บท
ตั้งค่า

ตอน 3

“คุณผู้ชาย อุ้ย คุณซันขา” ศรีตะโกนไล่หลังคุณผู้ชาย แววตามองไปยังโต๊ะสีฟ้าที่มีจานขนมปังวางอยู่

“อะไรอีกล่ะ” เขาหันมาเอ่ยเสียงขรึมเหมือนหน้าตาต่อสาวใช้เสียงเหน่อเจ้าปัญหา

“นี่ค่ะนี่” นิ้วเรียวสีคล้ำชี้ไปตรงจานที่วางบนโต๊ะ

“เก็บสิ” เพราะไม่รู้ความหมายในนิ้วที่ชี้ไปยังจานขนมและถ้วยกาแฟ รวมไปถึงหนังสือพิมพ์ที่ถูกพับวางไว้บนโต๊ะ เขาจึงสั่งให้เธอจัดการเก็บซะ นั่นคือหน้าที่สาวใช้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

“คือแบบกินได้มั้ยจ๊ะ ฉันหิวจนแสบไส้ไปหมดแล้วจ้ะ ยังไม่มีผู้ชาย เอ้ย...อะไรตกถึงท้องเลย” ศรีขออาหารยามเช้าของคุณผู้ชายอย่างหน้าด้านๆ พร้อมทั้งเกือบเผลอเผยความคิดของตัวเองออกไปจึงรีบกลับลำในทันที เกือบไปแล้ว แล้วก็ซ่อนความคิดไว้ในดวงหน้าใส (ไปทางดำ) ซื่อ ๆ ต่อไป

“เอาสิ ฉันยกให้” ว่าเสร็จตะวันจึงหันกลับแล้วเดินจากไป เขายังคงตีหน้านิ่งเดินไปยังโรงรถสีขาวซึ่งเป็นสีเดียวกันกับตัวบ้าน เขาชอบสีขาวจึงตั้งชื่อบ้านหลังนี้ว่า ‘ความทรงจำสีขาว’

ตะวันก้าวขึ้นรถพร้อมกับส่ายศีรษะ ตกลงเขารับคนมาทำงานบ้านถูกต้องแล้วใช่ไหม พอถามตัวเองคำตอบก็คงไม่ได้รับความกระจ่างจากนั้นเขาจึงบึ่งรถออกจากบ้าน โดยมีสาวใช้หน้าบ้านๆ ผมรุงรังวิ่งตามออกไปเปิดประตูให้ แต่ถ้าไม่กดแตร แม่สาวใช้หน้าใหม่คงยังไม่รู้หน้าที่ของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่วันมาสมัครเขาร่ายรายการที่สาวใช้ต้องจัดการในแต่ละวันเรียบร้อยแล้ว แต่คงเพราะอาการหิวจึงยังไม่คิดเรื่องงาน ขณะศรีวิ่งไปเปิดประตูรั้วปากยังคาบขนมปังของเขาอยู่เลย

วันนี้เขามีสอนพิเศษสำหรับนักศึกษาภาคสมทบภาษาต่างประเทศ ในช่วงสายๆ จึงไม่ต้องรีบร้อนไปให้ถึงมหาวิทยาลัยเร็วนัก ดร.หนุ่มซึ่งมีดีกรีปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) ชื่อดังจากอังกฤษ เรียนมัธยมในไทย เหินฟ้ากลับไปศึกษาต่อยังบ้านเกิดของบิดา แต่ก่อนเริ่มเรียนระดับมหาวิทยาลัยเขาต้องเรียนปรับพื้นฐานในระบบรากฐานของมหาวิทยาลัยซะก่อน (University Foundation Programme) เป็นระยะเวลาหนึ่งปี จึงเริ่มต้นเข้ารั้วมหาวิทยาลัย

ครั้นพอศึกษาจบระดับปริญญาเอกเมื่ออายุ 25 จึงเดินทางกลับมา แล้วลงทุนประกอบกิจการโชว์รูมรถหรูกับเพื่อนๆ ที่จบมารุ่นเดียวกัน ตอนนี้กิจการดำเนินไปด้วยดี กระทั่งได้พบกับเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐฯ เอ่ยปากชวนให้เขาไปเป็นอาจารย์สอนภาษาต่างประเทศให้กับนึกศึกษา ระหว่างนั้นเขายังใช้เวลาตามหาใครบางคนไปในตัวด้วย

อาจารย์ตะวันเริ่มสอนจริงๆ เพียงหนึ่งปีเท่านั้นชีวิตการเป็นอาจารย์ก็แปลกไปอีกแบบ ขณะเดียวกันยังนั่งตำแหน่งผู้บริหารในบริษัท ที แอนด์ เอฟ ซึ่งย่อมาจาก ตะวันและเพื่อน เป็นบริษัทนำเข้ารถหรู ซึ่งมีผลประกอบการดีเกินความคาดหมาย

ฝ่ายสาวใช้ที่สวาปามอาหารเช้าของเจ้านายจนหมดเกลี้ยง ตอนนี้เธอยืนหมุนคว้างเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร บ้านหลังนี้ภายในต่างจากภายนอกลิบลับ องค์ประกอบด้านนอกเป็นแบบโมเดิร์น คือทันสมัยในแบบยุโรป หากว่าเมื่อเดินเข้ามาในบ้านกลับพบว่า รสนิยมเจ้านายผิดแผกจากที่เห็นภายนอกหน้ามือเป็นหลังมือ

“คราวนี้อีศรีจะเริ่มจากตรงไหนวะเนี่ย” สาวใช้ผู้มีจุดมุ่งหมายไม่ใช้ทำงานแลกเงิน หากแต่วางเป้าจุดประสงค์อื่นในการพาตัวเองกระเสือกกะสนเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ จึงไม่สามารถเริ่มต้นกับการจัดการงานบ้านของคุณผู้ชาย ที่แสนเนี๊ยบไปซะทุกอย่างได้

ที่สำคัญแทนที่จะลงมือจัดการกับงานบ้าน ศรีกำลังลูบไล้กรอบรูปซึ่งมีรูปคุณผู้ชายสุดหล่ออยู่ในกรอบรูปแบบโบราณอย่างหลงใหล ทั้งวางแนบอก ทั้งจูบและหอมจนน้ำลายเปื้อนกระจก

“อุ้ยๆ ตายๆ เปื้อน” พอรู้ตัวว่าทำเปื้อนน้ำลายจึงยกชายเสื้อยืดสีมอซอขึ้นเช็ด ทั้งก้มลงไปสูดดมกลัวกลิ่นน้ำลายติดอีกด้วย “ในที่สุด” เธอเพ้อกับตัวเอง แล้วหมุนคว้างรอบตัวราวกับสมหวังที่สุดในการได้ย่างก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้

สิบกว่าปีสำหรับการรอคอย วันนี้ก้าวมาถึงคำว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่จะให้ประสบความสำเร็จมากกว่านี้สถานะที่เธอแฝงตัวเข้ามาจะต้องเปลี่ยนเป็นสถานะอื่นต่อไป ศรีเพ้อในใจดวงตาประดับความสมหวังอย่างยิ่งยวด

ร่างบอบบางกระโดดโลดเต้นทำงานบ้านที่ไม่ค่อยจะสันทัดอย่างเริงร่า ต่อให้เหนื่อยกว่านี้เพลียกว่านี้ แต่เพื่อให้บรรลุความตั้งใจ ศรียอมเหนื่อยยอมทน จนกระทั่งร่วมสามชั่วโมงผ่านไปที่งานในบ้าน ซึ่งไม่ยุ่งยากมากนักจบสิ้นลง บ้านหลังนี้สะอาดเป็นระเบียบอยู่แล้วราวกับตะวันมีแม่บ้านคอยดูแลให้อยู่ตลอดเวลาที่ยังไม่ได้จ้างศรีเข้ามาทำงาน

หญิงสาวหยิบกรรไกรตัดหญ้ามายืนเล็บปลายกิ่งดอกแก้วอยู่ริมรั้ว ซีเมนสีขาวกั้นระหว่างบ้านข้างๆ ศรีทำงานไปฮัมเพลงที่ชอบไปและเพลงนี้เธอยังใช้เป็นเพลงรอสายในโทรศัพท์อีกด้วย

“ศรีเอ้ย” เสียงใครบางคนดังขึ้น ซึ่งเคยได้ยินมาก่อนหน้านั้นแล้ว และผู้ที่เรียกขานสาวใช้ก้าวมายืนริมรั้วที่เท่ากับคางผู้หญิงขนาดมาตรฐานพอดี

“คุณยายอังเองเหรอจ๊ะ” ศรีเอ่ยทักทายผู้ชรา

“เออ...ข้าเอง” คราวนี้ยายอังคารไม่ต้องตะเวนหาเพื่อนคุยแล้ว เมื่อศรีเข้ามาทำงานที่บ้านตะวันจึงกลายเป็นเป้าหมายคลายเหงาให้ผู้สูงวัย ไปโดยปริยาย เมื่อก่อนบ้านหลังนี้จ้างแม่บ้านมาทำงานชั่วคราว แต่เมื่อตะวันอยู่บ้านไม่เป็นเวลาทั้งทำงานบริษัทของตน และต้องออกไปสอนพิเศษ จึงต้องประกาศหาแม่บ้านช่วยดูแลงานบ้านและเฝ้าบ้านไปพร้อมกัน

“ยายอยู่กับใครคะ อุ้ยจ้ะ” ศรีเอ่ยถามเกือบลืมสำเนียงเหน่อสุพรรณแล้วไหมล่ะ

“ข้าอยู่กับลูกๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้าอยู่คนเดียว” ยายอังคารคนเกิดวันอังคารบอก

“ลูกๆ ยายไปไหนหมดซะล่ะจ๊ะ” ศรีเอ่ยถามถึงสมาชิกในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ หวังว่าคนแก่เลยหกสิบคงไม่ได้อยู่คนเดียว แบบนี้อันตรายแย่ หมู่บ้านนี้ล้วนเป็นหมู่บ้านคนรวย บ้านหลังใหญ่ๆ ทั้งนั้น

“ไปทำงานสิยะ ข้าแก่แล้วก็ต้องเป็นคนแก่เฝ้าบ้านไปตามระเบียบ” แกบอกด้วยสีหน้าเศร้าราวกับแมวโดนเจ้านายทิ้ง

“ผัว เอ้ย สามียายล่ะจ๊ะคุณตาน่ะจ้า...คุณตา” ศรีใช้ภาษาบ้านๆ เอ่ยถามผู้ชรา ที่ขยันเยี่ยมหน้ามาคุยกับเธอ คงเพราะความเหงาตามธรรมดาคนแก่

“ตายไปเมื่อสามปีก่อนแล้ว” ยายอังคารเอ่ยถึงสามีที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยสีหน้านิ่งๆ แกปลงตกเกี่ยวกับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วจึงไม่คิดอะไรกับการจากไปของสามีจากโรคมะเร็งที่รุมเร้า รักษามาสามปีสามีก็จากไปอย่างสงบ

แกมีลูกสี่คน ต่างก็มีหนทางมีอาชีพของตนเอง คนโตเป็นผู้ชายแต่งงานไปแล้ว แต่ยังไม่มีหลานให้อุ้ม เห็นว่าอยากทำงานเก็บเงินสร้างครอบครัวก่อน แต่แกก็อยากอุ้มหลานในวัยล่วงเลยป่านนี้ แก่กว่านี้จะไม่มีแรงวิ่งตามหลาน

คนรองเป็นผู้หญิงก็แต่งงานเมื่อปีกลาย ส่วนคนที่สามกับคนเล็กยังไม่แต่งงานอยู่กับแกที่บ้านหลังนี้

“อุ้ย ฉันขอโทษนะจ๊ะ” ศรีรีบเอ่ยปากขอโทษ พร้อมกับพุ่มมือไหว้ประหลกๆ ด้วยลุแก่โทษที่ปากพร่อย ไม่ระวังคำพูดแค่จะถามแกเล่นๆ เห็นเป็นคนแก่อารมณ์ดีไม่ถือตัวไม่ถือศักดิ์ ไม่คิดว่าคุณตาสามีของยายอังคารเสียแล้ว

“แกจะขอโทษข้าทำไม ตาแก่ตายเพราะโรคภัยไม่ได้ตายห่าตายโหงซะหน่อย” แกยิ้มเบิกบานให้กับสาวใช้ข้างบ้าน ตะวันมีอายุน้อยกว่าบุตรชายคนโตของแกสามปี ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน เวลาที่ทำอาหารแกมักส่งข้ามรั้วมาให้ชายหนุ่ม ที่อยู่ลำพังนานๆ จะเห็นพ่อแม่เดินทางมาเยี่ยมซะที

“จ้ะ” ศรีรู้สึกชอบใจยายอังคารขึ้นมาซะแล้ว

“ว่าแต่เอ็งเถอะก่อนหน้ามาเป็นคนใช้เขาเอ็งทำอะไรมาบ้าง” ยายอังคารชวนสาวใช้คนใหม่คุยไปตามประสา

“โอ้ย ทำมาหลายอย่างจ้า” ศรีพยายามนึกว่าตัวเองทำอะไรมาบ้าง ซึ่งตอนนี้สมองของศรี ต้องประมวลทุกอย่างหลากหลายเข้าด้วยกันเพื่อเป็นคำตอบให้กับหญิงชราผู้นี้ ถ้าไม่ได้ผ่านงานบางอย่างมาจินตนาการของเธอคงไม่บรรเจิด โชคดีงานที่เธอทำ ทำให้สมองของเธอไหลลื่นในการแต่งเรื่องหลอกคนแก่

“อะไรบ้างล่ะที่ว่าหลายอย่างของเอ็ง” ผู้ชรายังคงอยากรู้ ก็แกไม่ค่อยมีใครคุยด้วย แม่บ้านชั่วคราวคนก่อนก็รีบๆ ทำงานแข่งกับเวลาแล้ว ครั้นพองานเสร็จก็รีบออกจากบ้านแกเลยไม่มีโอกาสได้คุยเลย น้ำลายบูดมาหลายปีแล้ว

“ก็ทำนา ทำสวน รับจ้าง ล่าสุดไปทำธุรกิจการบินจ้ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel