บทที่ 6 ขุมทรัพย์บนเขาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าตกใจ2
บทที่ 6 ขุมทรัพย์บนเขาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าตกใจ2
“คุณหนูใหญ่...นั่นมัน.. มัน ใช่ ใช่มั้ยขอรับ” หูอันฉีเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏในสายตาก็ถึงกับเสียอาการจนพูดไม่ออก
“ข้าว่าใช่นะ..อาฉี” ชายวัยเดียวกับหูอันฉีกล่าวขึ้น ซึ่งชายผู้นี้คือเพื่อนคนสนิทของเขานั่นเอง ชื่อว่าหูฮุ่ยซิ่ว
“เป็นอย่างที่ท่านลุงอันฉีและท่านลุงฮุ่ยซิ่วคิดเจ้าค่ะ มันคือเห็ดหลินจือจริงๆ” ซูเม่ยเมื่อพินิจพิจารณาลักษณะดอกแล้วก็ยืนยันทันที
“เห็ดหลินจือ!!!!” ทุกคนต่างตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน
“ตำลึงทองในคลังน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหน่อยแล้วเจ้าค่ะ คิคิ” ซูเม่ยเดินโฉบไปชมดอกเห็ดดอกโน้นดอกนี้ด้วยท่าทีมีความสุข ดั่งเห็นทองคำ
กว่าทุกคนจะหลุดจากอาการสติหลุด ซูเม่ยก็นั่งลงค่อยๆบรรจงเก็บเห็ดหลินจืออย่างระมัดระวัง ดอกแล้วดอกเล่าจนเต็มกระบุง แต่ก็ยังไม่ถึงครึ่งของเห็ดที่มี
“ทุกคนเก็บเฉพาะดอกใหญ่ๆนะเจ้าคะ ดอกเล็กๆให้มันโตก่อน เราค่อยเข้ามาเก็บอีกเรื่อยๆ” ซูเม่ยที่เกรงว่ามันจะสูญพันธ์หากเก็บจนหมดก็เลยเอ่ยบอกทุกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บอย่างตั้งใจ ภายภาคหน้านางจะลองปลูกมันดู
เก็บแล้วเสร็จก็ได้เห็ดหลินจือทั้งสิ้น 5 กระบุง และแต่ละดอกก็มีความสมบูรณ์มาก ใหญ่สุดก็ราวสองฝ่ามือบุรุษตัวโตๆเลยทีเดียว
หลังจากทุกคนนั่งพักไม่นานก็ออกเดินทางอีกครั้ง ครานี้เป็นการมุ่งหาแหล่งน้ำจำพวกลำธารน้ำตก เนื่องเข้ากลางยามซื่อ(10.00 น.) แล้ว หากได้นั่งพักริมน้ำตกคงดี ตรงบริเวณนี้มีความชื้นมากใกล้ๆต้องมีแหล่งน้ำเป็นแน่
ซ่า ซ่า ซ่า เสียงน้ำกระทบโขดหินดังแว่วๆมาจากไกลๆ ทำให้ทุกคนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น จนในที่สุดก็พบสิ่งที่ตามหาเสียที
น้ำตกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ น้ำใสสะอาดปรากฏในสายตาทุกคน ความเย็นสดชื่น ทำให้กายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
“ปลายยามซื่อ(11.00 น.) แล้ว พักเที่ยงกันตรงนี้เถิดเจ้าค่ะ”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพักเที่ยง ซูเม่ยก็แวบเข้ามิตินำเห็ดหลินจือดอกหนึ่งทดลองนำเชื้อของมันมาเพาะปลูก เชื้อจากเห็ดหนึ่งดอก ทำให้นางเพาะเห็ดได้มากมายหลายร้อยถุง หลังจากนำเชื้อเห็ดเพาะเรียบร้อยนางก็นำวารีมรกตรดให้กับเห็ดเหล่านั้น
“แค่รอเวลาแล้ว” เมื่อเสร็จเรียบร้อย นางก็ออกจากมิติทันที
ซูเม่ยที่ออกจากมิติ ซึ่งนอกมิติผ่านไปแค่ไม่ถึงเค่อด้วยซ้ำ ทำให้ตอนนี้ทุกคนยังคงนั่งทานอาหารของตัวเองอยู่ นางจึงออกสำรวจบริเวณน้ำตก เผื่อมีสิ่งใดให้เก็บเกี่ยว นางกระโดดบนก้อนหินเพื่อไต่ขึ้นสู่จุดเหนือสุดของน้ำตกแห่งนี้ เพราะอยากมองรอบๆในมุมที่กว้างขึ้น
เมื่อถึงด้านบน นางกลับพบปล่องขนาดใหญ่ มองลงไปเป็นโถงถ้ำที่พอจะมีแสงรำไร เห็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก รอบๆบริเวณมีพืชสีเขียวๆปกคลุม
“ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสมุนไพร แต่ปล่องนี้สูงยิ่งนักหากกระโดดลงไปน่าจะไม่ไหว” ปล่องนี้ห่างจากทางน้ำตกไม่มาก ด้านล่างอาจจะพอมีทางเข้า ต้องลงไปดูแถวม่านน้ำตกเสียแล้ว
ซูเม่ยกลับมาบริเวณด้านล่างอีกครั้งก็พบว่าทุกคนทานอาหารเสร็จแล้ว กำลังนั่งพักเอนหลังกันคนละมุม บ้างก็จับกลุ่มคุยกัน โดยเฉพาะท่านลุงอันฉีที่กำลังนั่งคุยกับท่านลุงฮุ่ยซิ่วและท่านลุงฮุ่ยหมิ่น ซึ่งต่างเป็นเพื่อนแซ่หูทั้งสิ้น
นางคลุกคลีกับทหารมาก็มาก ท่านลุงเหล่านี้มีกลิ่นอายทหารเข้มข้น ท่านลุงฮุ่ยซิ่วและท่านลุงฮุ่ยหมิ่น คล้ายสนิทสนมกับท่านลุงอันฉี แต่ก็เหมือนมีเส้นของความเกรงอกเกรงใจบางๆ หากให้นางเดาน่าจะเป็นแบบลูกน้องคนสนิทเสียมากกว่า
‘อ่า ชักไปไกลแล้ว’ ซูเม่ยสะบัดหัวไล่ความคิดที่แทรกเข้ามาออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปหาเหล่าท่านลุงทั้งหลาย
“ท่านลุงเจ้าคะ ข้าพบปล่องด้านบนน้ำตกคาดว่าหลังน้ำตกนี้น่าจะมีโถงถ้ำ ลองไปสำรวจหน่อยมั้ยเจ้าคะ อาจจะพบของดี” ท่านลุงทั้งหลายที่เห็นซูเม่ยเดินเข้ามาก็หยุดพูดคุยทันที เมื่อฟังสิ่งที่เด็กสาวพูดก็สนใจถ้ำที่ว่านั้นขึ้นมา
“คนที่ยังมีกระบุงเปล่ามาทางนี้ ส่วนคนที่เหลือเฝ้าของอยู่ที่นี่” หูฮุ่ยหมิ่นหันไปสั่งการลูกน้องที่ตามมา เพราะคนทั้งหมดที่ตามมาล้วนเป็นคนของพวกเขาทั้งสิ้น
“ขอรับ/ขอรับ” ทั้งหมด 7 คนขานรับพร้อมกันอย่างเข้าใจ ก่อนจะแยกย้ายกันตามคำสั่งทันที
ซูเม่ยนำหน้าทุกคนกระโดดโผทะยานไปยังก้อนหินก้อนนั้นทีก้อนโน้นที จนมาหยุดที่ม่านน้ำตก ก่อนจะมองลอดผ่านน้ำตกไปว่าเป็นปากทางเข้าถ้ำหรือไม่ เมื่อมองจนแน่ชัด นางกระกระโดดผ่านม่านน้ำตกเข้าไปทันที ทุกคนผลุบหายเข้าไปหลังม่านน้ำตก ก่อนจะตกตะลึงกับโถงถ้ำที่เห็นตรงหน้า
ผนังถ้ำระยิบระยับด้วยแสงจากปล่องด้านบนที่ตกกระทบกับน้ำ ทำให้โถงถ้ำนี้ดูงดงามจนคล้ายกับหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่ง แสงรำไรที่ลอดเข้ามาพอจะทำให้เห็นสมุนไพรที่อัดแน่นเต็มโถงถ้ำ
“โสมคน โสมคน และโสมคน” ซูเม่ยนั่งลงช้อนมือใต้ใบสมุนไพรและพิจารณาดอกสีแดงที่ชูช่อ ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆแต่ผู้ฝึกยุทธ์ย่อมได้ยินชัดเจน
