บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 รับน้อง3

บทที่ 2 รับน้อง3

‘ภาพประทับใจ จนอย่างเก็บภาพไว้จริงๆ’ ซูเม่ยคิดอย่างสะใจ

เหล่าคนที่ดูภาพเบื้องหน้าต่างน้ำตาไหลพรากด้วยความเคียดแค้น แต่ทำสิ่งใดไม่ได้ ร่างกายขยับไปมาเพียงนิดเดียวไม่อาจไปได้ไกล ได้แต่มองเด็กชายดิ้นไปมาจนค่อยๆอ่อนแรงลงแล้วนิ่งไป ซูเม่ยปล่อยร่างเด็กชายลงบนพื้น สตรีที่เป็นมารดาของเด็กชายร้องไห้เสียใจจนตาเหลือกค้างแข็ง สุดท้ายก็เลื่อนลอยอย่างคนไร้สติกอดลูกที่เหลือในอ้อมอกโยกไปมา เด็กอีกสองคนที่อยู่ในอ้อมแขนมารดาเห็นมารดาเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งขวัญเสียในที่สุดก็ชักเกร็งกระตุกสิ้นสติไปทันที

“ ท่านป้าสะใภ้กับน้องๆ คงไม่อยากเล่นกับข้าแล้วท่านลุง ดูสิหลับไปหมดแล้ว ถึงตาท่านลุงมาเล่นกับข้าแล้วนะเจ้าคะ”

ซูเม่ยพูดคล้ายสตรีจิตวิปลาส จนชายที่เป็นเป้าหมายต่อไป กระถดตัวหนีอย่างขี้ขลาด ปัสสาวะไหลออกมาไม่ต่างจากบิดาของตน ซูเม่ยไม่รอช้าตวัดมีดในมืออีกครั้งปักลงหว่างขาชายผู้เป็นลุงอย่างรุนแรง ร่างบุรุษผอมเพรียวผิวพรรณคล้ายคุณชายเจ้าสำอางดีดดิ้นไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวดที่ของรักโดนตัดจนขาดวิ่น เลือดไหลนองปนกับน้ำสีเหลืองที่ปล่อยออกมาก่อนหน้า จนดูน่าสมเพช

“อ้าก!!!! อ้าก!!!!”

ซูเม่ยบิดปากอย่างรังเกียจก่อนจะเช็ดมีดกับเสื้อผ้าของยายเฒ่าจ้าวที่ตอนนี้ หมดเรี่ยวแรงคล้ายจะเป็นลม ทั้งเจ็บแผล ทั้งสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกหลานในครอบครัว แต่ยังจ้องมองซูเม่ยด้วยความเกลียดชังไม่เปลี่ยน

‘ช่างเป็นไม้แก่ดัดยาก ต้องโค่นทิ้งอย่างเดียว’

“เอาล่ะ หมดเวลาสนุกแล้วสิเจ้าคะ” ซูเม่ยกล่าวขึ้นเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันควันจนคนที่มองเตรียมกระถดตัวหนีอย่างหวาดกลัว

“พวกต่ำทราม!! ชั่วช้า!! สารเลว!! เดรัจฉาน!! อย่างพวกแกหมดเวลาแค่นี้แล้วล่ะ” นางตะโกนออกมาอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน ดวงตาเกลียดชังเคียดแค้น กลิ่นอายสังหารถูกปล่อยออกมา จนทุกคนกระอักเลือดออกมากันถ้วนหน้า

มีดเล็กในมืดหมุนคว้างปลิดปลิวไปตามแรงของผู้ขว้างมัน เฉือนเนื้อเป้าหมายอย่างแม่นยำ ลำคอเป้าหมายทั้งสามคนมีรอยปาดลึก เลือดเหนียวแดงข้นทะลักออกมาจากปากแผล จนแลดูสยดสยองเปรอะเปื้อนไหลนองเต็มพื้น ร่างทั้งสามชักเกร็งกระตุกไม่กี่ลมหายใจก็นิ่งสนิทไป ตาเฒ่า ยายเฒ่า และลุงผู้เลวทรามได้จากไปอย่างถาวร

‘ขอให้วิญญาณของพวกมัน ถูกทรมานยังปรโลกมิได้ผุดได้เกิดอีกเลย’

ซูเม่ยหันมองคนที่เหลือคือเด็กทั้งสามคนและป้าสะใภ้ผู้นั้น เด็กชายที่นางบีบคอไม่ได้สิ้นชีวิตแค่สลบไปเท่านั้น คนที่เหลือนี้นางจะไว้ชีวิต แต่พวกมันมิอาจทำร้ายครอบครัวของนางได้อีก ยาลบความจำถูกหยิบขึ้นมา 4 เม็ด และป้อนให้คนที่เหลือทั้งสี่คน

“หลังจากตื่นขึ้นมาก็จงลืมเสีย จากนี้ไม่ข้องเกี่ยว!!!”

ชีวิตทั้งสี่ชีวิตที่เหลือจะรอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับชะตากรรมของแต่ละคน สำหรับนางเด็กทั้งสามไม่ได้ทำร้ายครอบครัวนางนัก แต่หากจะเหลือแค่เด็กคงจะปิดกั้นหนทางชีวิตจนเกินเหตุ ดังนั้นมารดาของเด็กแม้จะขี้เกียจ เอาเปรียบผู้อื่นร้ายกาจไปบ้าง แต่หลังจากนี้นางคงต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อความอยู่รอด หากไม่เปลี่ยนก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของพวกนางแล้ว

ซูเม่ยดีดโอสถพิษสลายวิญญาณกระทบร่างทั้งสามที่ตกตาย ร่างกายทั้งสามค่อยๆเปื่อยยุ่ยและสลายเป็นฝุ่นผงในที่สุด นางหันหลังเร้นกายไปยังห้องต่างๆ กวาดเสื้อผ้าของคนตายทั้งสามไปจนหมด ทำเหมือนคนทั้งสามนั้นหนีหายไปทิ้งผู้เป็นสะใภ้และเด็กไว้ตามลำพัง

นางกลับมาที่ห้องเก็บฟืนอีกครั้ง ไขกุญแจเปิดห้องดังกล่าวเพื่อพาน้องสาวน้องชายไปจากที่นี่ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างเล็กทั้งสองที่กอดกันกลมจ้องมองมาที่ประตูด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นคนที่เปิดเข้ามา ดวงตากลมใสของเด็กหญิงชายก็เบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจวิ่งมากอดพี่สาวที่ยืนอยู่หน้าประตูทันที

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้ว” สองเสียงเล็กส่งเสียงอู้อี้อยู่กับเอวทั้งสองข้างของนาง นางลูบผมสากๆของเด็กน้อยก่อนจะดันตัวเด็กทั้งสองออก ก่อนจะคุกเข่าสบตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและพูดว่า

“พี่กลับมาแล้ว” ซูเม่ยดึงน้องสาวน้องชายมากอดลูบไหล่ลูบหลังอย่างปลอบโยน ยิ่งกอดอย่างนี้นางกลับยิ่งรับรู้ว่าเด็กน้อยของนางผอมบางลงเพียงใด หนังหุ้มกระดูกคงไม่เกินจริงนัก นางลูบใบหน้าซูบตอบดวงตาโหลลึกอย่างปวดใจ

“ไปกันเถอะ พี่ใหญ่มารับพวกเจ้าไปอยู่ด้วยกัน” นางปาดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นจูงมือเสี่ยวเหวิน และเจียวเอ๋อคนละข้าง เพื่อพาออกไปจากที่นี่

“พี่ใหญ่ เอาผ้าห่มผืนนั้นไปด้วยเจ้าค่ะ มันอุ่นมาก” ซูเจียวกระตุกแขนของพี่สาวเบาๆ ก่อนจะชี้ไปที่ผ้าห่มผืนนั้น

“พี่ใหญ่ ท่านปู่ท่านย่าปล่อยพวกเราไปแล้วเหรอขอรับ” ไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดแขนอีกข้างก็กระตุกเบาๆเช่นกัน ซูเหวินถามขึ้นอย่างเป็นกังวล เขาเกรงว่าหากชายหญิงชราคู่นั้นไม่ยินยอมจะสร้างปัญหาขึ้นอีก จนพี่สาวจะต้องเดือดร้อน

ซูเม่ยสบตาคู่สวยทั้งสองที่เฝ้ารอคำตอบ คนหนึ่งเอียงคอรอคอยคำตอบอย่างน่ารัก อีกคนรอคอยด้วยความวิตกกังวลเกินกว่าจะเป็นเด็กในวัย 5 หนาว

“ผ้าห่มหนาๆ พี่ใหญ่มีให้เจียวเอ๋ออีกเยอะ พวกเราจะไม่เหน็บหนาวอีก ส่วนท่านปู่กับท่านย่าพี่ไปพูดคุยกับพวกท่านจนเข้าใจแล้ว ต่อไปนี้พวกท่านจะไม่มายุ่งกับครอบครัวเราอีก” เพราะไม่อาจยุ่งได้อีก นางพูดอธิบายกับเด็กน้อยอย่างใจเย็น ให้ทั้งสองคลายกังวล ตอนนี้น้องของนางยังเด็กนักไม่ควรรับรู้เรื่องราวดำมืดที่นางทำลงไป รอให้พวกเขาโตอีกหน่อย นางจะสั่งสอนให้พวกเขาไม่ต้องก้มหัวให้ใครอีก

เด็กทั้งสองยิ้มออกมา ซูเหวินแม้ยังมีความสงสัยแต่เขาก็ไม่เอ่ยถามอีก ได้แต่เดินตามพี่สาวที่จูงมือพวกเขาไว้ ความอบอุ่นที่พวกเขารอคอยทุกยามกลับมาแล้ว แม้จะไม่รู้ชะตากรรมของบิดามารดา แค่มียังมีพี่สาวอยู่ตรงนี้พวกเขาก็อุ่นใจล้นเหลือแล้ว แต่หากอยู่กันพร้อมหน้าคงจะมีความสุขที่สุดเลย

‘ข้า พี่ใหญ่ น้องเล็กรอท่านพ่อท่านแม่อยู่นะขอรับ’

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel