บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 จ้าวซูเม่ย2

บทที่ 1 จ้าวซูเม่ย2

“เจ้าค่ะ ท่านตาเทพ”

ซูเม่ยก้มศีรษะเคารพเทพชรา และ ตั้งมั่นในใจว่าจะใช้ชีวิตนี้ให้ดีที่สุด ไม่เหมือนกับโลกเดิมที่เคยจากมา ตอนที่เป็น จางซูเม่ย เด็ดขาด

จางซูเม่ย หญิงสาวชาวจีนจากปี 2024 ซูเม่ย แพทย์หญิงวัย 28 ปี ที่ถูกบังคับให้ทำงานกับองค์กรลับผิดกฎหมาย ต้องถูกฝึกอย่างทรหด เป็นทั้งแพทย์และมือสังหาร ไม่มีอิสระ ไม่สามารถทำตามใจตน หลังจากถูกลักพาตัวไปจากครอบครัวจาง ซูเม่ยใช้เวลา 4 ปี ในการฝึกและทำงานจนกลายเป็นมือหนึ่งในองค์กร แต่ไม่นานนักองค์กรเห็นว่าในอนาคตไม่อาจควบคุมซูเม่ยได้ จึงตัดสินใจสังหารทิ้งทันที และทำให้เสี้ยวจิตนี้ถูกดึงกลับมายังที่ที่ควรอยู่

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ท่านตาเทพก็หายไป สภาพแวดล้อมรอบกายเปลี่ยนกลับกลายเป็นป่าทึบต้นไม้สูงใหญ่ ซูเม่ยลูบปานที่ข้อมือ ก่อนจะมองรอบกายอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่านางไม่ได้ฝันไป ทุกอย่างเป็นความจริง และตอนนี้นางคือ จ้าวซูเม่ย ไม่ใช่จางซูเม่ยอีกต่อไป

ซูเม่ยยันกายลุกขึ้น ก่อนจะปวดแปลบตรงกลางกาย ก่อนสมองจะคิดทบทวนจนเห็นภาพที่ ซูเม่ยคนก่อนโดนชายหนุ่มผู้หนึ่งคร่อมอยู่เหนือกาย ซาดซัดพายุแห่งอารมณ์ปรารถนาใส่กายของนางไม่หยุดยั้ง สะโพกสอบ กล้ามเนื้อแน่น กลิ่นกายของบุรุษผู้นั้นฝังลึกลงในความทรงจำ แต่สิ่งที่นางไม่อาจมองเห็นคือ ใบหน้าของบุรุษผู้นั้น ที่ใช้กำลังข่มเหงนางอย่างโหดร้ายทารุณ

“อย่าให้เจอนะ จะตัดให้สูญพันธุ์!!!” ซูเม่ยขบฟันจนดังกรอดด้วยความคับแค้นใจแทนซูเม่ยคนก่อน แต่จะว่าไปซูเม่ยคนก่อนก็คือนางเองนั่นแหละ

หลังจากเหตุการณ์นั้นนางได้สลบไป จนมาตื่นขึ้นในป่าแห่งนี้ ก่อนหน้านั้นล่ะ

จ้าวซูเม่ย หญิงสาววัย 15 ปี บิดาและมารดาที่ทำอาชีพเป็นผู้คุ้มกันหายสาบสูญไปพร้อมกองคาราวานสินค้าเมื่อไม่นานมานี้ ทิ้งทั้งนาง น้องชายน้องสาวฝาแฝดเอาไว้ในความดูแลของหัวหน้าตระกูลจ้าวซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของนางพร้อมกับเงินจำนวนหลายร้อยตำลึง แต่ด้วยบิดาของนางเป็นเพียงบุตรบุญธรรม หลานๆที่เกิดจากบุตรบุญธรรมที่หายสาบสูญไหนเลยจะมีประโยชน์อีก ด้วยความใจดำนี้ ปู่ใจยักษ์ผู้นั้นจึงนำนางไปขายให้กับหอนางโลม แม้นางและน้องๆ จะอ้อนวอนจนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือดก็ไม่เป็นผล ทั้งท่านปู่ ท่านย่า รวมถึงท่านลุงและป้าสะใภ้ใหญ่ รวมถึงบรรดาลูกพี่ลูกน้องของนาง ต่างเห็นดีเห็นงามที่จะขายนาง แต่ไม่รู้จะเป็นโชคดีหรือร้ายที่น้องๆ ของนางยังเด็กนัก จึงยังถูกเก็บไว้ใช้งานในครอบครัวก่อน

พอนางถูกขายให้หอนางโลม ด้วยหน้าตาที่งดงาม แม้ร่างกายและผิวพรรณจะหยาบกร้านไปบ้าง แต่เมื่อได้รับการบำรุงขัดสีฉวีวรรณ ก็ฉายหญิงงามจนถูกใจแม่เล้า ซูเม่ยถูกเคี่ยวกรำร่ำเรียนศาสตร์ทั้ง 4 ของสตรี ทั้งวาดภาพ เดินหมาก เขียนอักษร และดนตรี ในเวลาเพียง 3 เดือนก็เชี่ยวชาญทุกด้าน เมื่อเห็นว่าซูเม่ยพร้อมแล้ว แม่เล้าก็จัดประมูลคืนแรกของนางทันที ซูเม่ยกล้ำกลืนฝืนทน แม้อยากหนีแต่ไม่อาจหนีได้ แม้อยากตายก็มิอาจทอดทิ้งน้องน้อยไปได้

ผู้ที่ประมูลคืนแรกของนางเป็นเศรษฐีแก่ผู้หนึ่งที่มาจากเมืองหลวง ซูเม่ยแม้ทำใจไว้บ้างแล้วแต่ก็ยังตรอมตรมในอก แต่ทุกอย่างกลับพลิกผันนางโดนซื้อตัวด้วยราคาหลายเท่าต่อจากเศรษฐีผู้นั้น และถูกส่งตัวไปให้บุรุษผู้หนึ่งย่ำยี ซูเม่ยที่เดิมทีเป็นเด็กสาวที่ว่าง่ายไม่มีปากเสียง จึงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองมิได้จนตรอมตรมและสิ้นใจในคืนนั้น มารู้สึกตัวอีกครั้งก็หลอมรวมดวงจิตที่ในป่าเสียแล้ว

“เฮ้อออออ ชีวิตนี้ช่างอนาถนัก” ซูเม่ยที่นึกย้อนความทรงจำ รำพึงรำพันกับความโหดร้ายที่รับรู้ ก่อนจะถอนหายใจยาวๆอีกครั้ง

สองขาบอบบางเดินหาแหล่งน้ำในป่า สองหูแว่วได้ยินเสียงน้ำก็สับขาเร่งเพื่อให้ถึงโดยไว ภาพน้ำตกขนาดเล็กเบื้องหน้า พาให้ร่างกายที่เหนียวเหนอะหนะรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นเล็กน้อย ซูเม่ยไม่รอช้าถอดชุดรุ่มร่ามหลายชั้นที่ติดกายมาออก และเดินลงแอ่งน้ำทันที นางดำผุดดำว่ายอยู่นานทั้งสระผม ขัดตัว และแช่น้ำคลายความเมื่อยล้า ใจจริงนางอยากได้ทั้งแชมพูทั้งสบู่มาทำความสะอาดร่างกาย ซึ่งไม่รู้ว่าในมิติจะมีหรือไม่คงต้องสำรวจอีกครั้ง

พออาบน้ำจนเสร็จ ซูเม่ยก็เริ่มมองหาอาหารเพราะท้องของนางเริ่มประท้วงหาอาหารเสียแล้ว กิ่งไม้ริมน้ำตก ถูกเหลาด้วยมีดสั้นที่นางแอบแวบเข้ามิติไปหามา กิ่งไม้แหลมที่ถูกเหลาพุ่งจากมือเล็กทิ่มแทงถูกตัวปลาตัวแล้วตัวเล่า

“ 5 ตัวน่าจะพอแล้วย่างกินสักตัวที่เหลือย่างเก็บไว้เป็นเสบียงเดินทาง” เมื่อได้ปลาแล้วซูเม่ยก็ก่อไฟ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาสำหรับอดีตมือสังหารอย่างนางเลยแม้แต่น้อย

ซูเม่ยเดินเท้าไปตามลำน้ำเพื่ออกจากป่า นางเดินไปราว 2 ชั่วยามป่าทึบไม่เห็นแสงก็เริ่มมีแสงรำไรลอดลงมาซึ่งคาดว่าน่าจะถึงเขตชายป่าแล้ว ซึ่งนางอาจจะเจอชาวบ้านที่ขึ้นมาหาของป่าและจะได้รู้เสียทีว่านางอยู่ส่วนไหนของแคว้นซ่ง

ซอกแซกๆๆๆ

ซูเม่ยเดินมาซักพักก็พบชายผู้หนึ่งกำลังเก็บกับดักสัตว์ จึงเร่งฝีเท้าเข้าไปเพื่อสอบถามและขอความช่วยเหลือทันที ชายวัยกลางคนที่กำลังดีใจที่กับดักของเขามีไก่ป่ามาติดถึง 2 ตัว ไม่ทันเห็นซูเม่ยที่เดินมาจากด้านหลังของเขา แต่เมื่อซูเม่ยใกล้เข้ามาชายผู้นั้นก็รู้สึกถึงบางอย่างเบื้องหลัง จึงตวัดมีดและหันหลังกลับทันที ซูเม่ยที่ระวังตัวอยู่แล้วจึงหลบได้ทันท่วงที

“แม่นาง เป็นอันใดหรือไม่” ชายผู้นั้นเมื่อเห็นว่าเป็นแม่นางน้อยคนหนึ่งก็ตกใจเกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บ

“ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ท่านลุง ข้าต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ส่งเสียงมาก่อน”

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่แม่นางป่านี้อันตรายนักเจ้าเร่งออกไปเถิด” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแม่นางตรงหน้ายังคงเป็นเด็กสาวผู้หนึ่งเท่านั้น ไยผู้ใหญ่ถึงได้ปล่อยเข้ามาในป่าลึกเช่นนี้

“ข้าคงต้องรบกวนท่านลุงแล้วเจ้าค่ะ ตัวข้านั้นหลงป่ามาหลายวันแล้วไม่รู้ว่าตรงนี้อยู่เขตหมู่บ้านใด”ซูเม่ย กล่าวความจริงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่ชายตรงหน้าเมื่อได้ฟังก็ตกใจ ก่อนจะกวาดสายตามองและเห็นสภาพชุดขาดแหว่งเปื้อนด้วยดินโคลนใบหน้าซูบซีดมีบาดแผลประปรายก็ให้สงสารเห็นใจมิน้อยจึงขันอาสาพานางออกจากป่า

ชายผู้นี้ชื่อว่า หวังหย่ง หรือท่านลุงหวัง อาศัยอยู่หมู่บ้านตงซานทำอาชีพหาของป่าขายเลี้ยงครอบครัวให้พอมีพอกินผ่านไปแต่ละวัน นับว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ขยันคนหนึ่ง

เมื่อเดินมาได้สักพักซูเม่ยก็ชวนลุงหวังคุยทันทีเพื่อหาทางกลับไปรับตัวน้องสาวน้องชายของนางออกมาจากครอบครัวนรกนั่นเสียที ไม่รู้ป่านนี้น้องๆของนางจะเป็นเช่นไรบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเหวินและเจียวเอ๋อ นางไม่ปล่อยพวกมันทั้งตระกูลแน่

“ท่านลุงหวัง พอจะรู้จักหมู่บ้านเจาหนานหรือไม่เจ้าคะ” ซูเม่ยรีบเก็บกลิ่นอายสังหารก่อนจะเอ่ยถามลุงหวังที่เดินนำหน้าคอยถางทางให้นาง

“หมู่บ้านเจาหนาน อยู่ถัดจากหมู่บ้านตงซานไป 3 หมู่บ้าน เดินทางด้วยเกวียนราว 3 ชั่วยาม แต่ถ้าเดินเท้าคงใช้เวลาเป็นวันเลยเชียว แม่นางจ้าวเป็นคนหมู่บ้านเจาหนานหรือ” หวังหย่งที่กำลังเดินนำเด็กสาวเพื่อพานางออกไปจากป่าหันกลับมาตอบคำถามนั้น

“เจ้าค่ะ ท่านลุงหวังพอจะหาเกวียนเช่าให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าพอจะมีตำลึงเงินติดตัวอยู่บ้าง”

“หาได้แน่นอน ในหมู่บ้านมีเกวียนเช่าหลายบ้านเชียว” หวังหย่งพูดอย่างภาคภูมิใจ เนื่องจากหมู่บ้านของเขาเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างเจริญ ผู้คนอดอยากไม่มี เกวียนจึงมีกันแทบทุกบ้านเลยเชียว

“ข้าต้องรบกวนท่านลุงหวังแล้ว”

“ไม่เป็นไรๆๆ ข้าก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้นั่นแหละ” หวังหย่งโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกจากป่าโดยเร็วเพราะเขาเกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อน

เมื่อออกจากป่าก็เป็นต้นยามเซิน (15.00-17.00) เสียแล้ว หากเดินทางออกจากหมู่บ้านตงซานก็คงมืดค่ำเสียก่อน ท่านลุงหวังจึงพานางไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อแจ้งว่านางหลงทางมาพึ่งพา และจัดหาที่นอนให้นางในคืนนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel