บทที่ 5 บ้านใหม่กับการเตรียมเสบียง2
บทที่ 5 บ้านใหม่กับการเตรียมเสบียง2
อีกแค่ราว 1 เดือนก็จะถึงหน้าหนาว ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงเป็นอย่างมาก จนซูเม่ยต้องหาชุดเสื้อผ้าสำหรับหน้าหนาวมาสวมใส่ให้ตัวเองและน้องแฝดชายหญิง ช่วงนี้นางมักจะมีอาการเวียนหัวบ่อยๆ ต้องลมเย็นเข้าไปก็มีไข้ต่ำๆ จนโดนน้องกักตัวไว้แต่ในจวนแล้ว
“จวนเราสวยงามมากเลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่ แล้วก็ใหญ่มากจนน้องเดินทั้งวันยังไม่ทั่วเลย” ซูเจียวที่กำลังเฝ้าพี่สาวพร้อมกับสอนน้องเล็กเฟยเฟยคัดตัวอักษรพูดขึ้น
“แล้วน้องสามชอบหรือไม่” ซูเม่ยที่กำลังเอนกายอยู่บนตั่งริมหน้าต่างชมวิวสระบัวของเรือนเหลียนฮวากล่าวขึ้น โดยมีสาวใช้วัยราว 14 หนาวบีบนวดไม่ห่าง
“ชอบเจ้าค่ะ เรือนหลันฮวาถูกใจน้องยิ่งนัก ส่วนพี่รองคงไม่ต้องพูดถึงป่านนี้ยังเฝ้าลานฝึกวรยุทธ์หน้าเรือนจู๋จื่ออยู่เลยเจ้าค่ะ” ซูเจียวกล่าวขึ้นอย่างขบขัน
“เฟยเฟยก็ชอบเรือนจวี๋ฮวามากๆเลยเจ้าค่ะ” หลินเฟยก็ไม่ยอมน้อยหน้าเงยหน้าจากโต๊ะเขียนหนังสือยิ้มประจบพี่ใหญ่ทันที จนได้รับรอยหยิกแก้มเล็กๆจากพี่สามไปหนึ่งที หัวเล็กของน้องสาวคนสุดท้องก็คลอเคลียแก้มกับมือพี่สาวคนรองทันทีอย่างออดอ้อน
“พี่ใหญ่ดูสิเจ้าคะ เดี๋ยวนี้ช่างออดอ้อนนัก” ซูเจียวบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
ซูเม่ยโบกมือให้สาวใช้ที่กำลังบีบนวดให้ออกไป ก่อนจะเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งตรงๆแทน แขนเรียวขาวผ่องกระจ่างใสเอื้อมมือไปหยิบกาน้ำชาดอกไม้ที่นางทำขึ้นเอง ด้วยดอกไม้นานาชนิดที่มีในมิติซึ่งเป็นสูตรชาตัวหอม ประกอบด้วย เหมยกุ้ย เหลียนฮวา โมลี่ฮวา จีตันฮวา (ลีลาวดี) และไป๋ชาน(พุดซ้อน) นอกจากดอกไม้แล้วนางยังใส่สมุนไพรบางอย่างที่ช่วยในเรื่องขับเหงื่อ ขับของเสีย และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพิ่มเข้าไปด้วย
“วันนี้พี่ใหญ่จะสอนแม่ครัวทำผักดอง เนื้อรมควัน มีใครสนใจจะไปเรียนกับพี่บ้าง” นางวางแก้วชาลงก่อนจะเอ่ยชวนน้องสาวทั้งสองที่ทำท่าราวกับกระต่ายน้อยหูชี้ตั้งเมื่อได้ยินเรื่องของกิน ช่างน่าเอ็นดูจริงเชียว
“น้องเจ้าค่ะ/น้องเจ้าค่ะ” เสียงเล็กราวกลับกระดิ่งลมตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
ซูเม่ยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นกระชับผ้าคลุมไหล่ผืนหนา และเดินนำน้องสาวทั้งสองออกจากเรือนเหลียนฮวาไปยังโรงครัวที่อยู่ด้านหลังจวนติดกับแปลงเกษตรซึ่งค่อนข้างไกลพอสมควร
การสอนถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้ในยามฤดูหนาวผ่านไปได้ด้วยดี แม่ครัวทั้งหลายล้วนตั้งใจ เพราะจำนวนผักที่เก็บได้รอบแรกล้วนมากมายจนไม่รู้จะเก็บเช่นไรไม่ให้เน่าเสีย หากไม่ได้คำชี้แนะจากคุณหนูใหญ่พืชผลที่ได้คงเสียเปล่าแล้ว
“ผักดองเผ็ด 100 ไหเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”
“ผักดองเค็ม 120 ไหเจ้าค่ะคุณหนูใหญ่”
“เนื้อกวาง 580 ชั่ง เนื้อหมูป่า 2,420 ชั่ง เตรียมรมควันเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เหล่าแม่ครัวผลัดกันรายงานความคืบหน้าของงานถนอมอาหารสำหรับหน้าหนาวอย่างแข็งขัน
“เนื้อรมควันต้องผลัดกันเฝ้าดูแลเติมกิ่งสนและกิ่งผิงกั่วอย่าให้ขาด เดี๋ยวข้าจะมาตรวจดูทุกวันว่าเนื้อแห้งพอดีแล้วหรือยัง” ซูเม่ยนัดแนะกับแม่ครัวทั้งหลาย
“คุณหนูใหญ่ ไข่เป็ด ไข่ไก่พวกนี้ละเจ้าคะจะทำเยี่ยงใดดีเลี้ยงมาสัปดาห์เดียวก็มีมากมายเกือบพันฟองแล้ว” หัวหน้าแม่ครัวสวีกล่าวขึ้น
แม่ครัวสวีหรือสวีเจียวลู่ เป็นหญิงวัยกลางคนร่างอวบท้วม เป็นหญิงม่ายตัวคนเดียว เนื่องจากสามีและบุตรเสียชีวิตด้วยไข้ป่าหลายปีแล้ว จนนางต้องร่อนเร่ไปทั่ว เนื่องจากผู้คนมักรังเกียจหญิงม่ายว่าเป็นสิ่งอัปมงคล สุดท้ายก็ต้องขายตัวเป็นทาสเพื่อให้มีที่ซุกหัวนอน จนมาเจอตระกูลตวนมู่ที่กว้านซื้อทาสมาดูแลจวน และได้รับความกรุณามากมายจากคุณหนูใหญ่ของจวน จนนางซึ้งใจยิ่งนักที่ยังมีคนที่ไม่รังเกียจหญิงม่ายเช่นนาง
“ท่านป้าสวีล้างไข่ทั้งหมดให้สะอาดแล้วแยกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน ส่วนหนึ่งทำไข่เค็ม อีกส่วนทำไข่เยี่ยวม้าหรือเฮวี่ยหม่า”
“ไข่เยี่ยวม้าคืออันใดเจ้าคะ เอาเยี่ยวม้ามาทำหรือ” ซูเจียวน้อยเมื่อได้ยินชื่อแปลกๆก็ถามทันทีด้วยความอยากรู้ปนสงสัย
“คิ คิ ไม่ใช่หรอกน้องสาม ไข่เยี่ยวม้าเป็นคำพ้องเสียงมาจากเฮวี่ยหม่า หรือไข่หมักใบชาจ้ะ” ซูเม่ยอดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็อธิบายความเป็นมาคลายข้อสงสัยไม่ใช่แค่ซูเจียว แต่ก็มีหลายคนคิดเช่นเดียวกัน
“เป็นเช่นนี้นี่เอง น้องเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ซูเจียวพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเด็กน้อยหลินเฟยก็ทำตามเช่นเดียวกัน แต่คาดว่าคงไม่ได้เข้าใจเป็นแน่
“ท่านป้าสวี ไข่เค็มนั้นต้อง....” ซูเม่ยลงมือทำพลางอธิบายไปด้วย มือเรียวยาวหยิบไข่แช่ลงในกะละมังน้ำส้มสายชูระหว่างแช่ทิ้งไว้ 1 เค่อ ก็เตรียมต้มน้ำเกลือกับน้ำสำหรับดองไข่ ทิ้งน้ำเกลือให้เย็นลง นำไข่ขึ้นจากน้ำส้มสายชูลงในไห ตามด้วยน้ำเกลือที่เย็นแล้ว พร้อมปิดไห
“ง่ายเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ คุณหนูใหญ่” สวีเจียวลู่ที่เห็นขั้นตอนง่ายๆ แต่กลับไม่มีใครเคยทำก็เอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ พร้อมสายตาชื่นชมในความรอบรู้ของคุณหนู
“ง่ายเช่นนี้ แต่รับรองว่าทำอาหารได้หลากหลายรายการนัก รอได้ที่สัก 14 วัน ข้าจะมาสอนรายการอาหารอร่อยๆอีกครั้ง”
“....” ต่างคนต่างเงียบพร้อมนึกถึงของอร่อยที่กำลังจะได้ลิ้มลอง
“ต่อไปก็ไข่เฮวี่ยหม่า นำ....” ใบชาดำ เกลือ และน้ำ ต้มด้วยกันจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีชาดำข้น เติมขี้เถ้า ปูนขาวลงไปคนให้เข้ากัน ระหว่างทิ้งไว้ให้เย็น ซูเม่ย ซูเจียว และแม่ครัวก็บรรจงเช็ดไข่แต่ละฟองจนแห้ง ส่วนหลินเฟยนั้น....
‘นั่นช่วยเช็ดหรือทุบไข่เจ้าคะ คุณหนูเล็ก’ เสียงในใจจากเหล่าแม่ครัวที่ลอบปาดเหงื่อ หลังจากเห็นกองไข่ที่แตกคามือเด็กน้อยเฟยเฟย ที่ขะมักเขม้นเช็ดจนเกินไป
