บทที่ 7 เริ่มต้นเหมันต์ฤดู1
บทที่ 7 เริ่มต้นเหมันต์ฤดู1
ซูเม่ยเมื่อได้สติขึ้นมาก็ทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ก็แทบจะทุบหัวตัวเองสักที ตอนหลอมรวมดวงจิตใหม่ๆและรับรู้ความทรงจำของจ้าวซูเม่ย ดันมีเรื่องมากมายให้สะสางจนลืมเรื่องสำคัญ อย่างการกิน ‘ยาห้ามครรภ์’ เสียสนิท เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก็ดันลืมสำรวจตนเองว่า ประจำเดือนขาดมาสองสามเดือนแล้ว จนตอนนี้นางตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ 3 แล้ว
ซูเม่ยนั่งเหม่อมองตรงหน้าต่างห้องริมสระบัวที่เรือนเหลียนฮวามานานนับชั่วยาม จนทุกคนที่เฝ้ามองต่างเป็นกังวล กลัวว่าคุณหนูใหญ่ของจวนที่ตั้งครรภ์โดยไร้บิดาของบุตรจะเสียใจจนคิดสั้น หารู้ไม่ว่าในหัวเล็กๆนั้น หาได้สนใจเรื่องนี้ไม่
‘ลูกของข้า คลอดออกมาข้าย่อมเลี้ยงดูเขาเองได้ บิดาหรือ ไม่มีเสียก็ดี”
แต่ที่นางนั่งเหม่ออยู่นานสองนาน เพราะกำลังวางแผนจัดระเบียบในหมู่บ้านเฟยซาน ที่เริ่มก่อสร้างไปแล้วบางส่วน แม้อาจจะเสร็จไม่ทันก่อนหน้าหนาวนี้ก็ตาม
“ชิงชิง ไปหยิบสมุดกระดาษขาวกับดินสอมาให้ข้าที” ชิงชิงหรือมู่หว่านชิงสาวใช้ประจำตัวของซูเม่ย เมื่อเห็นคุณหนูของนางขยับกายสั่งงาน ก็กุลีกุจอรับใช้ทันที
เมื่อได้ของที่สั่งซูเม่ยก็เริ่มวางแผนการทันที มือเล็กนั่งขีดๆเขียนๆ อยู่ที่เดิม แม้ว่าชิงชิงจะเตือนเรื่องสำรับมื้อเที่ยงก็ไม่ขยับ จนเดือดร้อนเหล่าคุณหนูทั้งหลาย
“พี่ใหญ่ เจียวเอ๋อเอาสำรับมื้อเที่ยงมาให้เจ้าค่ะ” ซูเจียวเมื่อวางถาดสำรับลงบนโต๊ะก็ปรี่เข้าไปหาพี่สาวที่นั่งจดจ่อกับบางอย่างในมือ
“เฟยเฟยก็ช่วยยกมาด้วยเจ้าค่ะ” หลินเฟยก็ไม่ยอมน้อยหน้าพี่สาม ยกถาดของหวานมาเช่นกัน ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กไปกอดแขนพี่สาว แก้มกลมแนบและถูไปมาอย่างออดอ้อน
ซูเม่ยเมื่อเห็นน้องสาวทั้งสองมาคลอเคลียใกล้ๆ พร้อมส่งเสียงแจ้วๆก็รู้สึกตัว หลุดจากภวังค์ความคิดทันที หันไปมองแสงด้านนอกก็พบว่าเลยยามอู่(11.00-13.00) มาแล้ว
“อ่า พี่นั่งทำงานเพลินจนลืมเวลารับสำรับเสียแล้ว ต้องขอบใจน้องสาวแสนน่ารักทั้งสองของพี่แล้ว” ซูเม่ยจิ้มจมูกเล็กๆของน้องสาวทั้งสองที่กอดแขนซ้ายขวาของนาง ก่อนจะมองเลยไปยังสำรับบนโต๊ะน้ำชากลางห้อง
“พี่ใหญ่ มารับสำรับก่อนเจ้าค่ะเจ้าตัวเล็กคงจะหิวแล้ว” ซูเจียวกระตุกแขนพี่สาวเบาๆ ก่อนจะลากไปนั่งที่โต๊ะน้ำชากลางห้อง
ซูเม่ยชะงักเล็กน้อยเมื่อน้องสาวพูดถึงเด็กที่อยู่ในท้องของนาง มือบางยกขึ้นลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบเบาๆ ก่อนจะยกยิ้มให้น้องสาวที่ชะงักตามพี่สาวไปด้วย
สีหน้าเด็กสาวคล้ายซีดไปถนัดตา เพราะเกรงว่าจะสะกิดบาดแผลในใจของพี่สาวเข้า แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจากพี่สาวก็คลายกังวลลง
“เฟยเฟย ตักอันนี้ให้เจ้าค่ะ มะกี้เฟยเฟยทานแล้วอร่อยมาก” หลินเฟยเมื่อเห็นพี่ใหญ่นั่งลงก็ตักกับข้าวให้อย่างเอาใจ
“พี่ใหญ่จะทานให้หมดเลยดีมั้ย” ซูเม่ยกินอาหารที่น้องเล็กตักให้อย่างเอาใจ
“ดีเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ต้องทานเยอะๆ เพราะพี่รองกับพี่สามบอกว่า ในท้องของพี่ใหญ่มีน้องที่ตัวเล็กกว่าเฟยเฟยอยู่ เฟยเฟยจะขุนน้องให้โตจะได้ออกมาเป็นเพื่อนเล่นของเฟยเฟยได้” ซูเม่ยได้ฟังปากเล็กที่ช่างเจรจาก็หัวเราะออกมาทันที ส่วนซูเจียวก็คอยสังเกตพี่สาว เมื่อเห็นว่าพี่สาวไม่มีอาการเศร้าเสียใจก็รู้สึกเหมือนยกขุนเขาออกจากอก
ซูเหวินที่แอบเฝ้ามองอยู่ไกลๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพี่สาวก็ถอนหายใจออกมา สำหรับเขาแล้วแม้พี่สาวจะเป็นเช่นไรเขาก็รับได้ทั้งนั้นเพราะพี่ใหญ่เสียสละเพื่อเขากับน้องสาวมามากมายเหลือเกิน
หลังจากทานอาหารเสร็จซูเม่ยที่ยังรู้สึกอ่อนเพลียจากอาการตั้งครรภ์ระยะแรกก็เอนหลังพักผ่อน โดยมีชิงชิงที่นั่งเฝ้าข้างเตียงไม่ห่าง หญิงสาวหลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงหลับใหลทันทีที่แผ่นหลังบางสัมผัสที่นอน แต่นอกจากอาการอ่อนเพลียและง่วงนอน นางก็ไม่มีอาการแพ้ท้องอันใดอื่นอีก
1 ชั่วยามผ่านไป ซูเม่ยตื่นขึ้นมาพร้อมความกระฉับกระเฉงจึงเดินออกไปยังโรงครัวดูเนื้อรมควันที่ทำไว้หลายวันแล้ว ร่างบางของหญิงสาวเดินตัวปลิวจนชิงชิงที่โดนกำชับที่ติดตามคุณหนูใหญ่ทุกฝีก้าวถึงกับต้องวิ่งตาม
“ท่านป้าสวีเจ้าค่ะ เนื้อรมควันเป็นเช่นไรบ้าง” ซูเม่ยที่เดินถึงโรงครัว เมื่อเห็นป้าสวีอยู่พอดี ก็สอบถามเรื่องเนื้อรมควันทันที
“คุณหนูใหญ่!!! มาที่โรงครัวทำไมเจ้าคะ ตั้งครรถ์ระยะแรก.....” แม่ครัวสวีร่ายยาวเรื่องการดูแลสตรีตั้งครรภ์จนสุดท้ายซูเม่ยต้องตัดใจยอมแพ้เดินกลับเรือนด้วยการประคองของชิงชิง
ส่วนเนื้อรมควันสวีเจียวลู่ก็ตัดเนื้อบางส่วนใส่ถาดมาให้คุณหนูใหญ่ดูถึงเรือน ซึ่งบางส่วนก็แห้งได้ที่แล้วสามารถเก็บเข้าคลังเสบียงใต้ดินได้เลย บางส่วนที่เป็นเนื้อหมู่ป่าตัวใหญ่ต้องรมควันต่ออีกสองสามวันจึงจะพอดี
