจารย์ตะวันเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังลานจอดรถของมหาวิทยาลัย แค่เพียงรถแล่นผ่านบรรดาแฟนคลับอาจารย์ซัน ก็ส่งสายตาหวานเชิญชวนให้ไม่ขาดระยะ ก็บรรดานักศึกษาสาวแท้ และสาวเทียมทั้งหลายแหล่ที่เห็นอาจารย์หนุ่มเป็นต้องหัวใจเต้นแรงราวกับกลองศึกทุกที ต่างส่งเสียงกรี๊ดยิ่งกว่านักร้องเกาหลีมาเยือนเมืองไทย
ขณะที่อาจารย์หนุ่มถอยรถเข้าจอดในซองสำหรับอาจารย์ และบุคลากรของมหาวิทยาลัย พอดีกับมีรถสปอร์ตสีเจิดจ้าแล่นตามมา เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นรถยนต์ของใคร ซึ่งได้แต่มองกระจกหลังเพียงแวบเดียว จึงหันมาสนใจนำรถเข้าจอดในซอง แล้วรถยนต์คันดังกล่าวที่ตามมาจึงเข้าจอดซองข้างๆ
ชายหนุ่มหอบสัมภาระซึ่งเป็นตำราเรียนเอกสารการสอน ลงจากรถหลังจากจอดรถคู่ใจสีดำวาววับนิ่งสนิทแล้ว
“สวัสดีค่ะอาจารย์ซัน มีสอนด้วยหรือคะวันนี้” อาจารย์สาวพราวนภา เจนศึกษาเอ่ยทักทาย หัวใจหล่อนเต้นตึกตักผิดจังหวะตั้งแต่ขับรถตามรถของเขามาแล้ว
“อ้อ...สวัสดีครับอาจารย์พราว” ชายหนุ่มละมือจากสัมภาระที่กำลังรวบรวมตรงหลังรถ แล้วหันมาทักทายอาจารย์สาวที่มีภาษีการสอนมาก่อนเขากว่าสองปี
“นึกว่าอาจารย์ไม่มีสอนซะอีก” หล่อนถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่เพียงแต่สีหน้า แต่หัวใจแย้มรับอาจารย์ตะวันยิ่งกว่าใบหน้าซะอีก คนบ้าอะไร ล้อหล่อ ตัวสูง หุ่นดี แม้มีสูทหรูปิดทับแต่ถ้าได้ดูอะไรๆ ในร่มผ้าคงจะเลิศกว่าได้เห็นภายนอก อาจารย์สาวความสูงมาตรฐานสาวไทย หรือน้อยกว่าอยู่หลายเซนติเมตรยิ้มเจ้าเล่ห์ แฝงรอยหื่นอยู่ในนั้นด้วย
“ผมมีสอนนักศึกษาภาคพิเศษครับ อาจารย์ล่ะครับ” เขาบอกพร้อมกับไม่ลืมเอ่ยถามเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่
“พราวมีสอนช่วงบ่าย ส่วนช่วงเช้าติดฝึกเชียร์ลีดเดอร์ค่ะ พอดีนัดเด็กมาซ้อมค่ะ” หล่อนบอกด้วยรอยยิ้มช่างเจิดจรัสเต็มท้องฟ้า วันนี้ช่างโชคดีอะไรขนาดนี้ ที่มาเจออาจารย์ตะวันก่อนใครบางคน
“นี่อาจารย์พราวเป็นที่ปรึกษาด้วยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
ระหว่างที่สองหนุ่มสาวกำลังคุยกันด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส พลันมียานยนต์โฉบเฉี่ยวสีขาวคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่หันความสนใจไปทางรถยนต์คันนั้น อีกทั้งบทสนทนาจึงยุติลงกลางคัน
“ยัยอาจารย์ลายดอกมาจนได้” ว่าแต่แม่นั่นมีสอนด้วยเหรอวันนี้ หรือว่าไม่มีแต่อยากมาดักกินอาจารย์ซัน ชิ คิดว่าคนอื่นไม่รู้ความคิดของตัวเองหรือยังไง พราวนภาซ่อนความคิด
อาจารย์สาวส่งสายตากัดจิกไปยังใครอีกคนที่เพิ่งจอดรถ แล้วเชื่อเถอะหล่อนต้องเดินมาตรงนี้ แต่แล้ววางมาดสูงยิ่งกว่านางพญา ชิ...ทำตัวอยู่สูงเหยียบคนอื่นทั้งคำพูดและสายตา
“อุ้ย...สวัสดีค่ะอาจารย์ซัน” แม้คำพูดที่ทักทายจากอาจารย์สาวผู้มาใหม่ กับเนื้อผ้าลายดอกพลิ้วไหวบนร่างสะโอดสะองงดงาม ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาจารย์จารุภา ชวัลกร หรือแคท ที่นักศึกษาเรียกติดปาก กับภาพลักษณ์ลายดอก ปากแดงหน้าตึงเป๊ะ ที่ตึงคือหน้าอกตั้งหลังตึงตลอด ราวกับใบหน้าและคอรวมไปถึงแผ่นหลังถูกตรึงไว้ด้วยเหล็กปานนั้น
“ไม่คิดจะทักทายกันบ้างเหรอคะอาจารย์แคท” พราวนภาอดใจไม่ไหวที่จะแขวะอีกฝ่ายที่ทำราวกับว่าหล่อนเป็นแค่อากาศธาตุ
“อ้อ...พอดีมองไม่เห็นค่ะอาจารย์พราว” คนตัวสูงที่มาใหม่ก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตาหยามเหยียด นี่ล่ะคือคนอย่างอาจารย์จารุภา “ไปสอนกันดีกว่าค่ะอาจารย์ซัน” ขา...หล่อนเก็บคำท้ายไว้ในใจเก็บไว้คิดเคลิ้มอยู่คนเดียว อย่างไม่สนใจก้างชิ้นเตี้ยๆ ที่ยืนอยู่ข้างอาจารย์หนุ่มหน้าใหม่ แต่เร้าใจกว่าอาจารย์หน้าเก่าหลายๆ คน
“อ๋อ ครับ” ตะวันไม่ได้สนใจไปตามคำชวนของจารุภา ทว่าได้เวลาสอนพอดี จึงเดินตามจารุภาที่ท่าทีข่มอาจารย์พราวนภาอย่างเห็นได้ชัด โดยไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเขาเป็นรุ่นน้องไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของสองสาวที่ชอบเขม่นกัน
ส่วนจารุภาช่างสะใจที่ฉกตะวันมาจากคู่ปรับตลอดกาลอย่างพราวนภาได้ โดยเฉพาะคู่ปรับด้านผู้ชายเกมนี้หล่อนชนะอย่างสวยงาม หล่อนคิดด้วยความเจ้าเล่ห์และเต็มเปี่ยมไปด้วยแววตาสะใจ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาคู่คมสีเทา แสนหวานที่ดึงดูดหัวจิตหัวใจหล่อนตั้งแต่แรกพบ แล้วคำว่ารักแรกพบก็ตีแสกหน้าจารุภา ตั้งแต่วินาทีนั้น โดยไม่สนตัวเลขอายุที่ห่างกันถึงห้าปีของหล่อนกับเขา
จะถามว่าใครมากกว่าก็หล่อนสิยะ สอนมานานกว่าจบมานานกว่า หึ...อยากย้อนเวลาจริงๆ
“อ้าวอาจารย์พราว มายืนทำอะไรอยู่ที่นี่คะ สาวๆ เซียร์รออยู่นะครับ”
“อ้อ...ค่ะๆ อาจารย์ดล” พราวนภารีบปรับสีหน้าหันมาทางอาจารย์ชายอาวุโสกว่าที่เอ่ยทักจากด้านหลัง “วันนี้มาทำอะไรคะอาจารย์ดล”
“ผมมาซ้อมว่ายน้ำให้นักกีฬาครับ แล้วอาจารย์ล่ะคะ
“มีสอนและก็ต้องฝึกเด็กลีดเดอร์ค่ะ” อาจารย์สาวตัวเล็กตอบ
“เมื่อกี้ใช่อาจารย์ซันมั้ยครับ”
“ใช่ค่ะใช่” โดนนางมารลายดอกฉกไปด้วยสิน่าเจ็บใจ เมื่อก่อนอาจารย์ดลที่เป็นอาจารย์สอนด้านกีฬา ก็เป็นขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ อาจารย์สาวๆ นักศึกษาสาวๆ ครั้นพออาจารย์ตะวันมาอาจารย์ดล ก็กลายเป็นหิ่งห้อยในทันที
แม้จะเดินกับคนที่เคยปลื้มทว่าสายตากลับชำเลืองไปทางเนื้อหวานที่นางพญาลายดอกคาบไปรับประทาน หนำซ้ำก่อนจากไปจารุภายังปรายตากลับมาหาหล่อนอย่างเยาะเย้ย หึ่ม...วันพระไม่ได้มีหนเดียว
“อาจารย์พราวไม่สบายหรือเปล่าครับ” อาจารย์สอนกีฬาผู้หุ่นมาดแมนท่าทางเข้มแข็ง สวมชุดวอร์มสีกรมขลิบขาว ตรงแขนเสื้อแขนขาวสีเดียวกับกางเกง ทรงผมสั้นเกรียนแบบฉบับนักกีฬาเหรียญทองเอ่ยถามคนข้างๆ