ตอน 2
“หา !! เอมมี่” คนถามถึงกับอ้าปากค้าง ร้องทวนชื่อของหญิงชราตรงหน้าที่น่าจะชื่อเรียม เนื่อง แก้ว พร อะไรแบบนี้มากกว่าชื่ออินเตอร์ที่แกแนะนำตัว สงสัยก่อนมาที่นี่ลืมแคะหู เพราะตื่นเต้นที่ได้งานในฝัน งานน่ะไม่ใช่ในฝันแต่คุณผู้ชายสิทั้งในฝัน และอยากได้ให้เกิดในความเป็นจริง
“ข้าล้อเล่น ข้าชื่ออังคาร เรียกยายอังก็ได้” แกปล่อยมุกไปบ้าง เล่นงานศรีแทบหงายเงิบไปทีเดียว
“ยายอังคาร แล้วทำไมไม่อังศุมาลิน ฮิเดโกะ หรือ พุธ พฤหัส ศุกร์ หรือเสาร์ อะไรแบบนี้ล่ะจ๊ะ” เมื่อได้รู้จักชื่อที่แท้จริงของหญิงชรา ศรีที่อ้าปากค้างจึงค่อยๆ หุบปากลง แต่ยังคงตั้งคำถามไม่หยุดหย่อนแล้วคนที่งงจึงเป็นยายอังคารนั่นเอง
“ข้าเกิดวันอังคารโว้ย โอ้ย ปวดหัวกับเอ็ง ไปๆ เข้าไปบ้านรีบรายตัวกับคุณซันซะ วันนี้เธอคงอยู่ล่ะ เห็นรถยังจอดอยู่ในบ้าน” ยายอังคารตัดรำคาญกับแม่สาวเสียงเหน่อจึงไล่ปัดให้เข้าไปในบ้าน ป่านนี้ชายหนุ่มเจ้าของบ้านหลังงามคงรอสาวใช้คนนี้แล้ว
“จ้าฉันไปนะคะจ๊ะยาย” สาวสุพรรณยิ้มปากบาน ระบายไปถึงดวงตากับผู้สูงวัยที่อารมณ์ดี แต่รับมุกห่วยๆ ของเธอไม่ทัน กระดูกคนละเบอร์ยาย...เอ...ว่าแต่จะบาปไหมนี่เพราะไปต่อปากต่อคำกับคนอายุมากกว่าแม่ตัวเองแบบนั้น
ศรีย่อกายหิ้วกระเป๋าขึ้นแนบข้างกาย ที่มีอยู่บนบ่าก็หนึ่งใบ และที่ห้อยอยู่ที่ข้อศอกก็หนึ่งใบ ยังมีใบใหญ่ที่วางข้างตัวอีกด้วย คงตั้งใจมาอยู่ถาวรโดยไม่ย้ายออกไปไหนเลยสิแบบนี้ ผู้สูงอายุมองตามแต่ก็ยังคงยิ้มเป็นมิตรในแบบฉบับคนอัธยาศัยดีอย่างยายอังคาร แกไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครอยู่เฝ้าบ้านให้ลูกให้หลานซึ่งต่างมีหน้าที่ไปทำงานนอกบ้านในแต่ละวัน จะพบกันอีกทีก็เมื่อช่วงเย็นโน่นล่ะ
อารมณ์ของศรีตอนนี้ไม่ต่างกับพจมานก้าวย่างเข้ามาในคฤหาสน์ของท่านชายกลาง แต่ที่ต่างกันคือพจมานเข้ามาเพราะไม่รู้ชะตากรรม แต่ศรี แดนสุพรรณ เข้ามาในบ้านคุณผู้ชายเพราะกำหนดชะตากรรมไว้ด้วยตัวเอง ร่างบางแต่งตัวด้วยเสื้อยืดตัวโคล่งไม่พอดีตัว เก่ามอซอ ผมเผ้าที่คิดว่าจัดเป็นทรงดีสำหรับเธอ หากแต่มันคือรังนกดีๆ นี่เอง กางเกงขาสามส่วน รองเท้าที่รองรับเท้าคือรองเท้าแตะหูหนีบสีแสบทรวง
องค์ประกอบเหล่านั้นค่อยๆ ก้าวเข้าไปในบ้านความทรงจำสีขาว ของเจ้าของบ้านซึ่งตั้งใจ ติดป้ายไว้เช่นนั้น โดยแทรกตัวผ่านประตูเล็ก หัวใจดวงน้อยกระโดดโครมครามอยู่ภายใต้เนื้อในอก ขณะสัมภาระล้อมรอบตัวไปหมด แล้วเธอก็คลี่ยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นสภาพที่ตนขนของมาบานตะไทขนาดนี้
พอก้าวเข้าไปอยู่กลางลานซึ่งด้านข้างต่างมีต้นไม้น้อยใหญ่ล้อมรอบ ในวันแรกที่ตนมาสมัครงาน ก็ไม่ได้มีเวลาสำรวจอะไรนอกจากสงบใจให้ตัวเองอย่าตื่นเต้นมาก คุณผู้ชายบ้านนี้เป็นนักสะสมต้นไม้ตัวยงเลยทีเดียว
“มาแล้วเหรอ” เสียงทุ้มดังขึ้น
ทำให้ร่างบางที่กำลังถือสัมภาระชะงักการก้าว พร้อมกลีบปากหุบฉับตามไปด้วย จึงสอดสายตามองหาที่มาของเสียงท่าทางของศรีไม่ต่างกับชาวบ้านหากบเขียดในยามค่ำคืน คิ้วย่นเข้าหากันส่วนหูเงี่ยฟัง นั่นคุณผู้ชายนะไม่ใช่จิ้งหรีดนางศรีทำซะเกินบรรยาย
“ฉันอยู่นี่” ชายหนุ่มนั่งดื่มกาแฟอยู่บนเก้าอี้ไม้สีฟ้าข้างบ้าน ได้ยินผู้หญิงสองคนสนทนากันอยู่เป็นนานสองนาน ตอนแรกไม่ได้สนใจถ้าไม่มีชื่อเขาเข้ามาเอี่ยวในบทสนทนาด้วย ดังนั้นจึงคาดเดาว่าสาวใช้ที่เขารับไว้ทำงานเมื่อวานคงจะเดินทางมาทำงานแล้วในวันนี้ เพราะตนกำลังนั่งรอสาวใช้พอดี
“อ้อ...คุณผู้ชายขา” หญิงสาวทิ้งสัมภาระไว้ตรงลานกว้าง แล้วเดินย่องๆ ไปหาคุณผู้ชายที่มองยังไงก็ช่างสมบูรณ์แบบเกินบรรยาย งานนี้บทบรรยายใต้ภาพไม่น่าจะพอในความสุดยอดคุณสมบัติภายนอกของชายหนุ่ม ศรีลอบปาดน้ำลายหลายครั้งที่มองดวงหน้าหล่อเหลาดุจเทพซูส ไม่เคยเห็นตัวจริงหรอกเทพซูสหรอก รู้แต่ว่าในตำนานขานกล่าวว่าเทพองค์นี้มีภรรยาเยอะนั่นแสดงว่าต้องหล่อมาก
ศรีเดินย่องไปหยุดตรงหน้าคุณผู้ชาย ตรงที่เขานั่งจิบกาแฟยามเช้า
“สวัสดีจ้ะคุณผู้ชายขา ว่าแต่กี่โมงกี่ยามแล้วจ๊ะ” สาวใช้หน้าใหม่สวัสดีนายจ้าง พร้อมกับเอ่ยถามเวลา ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกัน
“เออ สวัสดี ตอนนี้จะเก้าโมงอยู่แล้วทำไมเธอเพิ่งมา” คุณผู้ชายรับไหว้แล้วบอกเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเรือนหรู
“คือ...เอ่อ...ฉันเดินมาจ๊ะ” เธอบอกพาซื่อผสานดวงหน้าไม่แต่งแต้มผิวคล้ำดำเมี่ยม ยิ้มเห็นฟันขาวจั้ว
“หา !! วะ...ว่าไงนะเดินมา” คนเป็นนายตกใจกับคำบอกของสาวใช้คนใหม่
“จ้า...ฉันเดินมาจากบ้านเช่าของญาติ ตั้งแต่หกโมงเช้ากว่าจะมาถึงก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะจ้า” ระยะเวลาขนาดนั้นพอๆ กับเดินทางจากกรุงเทพไปถึงสิงบุรีเลยมั้งนั่น
“ทำไมไม่ขึ้นรถมาล่ะ” คุณผู้ชายสุดหล่อสงสัยจึงเอ่ยถาม หรือว่าคนต่างจังหวัดชอบออกกำลังกาย
“ก็อย่างที่บอกละจ้า ฉันโดนล้วงกระเป๋าตอนเข้ากรุงเทพใหม่ๆ เงินก็ไม่มีติดตัวสักบาท นี่ก็ไปอาศัยญาติอยู่รู้สึกเกรงใจเขาเลยไม่กล้าขอเงินค่ารถเขามาล่ะจ้า เลยต้องเดินเหนื่อยหน่อยแต่ไม่รบกวนคนอื่น ฉันสบายใจกว่าจ้า” เธอเคยบอกเรื่องนี้กับเขาตอนที่สกัดดาวงรุ่งจนล่วงไป ในวันที่เดินผ่านประตูเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งสาวใช้ประจำบ้านนี้
“แล้วเรื่องเอกสารการสมัครงานจะว่าไง” เขาเอ่ยทวงเอกสารสำคัญ ไม่ว่าบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรืออะไรสักอย่าง ที่สำคัญสำหรับการสมัครงาน วุฒิการศึกษาไม่ต้อง เพราะการทำงานบ้าน คงไม่ต้องใช้ทักษะมากมายนัก เขาจำได้เธอบอกไม่มี ไม่พร้อม แต่เขาก็ยังอยากเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อกันพลาด สังคมทุกวันนี้ไว้ใจยาก
“หายไปกับกระเป๋าสตางค์หมดเลยจ้า” วันนั้นก็ตอบแบบนี้ เธอจะให้ได้อย่างไรภาพลักษณ์ตอนนี้กับในภาพถ่ายบัตรประชาชน คนละเรื่องเลยต่อให้มีคงไม่ให้ ติดไว้ก่อนนะจ๊ะคุณผู้ชาย ศรีคิดในใจอย่างสำนึกผิดเล็กๆ
“ให้ตาย นี่ฉันรับสาวใช้โดยไม่มีเอกสารเหรอเนี่ย ก็แรงงานเถื่อนสิฉันจะติดคุกมั้ยลั่” ปกติตะวัน เบนฟอสเตอร์ หรือ ซัน หนุ่มลูกครึ่งไทย อังกฤษ มักรอบคอบในทุกเรื่องเสมอ เพราะอาชีพสำรองที่เป็นอาจารย์สอนพิเศษ ในมหาวิทยาลัยของรัฐบอกให้เขารู้ว่าตัวเองควรรอบคอบกับทุกเรื่องแค่ไหน แล้วนี่รับสมัครสาวใช้เพื่อมาดูแลบ้าน จัดการงานบ้านทั้งหมด หนำซ้ำศรี สาวใช้ที่แนะนำตัวว่าชื่อนั้น ต้องอยู่ในบ้านที่รักมากของเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เรียกว่าอยู่มากกว่าเขาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านด้วยซ้ำ ทว่าสาวใช้ที่ตนรับไว้กลับไม่มีเอกสารการแสดงตัวตนเลยสักแผ่น แล้วถ้าเกิดสาวใช้พาพวกมายกเค้าจะไล่ตามจับตัวผู้ร้ายอย่างไรกันล่ะ
“คุณผู้ชายไม่ไว้ใจฉันหรือจ๊ะ ถ่ายรูปฉันไว้ก็ได้นะจ๊ะ ฉันไม่มีอะไรติดตัวมาจริงๆ จ้า ฉันรับรองตอนมีเงินแล้วจะกลับบ้านไปทำบัตรให้เรียบร้อยฉันรับรองเลยจ๊ะ หรือถ้าคุณผู้ชายใจดีให้ฉันเบิกล่วงหน้าก่อนได้ไหมจ๊ะ รับรองฉันไม่โกงไม่หนี จะทำงานใช้ให้อย่างคุ้มค่าเลยจ้า” สาวใช้คนใหม่ถือโอกาสเบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าอย่างหน้าซื่อ
“เอาล่ะ ระหว่างนี้ก็อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านที่ไหนล่ะ”
“แล้วเงินล่วงหน้าตกลงให้ฉันเบิกไหมจ๊ะ โชคร้ายของฉันจริงๆ ก้าวมาเหยียบกรุงเทพวันแรกก็ซวยเลย” ศรีตีหน้าเศร้าพร้อมกับเล่าสิ่งที่ตัวเองประสบ เมืองกรุงอยู่ยากแต่กลับประชากรต้องการเดินทางมาแสวงหาความฝันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้เธอที่ต้องการเดินทางมาหางานทำหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ก็ไม่คิดว่าจะโชคร้ายโดนล้วงกระเป๋าจนหมดตัวขนาดนี้
เธอซ่อนคิดพลางนั่งมองหน้าอันปราศจากความไม่หล่อ ไม่สมบูรณ์แบบคุณผู้ชายตรงหน้า
“อยู่นี่ไม่ได้ใช้เงินอะไร ฉันออกให้ทุกอย่างและช่วงระหว่างยังไม่มีบัตร ไม่ต้องออกไปไหน” คุณผู้ชายไม่ได้บอกว่าจะให้เบิกหรือไม่ให้เบิกเงินล่วงหน้า ท่าทีและคำพูดแบบนี้คงไม่ให้เบิกแน่แท้
“เข้าใจแล้วจ้า” นึกว่าจะใจดีเหมือนหน้าตาที่หล่อบาดอุรา แต่ที่ไหนได้ก็ไม่ไว้ใจสาวใช้คนใหม่ที่คิดไม่ซื่อต่อคุณผู้ชายทุกวินาทีอย่างเธอเบิกเงินล่วงหน้า
“อ้อ...อีกอย่างเรียกฉันซันก็ได้ไม่ต้องเรียกคุณผู้ชายหรอก ฟังแล้วเหมือนฉันเป็นเจ้าของคฤหาสน์พันล้านยังไงไม่รู้” เขาอนุญาตให้สาวใช้คนใหม่เรียกชื่อเล่น เพราะไม่ชินกับการที่โดนเรียกแบบชั้นสูงขนาดนั้น อีกอย่างราวกับตัวเองแก่มาก
“ได้จ้าคุณซันขา”ศรีเอ่ยเรียกชื่อนายจ้างอย่างไพเราะลากเสียงเหน่อในแบบของเธอ ทั้งแววตาที่ลอบมองเขาอย่างชื่นชมในรูปลักษณ์เปล่งประกายเจิดจ้าราวกับดอกทานตะวันต้องแสงพระอาทิตย์
“เดี๋ยวสายๆ ฉันมีสอนพิเศษเธอก็ทำงานของเธอไป อยากกินอะไรก็ทำกินของในตู้เย็นมีครบ” เขาลุกจากเก้าอี้ไม้สีฟ้าตรงมุมนั่งเล่นข้างบ้านหลังงามแห่งความภาคภูมิใจที่ออกแบบเอง เลือกวัสดุเองร่วมกับช่าง อีกครั้งควบคุมการก่อสร้างเอง แม้กระทั่งสวนสวยในจินตนาการที่เขารังสรรค์ จัดเองคือทุกตารางนิ้วแห่งความภาคภูมิใจ