บทที่ 5 บ้านใหม่กับการเตรียมเสบียง3
บทที่ 5 บ้านใหม่กับการเตรียมเสบียง3
เมื่อส่วนผสมเย็น ซูเม่ยก็นำไข่ไปคลุกส่วนผสมจนทั่วใส่ไหและมัดปิดปากไว้ กว่าจะได้กินก็ถึงหน้าหนาวพอดี เพราะไข่เยี่ยวม้าต้องใช้เวลาในการหมักถึงหนึ่งเดือน
ปลายยามโหย่วแล้ว (19.00) ห้องทำงานของเรือนเหลียนฮวายังคงสว่างไสว เสียงปรึกษาแผ่วเบายังคงดังเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย
“ท่านลุงอันฉี วันพรุ่งเพื่อนๆของท่านลุงจะเดินทางมาถึงยามใดเจ้าคะ”
“คงจะไม่เกินยามซื่อ(9.00-11.00) ขอรับ บางคนอาจจะมีครอบครัวตามมาด้วย ทั้งหมดน่าจะเกือบ 100 คน” หูอันฉีกล่าวรายงาน
“เยอะถึงเพียงนั้นเลยหรือพี่ฉี” กัวเหวินชางตาโตขึ้นด้วยความตกใจ เจ้าของชื่อที่ถูกถามได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ
‘อันที่จริงมีมากกว่านั้นเสียอีก นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น หึหึ’ หูอันฉีคิดในใจ
“คนที่มีครอบครัวท่านลุงอันฉีก็ให้นายช่างหวังสร้างเรือนเล็กๆ ใกล้กับอาคารที่พักคนงานได้เลย” ซูเม่ยเมื่อทราบว่ามีบางคนมีครอบครัวก็นึกถึงที่พักตามรีสอร์ตเป็นหลังๆทันที ต่อไปคงต้องซื้อที่ดินเพิ่มและสร้างเป็นหมู่บ้านไปเลย
“....” หูอันฉีพยักหน้าอย่างเข้าใจ และดีใจแทนเพื่อนๆที่กำลังเดินทางมาถึง ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างระหกระเหินเร่ร่อนกันคนละทิศละทางปกปิดตัวตนเร้นกายอยู่อย่างยากลำบาก ครานี้คงจะสบายขึ้นเสียที
“สวนผลไม้ตอนนี้ได้ผลดียิ่งนัก ผิงกั่ว จวี๋จือ เถาจื่อ คงราว 6 เดือนจะเริ่มเก็บเกี่ยว ส่วนซีกวา ผูเถา เฉ่าเหมย หน้าหนาวนี้ก็เก็บเกี่ยวได้แล้วขอรับ” เจียงลู่คงที่เป็นหัวหน้าสวนผลไม้รายงานความคืบหน้าของหน้าที่ตนเอง
“แปลงนาอีกราว 2 สัปดาห์ก็เก็บเกี่ยวได้แล้วขอรับ ข้าวพันธุ์นี้ได้ผลผลิตรวดเร็วยิ่งนัก ปกติกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ต้องรอราว 4 เดือนทีเดียว” กัวเหวินชางก็ไม่น้อยหน้ากล่าวรายงานผลงานของตนปนตั้งข้อสังเกตเล็กน้อย
‘อ่า ไม่เร็วได้อย่างไร วารีมรกตของนางเร่งแล้วเร่งอีกเช่นนี้’ ซูเม่ยคิดในใจ
“ส่วนโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ทั้งไก่และเป็ดอย่างละ 150 ตัวออกไข่รอบแรกแล้ว ปลาก็โตพอจะนำมาทำอาหารได้ หมู 60 ตัวอาจจะต้องรออีกสองสามเดือนขอรับ” เจียงลู่คงเมื่อเห็นคุณหนูยังไม่กล่าวแสดงความเห็นอันใดก็รายงานต่อทันที
“คุณหนูใหญ่ขอรับโรงเรือนสัตว์ของเราจะทนหน้าหนาวได้หรือขอรับ” หูอันฉีที่นั่งฟังอย่างตั้งใจกล่าวเสริมขึ้น เพราะสัตว์พวกนี้มักเปราะบางอ่อนแอ หากหนาวยาวนานเช่นที่คุณหนูกังวล พวกมันอาจจะไม่รอด
ซูเม่ยได้ฟังคำถามนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อย โลกโน้นของนางพวกโรงเรือนมักจะเป็นแบบปิด ถ้าหากดัดแปลงมาใช้กับที่นี่คงจะได้ผลเช่นกัน
“วันพรุ่งข้าจะลองออกไปหาของบางอย่างที่ท่าเรือ หากโชคดีเราจะได้นำมาดัดแปลงโรงเรือนให้ทนรับหน้าหนาวนี้ได้” เมืองหยางเป็นเมืองท่าที่มักจะมีชาวต่างแดนมาขายของนางจะลองหาผ้าใบดู หากไม่มีจริงๆค่อยหาข้ออ้างนำออกมาจากในมิติ
ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“สวนผักช่วงนี้หนักหน่อยขอรับ อาจจะต้องหาคนงานเพิ่ม เพราะผักเก็บเกี่ยวได้เร็ว ทั้งผลผลิตที่ได้ก็ต้นใหญ่อวบอ้วนทั้งนั้น และยังต้องปลูกต่อเรื่อยๆ คนงานที่มีอยู่งานล้นมือเสียแล้ว” กัวเหวินชางเริ่มหนักใจกับปัญหาคนงาน กับงานที่ไม่สอดคล้องกัน สวนผักจะว่าง่ายก็ง่าย แต่เนื่องจากผักค่อนข้างโตเร็วจนน่าประหลาดทำให้แผนที่วางไว้อาจจะต้องปรับเปลี่ยน กว่าจะถึงหน้าหนาวผักคงได้ราว 4 รอบ แทนที่จะเป็น 3 รอบที่วางไว้ตอนแรก
“ท่านอาชางจัดคนงานเพิ่มตามสมควรได้เลย หากจะให้ดีสร้างโรงเรือนตามแบบนี้เพิ่มสัก 10 หลัง ข้าจะทดลองปลูกผักในฤดูหนาว เตรียมต้นกล้าซีหงซื่อ (มะเขือเทศ) ไป๋ช่าย(ผักขาดขาว) คงชินช่าย(ผักบุ้ง) ชิงช่าย(กวางตุ้ง) ไว้ให้มากเสียหน่อย หน้าหนาวนี้จวนตระกูลตวนมู่จะได้มีผักสดกินในหน้าหนาวกัน” ซูเม่ยพูดพร้อมกับยื่นกระดาษออกแบบโรงเรือนที่มีระบบเปิดปิดหลังคาได้ให้กับกัวเหวินชาง
บุรุษวัยกลางคนทั้งสามต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่มีคำว่า ‘ปลูกผักหน้าหนาว’ วนเวียนอยู่ในหัว รับแบบโรงเรือนมาก่อนจะพากันรุมจ้องจนกระดาษแบบทะลุ พร้อมกับจินตนาการภาพตามแบบ ก่อนจะพอนึกผลได้ลางๆ ว่าวิธีการเช่นนี้น่าจะพอมีความเป็นไปได้
“ท่านลุงอันฉีเนินสูงติดริมน้ำตรงท้ายไร่เป็นไปได้หรือไม่ถ้าจะเลี้ยงม้าสัก 100 ตัว” ซูเม่ยถามขึ้นทำให้บุรุษทั้งหลายหลุดจากภวังค์สวนผัก
“ย่อมได้ขอรับคุณหนูใหญ่ ที่ตรงนั้นกว้างขวางอาจจะพอเลี้ยงได้ถึง 500 ตัวด้วยซ้ำ” หูอันฉีพอคุณหนูพูดถึงม้าเขาก็ตาใสระริกอย่างตื่นเต้นขึ้นมาทันที อาชาพ่วงพีฝีเท้าว่องไวแข็งแรงไหนเลยจะสู้ม้าศึกเหงื่อโลหิต ม้าที่ฉลาดและซื่อสัตย์ที่สุด
“ต้องรบกวนท่านลุงอันฉีแล้ว หาผู้เชี่ยวชาญกับหมอมาประจำที่โรงเลี้ยงม้าด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้ขอรับคุณหนู” หูอันฉีระงับความตื่นเต้น ก่อนจะตอบรับทันที
“หน้าหนาวใกล้เข้ามาแล้ว ข้าวของเราแม้จะเก็บเกี่ยวได้หลายหมื่นชั่ง แต่ไม่ควรชะล่าใจ ตระกูลเราต้องเลี้ยงคนจำนวนมาก กระจายคนของเราออกไปเมืองใกล้เคียงกว้านซื้อข้าว แป้ง ธัญพืชมาให้มากเสียหน่อย โดยเฉพาะข้าวโพด”
“ข้าวโพดที่เรามีก็มากพอสำหรับสัตว์แล้วนะขอรับ” เจียงลู่คงทักท้วงขึ้น เพราะก่อนหน้าเขาได้ไปรับซื้อข้าวโพดจากหมู่บ้านหนึ่งมาเตรียมไว้สำหรับทำอาหารสัตว์แล้ว ซึ่งเพียงพอแน่นอน
“ข้าวโพดนอกจากสัตว์แล้วคนก็กินได้ แล้วยังเป็นแหล่งพลังงานที่ดีทำให้ร่างกายอบอุ่นอีกด้วยซื้อมาเก็บไว้ย่อมมีประโยชน์ วันพรุ่งนี้ก็เอามาสักสองสามตะกร้าเถิด ข้าจะทำอาหารให้ลองกินกันดู” ซูเม่ยที่มีความรู้เรื่องอาหารอัดอยู่เต็มหัวก็อธิบายให้ท่านลุงท่านอาเข้าใจทันที ทอดมันข้าวโพด ซุปข้าวโพด ไหนจะของกินเล่นอย่างข้าวโพดคั่วราดน้ำผึ้ง และยังมีของคาวหวานอีกหลายชนิดที่ทำจากแป้งข้าวโพด
“....” บุรุษทั้งสามฟังอย่างตั้งใจทั้งยังชื่นชมในความรอบรู้ของคุณหนู เพราะเรื่องปากท้องย่อมสำคัญในหน้าหนาวนี้เป็นอย่างมาก ยิ่งมีมากยิ่งอุ่นใจ
“อีก 7 วันข้างหน้าข้าจะขึ้นเขาอินซานเตรียมคนของเราไปสัก 10 คน เราจะไปหาเสบียงเพิ่มกัน”
“ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ”
ปลายสารทฤดู สายลมแผ่วเบาใบไม้ปลิดปลิวใบแล้วใบเล่าเป็นภาพที่งดงามในสายตาของคนมีเงิน เศรษฐี คหบดี แต่กลับกลายเป็นสัญญาณของช่วงชีวิตที่ทุกข์ทรมานสำหรับคนยากไร้ ชนชั้นเกษตรกร เหมันต์ฤดูกำลังมาเยือนในไม่ช้า แต่ละเมืองเริ่มติดประกาศเตือนประชาชนเกี่ยวกับวิกฤตภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น หน้าหนาวที่ยาวนานกว่าทุกปี และอาจจะมีพายุหิมะตามมา
ซูเม่ยก็เตรียมความพร้อมสำหรับครอบครัวของนางเช่นกัน
