บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 จ้าวซูเม่ย3

บทที่ 1 จ้าวซูเม่ย3

บ้านหัวหน้าหมู่บ้านตงซาน

“หัวหน้าโจว หัวหน้าโจว อยู่บ้านหรือไม่” บ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่คงจะใหญ่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ล้อมรั้วด้วยอิฐแข็งแรง ลุงหวังบอกว่าเป็นบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งจะขอให้นางพักที่นี่สักคืน

“อยู่ๆๆ อ้าว!!! หวังหย่งเจ้าเองหรือ....มีเรื่องอันใด” เมื่อเห็นว่าเป็นหวังหย่ง โจวเฉินก็เปิดประตูรั้วทันที ก่อนจะเชิญทั้งลุงหวังและซูเม่ยเข้ามาในรั้วบ้าน แม้จะแปลกใจกับแม่นางน้อยแปลกหน้าที่เดินตามหลังหวังหย่งมาก็ตามแต่ก็มิได้เอ่ยถามทันที

ซูเม่ยเองก็ลอบมองลุงหัวหน้าหมู่บ้านโจวคนนี้ ที่ดูท่าจะสนิทกับลุงหวังมิน้อย แววตาไร้เล่ห์เหลี่ยม คงจะเป็นคนยุติธรรมคนหนึ่งกระมัง

เมื่อเข้ามานั่งภายในโถงหน้าบ้านที่ดูคล้ายจะเป็นโถงรับแขก ลุงหวังก็เล่าเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับนางทันที ผู้ใหญ่บ้านที่มีบุตรสาวที่เพิ่งออกเรือนไป เมื่อเห็นหญิงสาววัยเดียวกับบุตรสาวก็สงสารเห็นใจ จึงให้ภรรยาหรือท่านป้าหลี่จัดแจงห้องให้นางได้พักพึงในคืนนี้

ท่านป้าหลี่เมื่อเห็นเด็กสาววัยเดียวกับบุตรสาวก็หวนคิดถึงบุตรที่แต่งออกไปไม่นาน ยิ่งเห็นใบหน้างดงามของซูเม่ยที่แม้จะมีบาดแผลและซูบซีดไปบ้างก็ยิ่งเอ็นดูจึงดูแลต้อนรับอย่างดี ด้วยนางบุตรน้อยมีเพียงบุตรสาวและบุตรชายเพียง 2 เท่านั้น บุตรสาวก็แต่งออกบุตรชายก็ไปเล่าเรียน บ้านจึงพลอยเงียบเหงาไปด้วย พอมีเด็กสาวมาพักที่บ้านก็ให้ชื่นใจขึ้นบ้างเล็กน้อย

ซูเม่ยเมื่อได้พักมีห้องส่วนตัวก็แวบหายเข้าไปในมิติ ก่อนจะออกสำรวจบ้านไม้หลังใหญ่ทันที เมื่อเข้าไปภายในก็มีห้องมากมาย นางสำรวจทีละห้องอย่างตื่นเต้น ของส่วนใหญ่ก็เป็นของที่นางเคยใช้ตอนอยู่โลกนู้นทั้งสิ้น ทั้งของใช้แล้วก็เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นางชอบใจที่สุดเห็นจะเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำในสมัยโบราณช่างบาดใจนางเหลือเกิน และอีกห้องที่นางชอบคือ ห้องเก็บสมบัติ ทั้งเงินทั้งทอง เครื่องประดับ ของมีค่ายัดแน่นเต็มห้อง อย่างน้อยก็ไม่อดอยากแล้ว เมื่อสำรวจบ้านในมิติแล้ว ซูเม่ยก็แวบออกมา ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปทันที

ยามเหม่า (5.00-7.00)

ซูเม่ยลืมตาขึ้นมาหลังจากนอนเต็มตื่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นับตั้งแต่เป็นจางซูเม่ยที่ต้องคอยระแวดระวังตัวตลอดเวลา เมื่อจัดแจงตัวเองเรียบร้อยด้วยเสื้อผ้าที่ท่านป้าหลี่เตรียมไว้ให้ แม้จะเป็นเพียงชุดสาวชาวบ้านที่ดูสีซีดไปบ้าง แต่สะอาดสะอ้านหอมกรุ่น คงจะเป็นเสื้อผ้าของบุตรสาวของท่านป้าหลี่ที่เพิ่งแต่งออกไปเป็นแน่ ก่อนออกจากห้องนางไม่ลืมที่จะตั้งตำลึงเงินจำนวนหนึ่งไว้บนที่นอน ถือเป็นค่าตอบแทนน้ำใจ อาหารและที่พัก

เกวียนวัวคันไม่เล็กไม่ใหญ่มีหลังคากันแดดเล็กน้อย วิ่งอย่างช้าๆออกจากหมู่บ้านตงซานตอนต้นยามเฉิน (7.00-9.00) ด้วยเส้นทางที่ขรุขระและค่อนข้างจากยากลำบาก ทำให้การเดินทางล้าช้ากว่า 4 ชั่วยามจึงจะถึงจุดหมายปลายทางคือ หมู่บ้านเจาหนาน

ซูเม่ยให้คนขับเกวียนจอดก่อนจะถึงหน้าหมู่บ้านเท่านั้น นางไม่อยากปรากฏกายให้ผู้อื่นเห็นนัก นางจ่ายค่าเกวียนเช่าเพิ่มไป 2 ตำลึง เพราะยามนี้ใกล้ยามเย็นไปแล้วคนขับเกวียนอาจจะต้องหาที่พักในเมืองใกล้ๆนี้ ก่อนเดินทางกลับ

ซูเม่ยเดินอ้อมหมู่บ้านไปทางด้านหลัง จากความทรงจำบ้านตระกูลจ้าวอยู่เกือบติดชายป่าท้ายหมู่บ้าน บ้านค่อนข้างหลังใหญ่ ซึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงของบิดามารดานางทั้งนั้น เจ้าพวกเนรคุณนั่นไม่สมควรได้รับแม้แต่น้อย

‘กตัญญูต่อบิดามารดาอันใดกัน เลี้ยงดูแบบอดอยากกดขี่ขมเหง พวกสัตว์เดรัจฉานนั่นไม่สมควรได้รับจากบิดามารดาของนางทั้งสิ้น’ ซูเม่ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความคับแค้นใจแทนบิดามารดาและตัวนางเองเมื่อก่อนนัก

นางเดินอ้อมมาจนถึงชายป่า ก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครก็ลอบข้ามลำธารไปบริเวณบ้านตระกูลจ้าว ที่ตอนนี้คงไม่มีผู้ใหญ่อยู่แม้แต่คนเดียว มองไปไกลๆนางก็เห็นร่างเล็กๆสองร่างกำลังขนน้ำใส่โอ่งที่ตั้งเรียงรายนับสิบใบบริเวณหลังบ้านใกล้แปลงผักร้างๆที่มีใบเขียวเล็กน้อยนอกจากนั้นเหลืองเกือบทั้งแปลง แปลงผักนั้นเดิมทีนางเป็นคนดูแลล้วนงอกงามต้นอวบอ้วน บัดนี้รกร้างไม่เหลือเค้าเดิมเสียแล้ว

‘น้องๆของนาง อายุแค่ 5 หนาวเท่านั้น พวกมันกลับใช้งานถึงเพียงนี้เลยหรือ’

“เสี่ยวเหวิน เจียวเอ๋อ พี่มารับพวกเจ้าแล้วนะ” ซูเม่ยพูดฝากสายลมแผ่วเบา น้องๆของนางดูซูบผอมกว่าความทรงจำเดิมไม่น้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังเรียกว่าเสื้อผ้าได้หรือ ทั้งเก่าปะชุนแล้วปะชุนอีกทั้งขาด เพียงไม่กี่เดือนที่นางถูกขายไปน้องๆของนางคงไม่ได้กินอิ่มอีกเลยสินะ

ซูเม่ยคิดอย่างคับแค้นใจ น้ำใสๆไหลจากหางตากลมโตโดยไม่รู้ตัว ความเสียใจถาโถมสู่ใจของนาง เมื่อเห็นสภาพน้องๆที่แทบจะไม่ต่างจากขอทานแม้แต่น้อย

ไม่นานนักซูเม่ยของเห็นยายเฒ่าจ้าวหรือท่านย่าในความทรงจำของนาง เดินออกมาร้องเรียกน้องสาวของนาง แต่ไม่ทันที่เจียวเอ๋อจะขยับตามคำเรียกหา ยายเฒ่าจ้าวก็หาเรื่องดุด่าเสียก่อน

“นังเด็กชั่ว!!! ข้าเรียกไม่ได้ยินรึไง ตักน้ำตักคนเดียวก็พอ มานี่เลยมา” ยายเฒ่าจ้าวเดิมชื่อฟางกุ้ยตวาดด่ามาแต่ไกล ปราดเข้ากระชากแขนของเด็กสาว ลูกของไอ้กาฝากหน้าโง่ที่นางปล่อยให้เรียกท่านแม่มานาน ได้ยินแต่ละครั้งสะอิดสะเอียนเหลือจะทน หากมันไม่หาเงินเข้าบ้านจำนวนมาก นางคงไสหัวมันออกไปนานแล้ว

“ท่านย่าปล่อยน้องสาวนะ ปล่อยน้องสาว ท่านย่าตีข้าแทน ตีข้าเถอะขอรับ” ซูเหวินเมื่อเห็นน้องสาวโดนกระชากแขนจนน้ำตาคลอ ก็รีบคุกเข่าขอร้องหญิงชราใจดำที่เขาไม่อยากเรียกว่าท่านย่าเลยสักนิดเดียว

“เหอะ ไอ้เด็กสารเลวเจ้าจะทำไม มองตาแข็งเช่นนี้จะลองดีอีกคนใช่มั้ย เห็นพี่สาวแกหรือไม่จุดจบของคนที่มันลองดีกับข้า” ฟางกุ้ยปล่อยมือจากแขนเล็กของนางเด็กชั่วซูเจียว ปราดเข้าไปหาเด็กชายตัวผอมที่คุกเข่าลงไม่ห่างจากนางนัก ปากเอ่ยขอร้องนาง แต่แววตาแข็งกร้าวช่างถือดี แววตาที่คล้ายกับนางสะใภ้นอกคอกแม่ของมัน

ไม่รอช้าฟางกุ้ยที่เริ่มโมโห ก็คว้าไม้ไผ่รั้วผักทุบตีไปยังเด็กชายที่นางเกลียดชัง มืออวบหนาจับไม้ฟาดลงไปไม่ยั้ง แต่ซูเหวินก็ไม่ร้องออกมาแม้แต่ครึ่งคำ ยิ่งทำให้นางโมโหมากยิ่งขึ้น

“ท่านย่า อย่าตี ฮือๆๆๆ อย่าตีพี่รอง ฮือๆๆๆๆ” ซูเจียวที่เห็นพี่ชายถูกท่านย่าตีก็ร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว

ซูเม่ยที่นั่งแอบมองอยู่ไม่ไกลก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมา มือบางล้วงไปในมิติก่อนจะได้เข็มเงินออกมา ไม่รอช้าปาไปยังจุดบนข้อมือ ทำให้หญิงชราเกิดเหน็บชาบริเวณข้อมือจนต้องปล่อยไม้ในมือทิ้งทันที และจับข้อมือที่จู่ๆก็เกิดอาการชาขึ้นมา

“อะ อู้ยยย เย็นนี้อย่าหวังจะได้กินข้าวแม้แต่เม็ดเดียว เหอะ!!!” ฟางกุ้ยเมื่อรู้สึกชาข้อมือก็ไม่ได้ตีเด็กชายต่อ แต่สั่งงดข้าวพวกมันแทน เรื่องอะไรนางจะต้องเปลืองข้าวเปลืองน้ำเลี้ยงลูกของไอ้ลูกกาฝากกับนางสะใภ้แพศยาด้วย

“พวกตระกูลจ้าว...มันต้องชดใช้!!!” คราแรกซูเม่ยคิดจะปรานีเห็นแก่ที่พวกมันเลี้ยงดูบิดานางมา แต่ตอนนี้นางคิดว่าพวกมันไม่สมควรได้รับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel