บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ศรศิลป์ไม่กินกัน 1 .2

พรพรรณถึงกับถอนหายใจพรืดยาวออกมา เมื่อรู้วีรกรรมใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ ของบุตรสาวคนโต ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดุก็แล้ว ด่าก็แล้ว อบรมสั่งสอนก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่าคำพูดนางไม่เข้าหูพรรณพิลาศ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

“แม่บอกเอ็งแล้วใช่ไหมว่า มาอยู่ที่ใหม่ทำตัวให้มันดีๆ อย่าเที่ยวไปเตะไปต่อยใครเขา ให้คิดก่อนพูดและก่อนทำ แล้วก็หัดถามไถ่ก่อนไม่ใช่เอะอะอะไรก็ถีบก็เตะ คนที่เอ็งถีบคือใครก็ไม่รู้ ไม่พอนะยังไม่ขอโทษเขาอีก ถ้าเขามาถอนงอกข้าที่ไม่ยอมสั่งสอนลูกให้ดีจะทำไง เอ็งนะเอ็ง ขัดใจชะมัด”

คนเป็นแม่โวยใส่ลูกสาวคนโตที่นั่งกินเม็ดก๋วยจี้หรือเมล็ดแตงโมอบ ไม่ค่อยสนคำพูดมารดาสักเท่าไหร่

“แม่จะบ่นอะไรหนักหนา ก็บอกไงว่าไม่ได้ตั้งใจ นุดาพูดช้าเองต่างหาก” พรรณพิลาศแก้ตัวน้ำขุ่นๆ “อีกอย่างนะ ถ้าแม่เห็นตอนไอ้ตัวโตอุ้มนุดา แม่ก็ต้องคิดเหมือนหนูแหละว่า แต๊ะอั๋งนุดาชัวร์ หนูน่ะพี่สาวดีเด่นแห่งประเทศไทยก็ต้องปกป้องน้องสาว แค่นี้ยังเบาะๆ นะ อยากจะชกหน้าหล่อๆ ให้จมูกหัก แต่ดันมารู้ความจริงซะก่อนว่าเข้าใจผิด”

พูดถึงชายตัวโตที่ตนถีบไปเมื่อครู่ เธอไม่รู้ตัวว่าแก้มทั้งสองข้างระเรื่อสีชมพู ความหล่อ สมาร์ท ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้ายังติดตาติดใจพรรณพิลาศ เธอเห็นคนหล่อมาเยอะ แต่ไม่มีใครทำให้หัวใจตนเต้นแรงได้มากเท่าเขามาก่อน รู้สึกแปลกๆ ในหัวใจอย่างไรบอกไม่ถูก

“รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดทำไมไม่ขอโทษเขาล่ะ”

พรพรรณถามกลับ จ้องหน้าลูกสาวคนโตนิ่ง

“เขาต้องขอโทษหนูสิ เขาน่ะตัวโต๊โต หนูถีบครั้งเดียวร้าวไปทั้งขา เนี่ยเจ็บขาอยู่เลย ไม่รู้กระดูกจะหักหรือเปล่า ถ้าขาหักขึ้นมาเขาก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย” พรรณพิลาศเป็นนักแถตัวยง

“สีข้างเอ็งคงถลอกปอกเปิกแล้วแน่เลย แถเก่งนัก” พรพรรณระอาใจกับพรรณพิลาศมาก ไม่รู้วาจะอบรมสั่งสอนยังไง “เอ็งต้องไปขอโทษเขา ยังไงก็ต้องขอโทษ คนเราผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่ใช่แถไถจนตัวถลอก”

คนเป็นแม่ยืนกรานเสียงหนักแน่น นางรู้นิสัยลูกคนนี้ดี เรื่องอื่นดีหมด รักพ่อแม่และน้องสาว มีความรับผิดชอบในการทำงาน แต่เสียงอย่างเดียวคือ ใจร้อน ลุยได้ลุย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พอรู้ว่าเข้าใจผิดบางครั้งก็ขอโทษ บางครั้งก็นิ่งเฉย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี นางสอนลูกทั้งสองคนเสมอว่า ผิดต้องยอมรับผิด และพร้อมขอโทษหรือแก้ไขในเรื่องที่ทำลงไป

“แล้วจะไปขอโทษเขาที่ไหนคะแม่ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนงานในไร่หรือเปล่า แต่จากการแต่งตัวนุดาคิดว่าไม่น่าจะเป็นคนงานในไร่ อาจเป็นคนอื่นที่เข้ามาติดต่องานในไร่ค่ะ” พรรณพิไลสันนิษฐานตามที่เห็น

“ใช่ๆ แม่ เขาคงไม่ใช่คนงานในไร่ เพราะงั้นไม่ต้องขอโทษ” พรรณพิลาศพูดจบก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง กอบเมล็ดแตงโมอบที่แคะวางไว้ขึ้นมาในอุ้งมือ ก่อนเดินไปทิ้งถังขยะ

“เอ็งทำตัวแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีผัว ชาตินี้ได้ขึ้นคานแน่ๆ” เป็นอีกเรื่องที่พรพรรณเป็นห่วงพรรณพิลาศ กิริยามารยาทไม่เรียบร้อย นิสัยก็ชวนปวดหัว แม่บ้านแม่เรือนไม่มีในสายเลือด อย่างนี้คงหมดหวังได้ลูกเขยคนโต

“ไม่มีผัวก็ไม่เดือดร้อนเลยแม่ อยู่เป็นโสดน่ะดีแล้ว ไม่มีลูกกวนตัว ไม่มีผัวกวนใจ อยู่หาเรื่องแม่ไปวันๆ มีความสุขจะตาย” พรรณพิลาศไม่สนใจเรื่องนี้ และไม่มีอยู่ในหัวด้วย “หนูไปนอนก่อนนะแม่ เมื่อเช้าแหกขี้ตาตื่นแต่เช้าขนข้าวขนของย้ายมาที่นี่ พักสักงีบเติมพลัง”

“ดู...ดูมัน โตเป็นควายแล้วพูดยากพูดเย็นเหลือเกิน ถ้ารู้ว่าพูดยากสอนยากแบบนี้เอาขี้เถ้ายัดปากตั้งแต่เด็กก็ดี” พรพรรณพูดอย่างคนมีน้ำโห

“แม่คะ พี่นิชาไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย แค่ใจร้อน ผลีผลาม ฟังเหตุผลช้าก่อนปล่อยหมัดปล่อยเท้า ชอบแถ เถียงเก่งแค่นี้เองค่ะ แต่อย่างอื่นดีหมดนะแม่” น้องสาวเข้าข้างพี่สาวเต็มที่

“ไอ้คำว่าแค่นี้ของเอ็งน่ะ มันเยอะเลยนะ” พรพรรณพูดกลับ “แต่ก็จริงอย่างที่เอ็งพูด อย่างอื่นของนิชาดีหมด ดีมากๆ ด้วย”

“แม่นั่งพัก นั่งหายใจลึกๆ นะแม่ เดี๋ยวนิชาไปจัดของก่อน แล้วจะจัดให้พ่อกับแม่ด้วย”

“เออ แล้วอย่าไปจัดให้พี่เอ็งล่ะ มันจะเคยตัว” คนพูดมองไปยังกระเป๋าเดินทางของลูกสาวคนโตที่เปิดอ้าอยู่กลางบ้าน เสื้อผ้าเหมือนยัดๆ ไว้ไม่ได้พับให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ความเป็นกุลสตรีไม่มีสักนิดเดียว “ถ้ามันมีผัว ผัวคงถีบส่งวันละหลายรอบ เลิกกันภายในหนึ่งเดือนแน่”

“เรื่องแบบนี้ไม่แน่นะแม่ ผัวในอนาคตของพี่นิชา อาจรักอาจหลงพี่นิชาก็ได้ ส่วนเรื่องความเป็นกุลสตรี สมัยนี้เขาไม่ถือกันแล้วนะแม่ จ้างแม่บ้านทำก็สิ้นเรื่องหรือไม่นุดาไปทำงานบ้านให้พี่นิชาเองก็ได้ นุดาเต็มใจ” คนเป็นน้องเข้าข้างพี่สาวอีกตามเคย คนเป็นแม่ถอนหายใจอีกครั้ง แต่ก็ดีใจที่พี่น้องรักกัน “นุดาไปเก็บของก่อนนะแม่”

พรพรรณพยักหน้ารับรู้ ก่อนเดินไปนั่งหน้าบ้านสูดอากาศเพื่อผ่อนคลายอารมณ์สำหรับพรรณพิไล นางไม่เป็นห่วงเท่าพรรณพิลาศ ที่นิสัยต่างกับราวกับฟ้าแลเหว อีกคนเรียบร้อยเกินไป ใครเห็นใครรักและเมตตา อีกคนก็แก่นแก้วเกินพอดี มีแต่คนไม่อยากเข้าใกล้ ยิ่งเป็นผู้ชายยิ่งไม่ชายตาแล มองข้ามไปสนใจพรรณพิไลที่มีความสวยมากกว่ากันแทบทุกคน นางถึงได้เป็นห่วงพรรณพิลาศมากที่สุด กลัวว่าจะห้อยตัวอยู่บนคาน

นางหวังว่าจะมีผู้ชายสักคนที่ไม่สนใจความสวยความงามบนใบหน้า มองความดีที่มีอยู่บ้างในตัวพรรณพิลาศ และรักลูกสาวคนนี้ของนางจนหมดใจ

หวังว่าผู้ชายคนนั้นมีอยู่จริง...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel