ตอน "วันชื่นคืนสุข" 2
ในเวลาตอนเช้าตรู่ทุกคนต่างพากันเดินขวักไขว่อย่างรีบเร่งไม่ว่าจะเสียงแตรรถ เสียงผู้คนตามริมฟุตปาทแม้แต่บนท้องถนนยังมีชายร่างโตนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์คาวาซากิคันโตคู่ใจจอดติดไฟแดงมีเมียสาวแสนสวยนั่งซ้อนท้ายเป็นกิจวัตรประจำวันแบบนี้ทุกเช้า
“บอกไม่ฟังเลยนะเรา พี่บอกให้พักอยู่ที่บ้านก็ไม่ยอม” อัครเดชเอียงหน้าที่ยังสวมหมวกกันน็อกมาดุเมียหัวรั้น
“นุชไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” คนตัวบางนั่งเบี่ยงซ้อนท้ายรถสามีซบใบหน้าอันซีดเซียวแนบลงบนแผ่นหลังอันแข็งแกร่ง นุสบายิ้มทั้งที่ยังหน่วงหนักอึ้งที่กลางกระหม่อมให้แผ่นหลังของสามี ‘ทำไมช่างอบอุ่นเหลือเกิน’
“รั้นที่สุดนะเรา” ร่างโตยืดตัวตรงยกแขนขึ้นกอดอก เขาอยากจะแกล้งเมียอายุยังน้อยเลยเอนหลังหยอกล้อคนตัวบางด้วยการเสียดสีแผ่นหลังให้โดนอกอิ่มของหญิงสาวแล้วปล่อยมือจากการกอดอกแล้วยื่นมาลูบไล้จับปลายกระโปรงตัวสวยดึงคลุมเข่าให้เมื่อสายตาดวงเข้มเหลือบไปเห็นแววตาของคนข้างๆ ที่เป็นเพื่อนบนท้องถนนคอยแต่มองช่วงขาเนียนของเมีย
“พี่เดชบ้าไปได้แล้วค่ะไฟเขียวแล้ว” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อซ่อนอยู่ในหมวกกันน็อก นุสบาดันหลังของสามีออกไปข้างหน้าแล้วทุบลงไปบนแผ่นหลังหนาสองที ‘บ้าที่สุดไม่ยอมหยุดหื่นแม้กระทั้งบนท้องถนน’
“กอดพี่แน่นๆนะครับ” เขาหัวเราะร่วนชอบใจที่ทำให้เมียสวยวัยยี่สิบหกปีมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแค่นี่ก็พอเพียงแล้วสำหรับเขา ทุกเช้าขอให้มีร่างน้อยนั่งซ้อนท้ายอยู่ข้างหลังแบบนี้ก็สุขใจความสุขเหลือเกิน จะทุกข์จะลำบากแค่ไหนก็พร้อมที่จะทำสิ่งที่ดีและสู้อดทนสร้างทุกอย่างเพื่อเธอ
อัครเดชรั้งแขนสลวยของหญิงสาวเข้ามากอดเอวสอบแล้วเร่งเครื่องมือที่ห่อหุ้มด้วยถุงมือหนังสีดำบิดแฮนด์ออกตัวรถขับมุ่งหน้าไปส่งเมียที่ทำงานของหญิงสาวและชะลอจอดตรงหน้าโรงพยาบาล
“นุชถึงแล้วครับ” จอดรถสนิทแต่เมียไม่ยอมลงจากรถ เขาเอียงหน้ามองข้างสะกิดให้เมียรู้สึกตัว
“ค..คะ” นั่งกอดเอวของสามีแน่นใบหน้าก็ยังซบอยู่บนแผ่นหลัง นุสบาสะลึมสะลือขยับตัวผลักใบหน้าออกจากหลังหนาแล้วพยุงตัวลงจากรถยืนเซเล็กน้อยใช้มือเกาะหัวไหล่ของชายหนุ่มไว้ ‘นี่เธอเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน’
“กลับบ้านนะครับ” คนตัวหนายังนั่งคร่อมรถเอียงตัวมาหาเมีย เขาช่วยหญิงสาวถอดหมวกกันน็อคให้แล้วเอาไปวางไว้บนถังน้ำมันตรงหน้า
“ไม่ค่ะ” ร่างบางยืนก้มหน้ามองมือที่จับปรับเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เข้าทรงแล้วเงยมองหน้าสามีพร้อมทั้งส่งยิ้มให้
“ทำไมเมียพี่ดูไม่ดีเลยครับ ไปพี่จะพาไปตรวจ” มือเรียวยาวยื่นเข้าไปสัมผัสผิวพวงแก้มอันขาวซีดพร้อมทั้งลุกยืนแล้วจะยกขาออกจากรถแต่ก็ต้องนั่งลงที่เดิมเมื่อมีมือเรียวสวยกดให้นั่งลงที่เดิม
“นุชไม่ได้เป็นอะไรค่ะ..”
“ไม่เป็นอะไรได้ไงดูสิหน้าตาดูไม่ได้เลยซีดเหลืองขนาดนี้แล้วยังว่าไม่เป็นอะไรอีก” ทำท่าทางดุเมียที่คอยแต่จะปฏิเสธ
“พี่เดชหยุดบ่นนุชได้แล้วค่ะ..นุชไม่ได้เป็นอะไรจริงๆค่ะ อากาศคงร้อนน่ะค่ะ” นุสบามองหน้าสามีแล้วทำหน้างอง้ำใส่คนตัวโต
“จะไม่ให้บ่นได้ไง เรานะเชื่อฟังผัวที่ไหนดื้อรั้นเป็นที่หนึ่ง” ดวงหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองท้องฟ้าแล้วก็ต้องยกมือขึ้นป้องแสงตะวันที่ส่องลงมากระทบใบหน้า ‘คิดในใจคงจะจริงอย่างหญิงสาวว่า’
“พี่เดชบ้า!..หยุดพูดคำหยาบแบบนี้ได้แล้วค่ะอายใครต่อใครมั่งสิคะ” กำปั้นน้อยยกขึ้นทุบบนลำแขนแกร่งของสามี
“โอ๊ยย!..พี่เจ็บนะครับ จะอายทำไมครับใครเขาก็พูดกันทั้งนั้นไอ้คำว่าผัวๆ เมียๆ เนี่ย” คนตัวโตแกล้งร้องอุทานบอกว่าเจ็บทั้งที่ไม่ระคายผิวเลยสักนิด เขาเลิกหัวคิ้วหรี่ตามองหน้าเมียที่มีสีสันแดงระเรื่อขึ้นมาบ้างคงเป็นเพราะเธอเขินอาย
“ไม่คุยด้วยละ ไปค่ะไปทำงานได้แล้ว สายแล้วด้วย นี่ค่ะห่อข้าว” ดวงหน้าเปล่งปลั่งแดงอมชมพูยื่นห่อกับข้าวให้สามี
“ไม่รู้จะทำทำไมครับ” อัครเดชก้มมองห่อผ้าแล้วอมยิ้มเล็กน้อย นี่เมียตัวหอมจงใจใช้ถุงผ้าสีชมพูหวานแหววแบบใส่กล่องข้าวให้เขาหรือเปล่านะ
“นุชไม่อยากให้พี่เดชกินอาหารตามข้างถนนนี่คะ..”
“ตั้งแต่นุชทำอาหารให้พี่เอาไปกินที่ทำงานนี่ พี่รู้สึกว่าพุงพี่จะออกนิดๆแล้วนะ” อัครเดชยกถุงผ้าโชว์ให้เมียดูใบหน้าสีเข้มคมสันมีริ้วรอยแห่งความสุข เขาพอใจที่จะกินอาหารฝีมือเจ้าหล่อนไปตลอดชีวิต
“ดีค่ะ จะได้เป็นตาแก่พุงโย้ๆ ไม่มีสาวที่ไหนมองดี..นุชไม่อยากให้ใครมามองสามีของนุชค่ะ” เปรยเสียงอายๆ หล่อนยอมรับว่าสามีของเธอเป็นคนหน้าตาดี หล่อเหลา และเป็นที่ถูกตาต้องใจสาวๆหลายคน
“ที่แท้ก็หึงหวงพี่นี่เอง” ส่งเสียงหัวเราะดังคนหลงตัวเองภูมิใจในความเข้มของตัวเอง เขาเอียงหน้าพร้อมทั้งเหล่ตามองเมียที่เอาแต่ก้มหน้าเขินอาย
“ค่ะ..นุชหวงพี่เดช ไปทำงานห้ามมองสาวที่ไหนนะคะ” เสียงใสไม่กล้าที่จะเปรยออกมาเต็มคำเพราะเธออายคำพูดของตัวเอง
“โอ๊ย..ที่รักพี่จะไปมองใครได้ละครับ รู้ไหมข้างในเนี่ยมันเต้นบอกพี่เสมอว่าพี่รักนุช” มือใหญ่รีบรั้งร่างบางเข้ามากอดโดยไม่อายสายตาของใครต่อใคร
“พี่เดช ปล่อยนุชนะคนมองกันใหญ่แล้ว” ร่างบางดิ้นเล็กน้อยอยู่ในอ้อมกอดของสามี
“พี่รักนุชนะครับรู้ไหม” จับเรียวมือน้อยขึ้นมากุมไว้จรดริมฝีปากลงบนหลังมือนุ่มนิ่มแล้วรั้งให้มาแตะตรงอกข้างซ้าย บอกให้หญิงสาวฟังเสียงเต้นของหัวใจมันเต้นแรงเหมือนเข็มนาฬิกาบอกเวลาช่างเหมือนหัวใจของเขาบอกว่ารักเธอๆ
“นุชก็รักพี่เดชค่ะไปได้แล้ว นุชจะเข้าไปตอกบัตรทำงานสายแล้วด้วย” ร่างบางหันมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาตามท้องถนนอายก็อายรีบดันตัวออกจากอ้อมกอดของสามีแล้วมายืนสำรวจดูความเรียบร้อยของชุดทำงาน
“ตอนเที่ยงพี่จะโทรหานะ” มือใหญ่ยื่นไปแตะริมฝีปากบางของเมีย
“ค่ะ..นุชจะรอคะ” ก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือกลบเกลื่อนความอายสายตาของสามีที่ส่งสายตาเร่าร้อนมองอยู่
“พี่ไปนะ วันนี้จะมารับกลับบ้านนะครับ” คนตัวโตใส่หมวกกันน็อกแล้วหันมาส่งยิ้มให้เมีย
“ค่ะ” ยิ้มให้สามียืนรอดูรถของคนตัวโตขับออกไป เธอโบกมือให้เขายามชายหนุ่มหันมามองก่อนที่จะเร่งเครื่องบิดแฮนด์ขับออกไปอย่างรวดเร็ว…
ทุกอิริยาบถของสองผัวเมียที่คลอเคลียหยอกล้อกันอยู่หน้าโรงพยาบาลอยู่ในสายตาของใครอีกคนที่ยืนอยู่ระเบียงหน้าห้องพักด้านบนชั้นที่สิบห้า เขาส่งแววตามองลงมายังภาพนั้นด้วยหัวใจอันหน่วงอยู่ลึกๆ ถึงจะรู้ว่าเจ้าหล่อนมีสามีแล้วก็ตามแต่หัวใจมันไม่ยอมรักดีที่จะปิดใจให้กับเธอ..อินทัชนายแพทย์ใหญ่วัยสามสิบเจ็ดแอบมีใจรักลูกน้องของตัวเอง เมื่อครั้งหนึ่งเขาออกกลอุบายว่าจ้างหญิงสาวให้มาเป็นพี่เลี้ยงลูกสาวที่เป็นกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็กเพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดหญิงสาวมากขึ้น
“อุ๊ยย!!..น้องนัสมายืนอยู่ตรงนี้นานหรือยังคะ” นุสบายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลโบกมือให้กับสามีที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไซค์ไปไกลแล้ว เธอหันมาจะก้าวเดินแต่ก็เกือบจะชนเข้ากับเด็กหญิงวัยสิบสองปี
“นัสมาดักรอพี่นุชค่ะ” ทุกเช้าเด็กน้อยวีนัสจะออกมายืนดักรอเธอเป็นประจำเพราะความใกล้ชิดของสองสาว เมื่อครั้งหนึ่งหลายปีมาแล้วนุสบาเคยเป็นพี่เลี้ยงหนูน้อยตั้งแต่เจ้าเด็กน้อยตัวแดงๆ แต่พอเด็กน้อยโตได้สิบขวบบิดาก็ส่งไปอยู่อเมริกากับญาติ
“นี่สงสัยยังไม่ได้ทานข้าวเช้าอีกตามเคยละสิ” ก้มมองหน้าเด็กน้อยตัวโต กว่าอายุ มือเรียวงามยื่นเข้าไปสัมผัสผิวพวงแก้มแดงระเรื่อ
“นัสรอทานพร้อมพี่นุชค่ะ” หนูน้อยส่งแววตาแห่งความรักและความคิดถึงมองหญิงสาวตรงหน้า เด็กน้อยคิดเสมอว่าผู้หญิงตรงหน้าคือพี่สาวของเจ้าหล่อนตลอดมาเมื่ออยู่ต่างประเทศ
“ต่อไปไม่ต้องรอพี่นะถ้าหิวก็ทานก่อนเลย” นุสบาส่งยิ้มหวานให้กับเด็กน้อย ดีใจอยู่ลึกๆ ที่ได้เจอเด็กสาวที่เคยเลี้ยงดูมา เธอยื่นมือไปจับเรียวมือมาจูงพากันเดินตรงไปยังโรงอาหารทำแบบนี้มาหลายอาทิตย์ตั้งแต่เด็กวีนัสกลับมาจากต่างประเทศแล้ว
“พี่นุชคะ” วีนัสหยุดเดินพร้อมทั้งรั้งมือของนุสบาไว้แล้วฉีกรอยยิ้มหวานๆให้จนเห็นฟันที่ถูกครอบด้วยเหล็กดัดฟันสีสวย
“คะ” นุสบาหยุดเดินหันตัวมายืนเผชิญหน้ามองเจ้าหนูน้อยวัยน่ารัก
“ไปทานข้าวเช้าข้างบนนะคะ” จูงมือพี่สาวที่มีอายุเท่ามารดาผู้หนีหายไปตั้งแต่เจ้าหนูน้อยเกิดมา
“ทำไมต้องไปทานข้างบนด้วยคะ กับข้าวที่โรงอาหารก็อร่อยนะคะ..”
“พ่ออยากคุยกับพี่นุชค่ะ” หนูน้อยไม่รอให้นุสบาปฏิเสธรีบจูงมือของเธอพาเดินเข้าไปในลิฟท์กดชั้นเลขที่สิบห้าเป็นชั้นสูงสุดและเป็นเขตหวงห้ามเพราะเป็นที่พักของผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้
“คุณหมออยากคุยกับพี่เหรอ น้องนัสรู้ไหมว่าเรื่องอะไร” หันใบหน้าหวานๆมองคนข้างกายที่มีความสูงแค่ติ่งหูของเธอ
“พ่ออยากเจอหน้าพี่นุชมั้งคะ” หนูน้อยเจ้าเล่ห์มีแผนอยากให้หญิงสาวตรงหน้ามาเป็นแม่เลี้ยงออกกลอุบายให้บิดาได้อยู่ใกล้ชิดหญิงสาวมากกว่าเมื่อก่อน
“อยากเจอหน้าแปลกจังทำงานก็เจอกันทุกวัน” เปรยเสียงงึมงำให้ได้ยินเพียงคนเดียว..นุสบาก้าวออกจากลิฟท์เดินตามหลังเด็กน้อยที่จับจูงมือเธอพาเดินเข้าไปในห้องโถงโอ่อ่าใหญ่โตกว่าบ้านเช่าของเธอหลายเท่า
“คุณพ่อขา..นัสมาแล้วค่ะ” เด็กน้อยวีนัสเอ่ยเสียงใสบอกบิดาที่เอาแต่ยืนมองสิ่งแวดล้อมด้านนอกผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่เลือนได้
“หายไปไหนมาตั้งแต่เช้าครับ รู้ไหมว่าพ่อเป็นห่วง” หมอหนุ่มไฟแรงก้าวเดินเข้ามาหาลูกสาวที่ยังยืนกุมมือของหญิงสาวที่เขาต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิด
“นัสไปดักรอพี่นุชให้มาทานข้าวด้วยนะคะ” เด็กน้อยปล่อยมือจากนุสบาแล้วยกขึ้นใช้วงแขนเรียวเล็กโอบกอดรอบเอวสอบของบิดา
“ทำไมจะต้องไปรบกวนพี่นุชด้วยล่ะครับ” เรียวปากหยักกระตุกยิ้มกระซิบเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินกันเพียงพ่อและลูก ดวงตาตี๋เหลือบขึ้นมองใบหน้าของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาแกล้งยกมือเรียวใหญ่สวยคล้ายมือผู้หญิงลูบไล้เส้นผมบนกระหม่อมน้อยของลูกสาวเพื่อกลบความเก้อเขินยามได้สบสายตาของเจ้าหล่อน
“สวัสดีค่ะคุณหมอ เห็นน้องนัสบอกว่าคุณหมอมีธุระจะคุยกับฉัน คุณหมอมีอะไรเหรอคะ?” นุสบายืนนิ่งให้เจ้านายได้สำรวจร่างกาย
“ใช่ครับ ผมมีธุระสำคัญอยากจะคุยกับคุณนุช..”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?..”
“ไปทานอาหารเช้ากันก่อนนะครับ..”
“ฉันเรียบร้อยมาแล้วค่ะ เชิญคุณหมอกับน้องนัสทานได้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะนั่งรอที่นี่เพื่อคุยธุระก็ได้ค่ะ..”
“ไม่เอาค่ะ นัสอยากให้พี่นุชทานด้วย ไปนะคะ” เด็กสาวหันมองหน้านุสบาแล้วเข้าไปยืนใกล้ๆ พร้อมทั้งจับมือเรียวสวยมากุมไว้
“แต่พี่..”
“ทานเป็นเพื่อนนัสนะคะ” วีนัสฉุดรั้งมือของนุสบาให้เดินตามไปยังห้องทานอาหารที่อยู่ด้านในอีกมุมหนึ่งของห้องพัก นุสบาได้แต่ยืนมองหน้าชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านาย
“เชิญนั่งครับ” อินทัชที่เดินนำหน้าเขาเลื่อนเก้าอี้ให้ลูกสาวนั่งแล้วหันมาส่งรอยยิ้มให้กับเธอพร้อมทั้งเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งติดกับลูกสาวคนเดียว
“ขะ..ขอบคุณค่ะ” นุสบายกมือไหว้คุณหมอหนุ่มผู้หล่อเหลาไม่แพ้สามีของเธอเลย แตกต่างกันตรงที่ว่าสีผิวเท่านั้นเองอัครเดชจะมีผิวสีแทน ส่วนคุณหมอผิวจะเนียนคล้ายผิวผู้หญิงมากกว่า
“นัสเบื่อมากเลยค่ะอาหารพวกนี้ ทานใส้กรอกขนมปังเนยแยมบ่อยมากตอนอยู่เมืองนอก” หนูน้อยใบหน้างอง้ำบ่นใส่จานอาหารที่มีใส้กรอกและขนมปังปิ้ง เด็กน้อยใช้ซ่อมจิ้มอาหารเล่นไปมา
“นัสอยากทานอะไรละครับ เดี๋ยวพ่อโทรสั่งข้างล่างเอาขึ้นมาให้” อินทัชเงยหน้าจากจานอาหารวางช้อนแล้วมองหน้าลูกสาว
“นัสอยากทานอาหารไทยค่ะอะไรก็ได้ที่เป็นของไทยๆนะคะ” หนูน้อยวางช้อนลงแล้วเอนหลังพักพิงพนักเก้าอี้ ไม่อยากจะมองอาหารในจานเลยหลับตาลง
“น้องนัสทานข้าวไข่เจียวหมูสับไหมคะ เดี๋ยวพี่ลงไปสั่งที่โรงอาหารให้เอาไหมคะ” นุสบาเงยหน้ามองเจ้านายที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก็น่าเห็นใจเด็กสาวตัวน้อยอยู่หรอกกลับมาเมืองไทยทั้งทีก็คงจะอยากทานอะไรที่เป็นไทยๆ นี่ดูสิบนโต๊ะอาหารมีแต่พวกแป้งพวกเนยอาหารเลี่ยนๆ ทั้งนั้น
“ไขเจียวหมูสับเหรอคะ นัสอยากทานค่ะ พี่นุชทำให้นัสทานนะคะ” ลืมตาขึ้นแล้วทำท่าทางตื่นเต้นดีใจ..เจ้าหนูน้อยวัยสิบสองหันไปมองอดีตพี่เลี้ยง
“งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปข้างล่างสั่งโรงอาหารทำให้นะคะ” นุสบาขยับตัวเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้นยืนอย่างนอบน้อมเพราะเธอเกรงใจเจ้านายที่เอาแต่จ้องมองไม่วางสายตา
“ทำที่นี่ก็ได้นะครับ ถือเป็นเกียรติอย่างมากเลยครับถ้าคุณนุชทำอาหารให้พวกผมสองพ่อลูกทาน” เสียงคุณหมอนุ่มทุ้มเอ่ยบอกหญิงสาวแล้วขยับตัวลุกขึ้นยืนตามเจ้าหล่อน
“จริงด้วยค่ะพ่อ ในห้องครัวมีไข่ มีหมู เดี๋ยวนัสช่วยพี่นุชหุงข้าวนะคะ” หนูน้อยวีนัสไม่รอให้หญิงสาวได้พูดอะไรเธอจูงมือนุสบาพาเข้าไปในห้องครัวโดยมีชายหนุ่มร่างโตความสูงและความหนาดูจะบอบบางกว่าอัครเดชสามีของเธออยู่บ้างแต่นั่นใช่ว่าจะทำให้ชายหนุ่มที่เดินตามมาติดๆหมดความหล่อลงเลยสักนิด…
