บทที่ 1 จ้าวซูเม่ย1
บทที่ 1 จ้าวซูเม่ย1
สายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านร่างกายบอบบางแม้เพียงนิดก็ทำให้ร่างเล็กหนาวเหน็บจนแทบขาดใจ ร่างกายหญิงสาวสั่นสะท้านไม่อาจควบคุม ริมฝีปากบางแตกระแหงส่งเสียงโรยแรงแผ่วเบาไม่อาจจับใจความได้ ดวงตาที่ปิดสนิทระริกสั่นจนขนตางอนยาวกระพือไปมา หญิงสาวนอนไร้สติท่ามกลางป่ามืดมิดมาหลายชั่วยามไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้นแม้แต่น้อยจวบจนราตรีผ่านไป
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ
“อือออ หนวกหูจริงๆ นกบ้าเอ้ย ” ร่างที่นอนคุดคู้อยู่ ส่งเสียงออกมาด้วยความรำคาญเสียงที่รบกวนการนอนหลับของนาง
หญิงสาวพลิกตัวตะแคงข้างยกมืออุดหู ก่อนจะรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง จนต้องลืมตาที่ปกคลุมด้วยแพขนตายาวงอนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยยยย ที่นี่...ที่ไหนเนี่ย” ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งทันที ที่นัยน์ตากลมโตมองเห็นต้นไม้สูงลิ่วมากมาย และตนนั้นกำลังนอนอยู่บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษกิ่งไม้และใบไม้แห้งทับถมชื้นแฉะ
ดวงตากลมโต กวาดมองไปรอบๆกาย ปากบางอ้าค้างจน...
“โอ้ยยยย” หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บ ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเอง ของเหลวข้นสีแดงก็ติดนิ้วมือเล็กบางแต่หยาบกร้านนั้นมา
“ปากแตก!!! ทำไมปากนุ่มๆของฉัน ถึงให้แห้งแตกแบบนี้ มันเรื่องบ้ากันอะไรเนี่ย แล้วมะ..มือ”
‘มือ..เล็กนี่ มันมือใครกัน มือฉันเหรอ’
มือเล็กสาก ผิวขาวซีด แขนลีบๆ เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเธอ ไม่ทันได้หาคำตอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวก็รู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด ภาพบางอย่างมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว ภาพที่เหมือนความทรงจำของเด็กสาวผู้หนึ่งที่น่าสงสาร ความลำบาก ความเจ็บปวด ความหิวโหย ความเหน็บหนาว ถูกถ่ายทอดออกมาจนเธอรับไม่ไหวสิ้นสติไปอีกครั้ง
หญิงสาวรู้สึกตนเองล่องลอยอยู่ในห้วงอากาศที่ว่างเปล่า ความทรงจำทั้งของเธอและของเด็กสาวผู้นั้น คล้ายค่อยๆหลอมรวมกัน จนความเจ็บปวดทรมานที่เกิดก่อนหน้าเริ่มจางหายไป แต่เธอก็ยังล่องลอยอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่านี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“แม่หนู แม่หนู”
เสียงแหบแห้งก้องกังวานขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า เธอล่องลอยไปยังทิศทางที่เกิดเสียง แสงสว่างจ้าสว่างวาบขึ้นก่อนจะหายไป กลายเป็น
“นี่มัน....สวรรค์เหรอ” ทะเลสาบส่องแสงระยิบระยับ เรือนไม้แบบจีนหลังใหญ่ สะพานโค้งที่ทอดยาวเหนือทะเลสาบ ต้นไม้สีสันงดงามมากมาย และ นั่น...มัน สมุนไพร สมุนไพรทั้งนั้นเลย
ร่างบางหันซ้ายขวาก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด ทุกอย่างดูงดงามลงตัว บรรยากาศสดชื่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน หน้าตาตื่นตระหนก เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวครุ่นคิด เดี๋ยวประหลาดใจอยู่ในสายตาชายชราที่จ้องมองอยู่ไม่ไกลจนอดไม่ได้ต้องหลุดหัวเราะออกมา
“ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าหยุดทำหน้าตาประหลาดเสียทีเถิด” ชายชราชุดขาว หนวดเครายาวเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินออกมาจากศาลาริมทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลนัก แต่ด้วยหญิงสาวหันหลังให้จึงไม่เห็นชายชราตั้งแต่แรก
“คุณตา คือคนที่เรียกหนูใช่มั้ยคะ แล้วที่นี่ที่ไหน มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูถึงมาอยู่ที่นี่ แล้ว..”
“พอ พอก่อนแม่หนู ข้าตอบไม่ทันแล้ว” ชายชราเอ่ยขัด ก่อนคำถามอีกร้อยแปดจะพรั่งพรูออกมา หญิงสาวสมัยนี้ใจร้อนเสียจริง
“เจ้าฟังข้าให้ดีนะ แม่หนูซูเม่ย” ชายชราพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณตารู้จักหนูเหรอคะ” ซูเม่ยถามขึ้นทันที
“อย่าเพิ่งขัดข้า ฟังให้ดี และทำใจให้สบาย” ชายชราก้าวเดินช้าๆ นำหน้าหญิงสาวไปยังศาลาริมทะเลสาบก่อนจะนั่งลงจิบชาเบาๆ ซูเม่ยเดินตามไปก่อนจะหย่อนกายลงนั่งตรงข้ามชายชรา และตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อด้วยใจที่ร้อนรุ่ม ด้วยอยากทราบความเป็นมาของเรื่องราวน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ
“เฮ้ออออ ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าเป็นความผิดของข้า เมื่อหลายร้อยปีก่อนข้าในฐานะเทพชะตาที่มีหน้าที่ส่งเหล่าดวงจิตทั้งหลายไปเกิด ข้าเลินเล่อได้ทำให้ดวงจิตดวงหนึ่งแตกออก ดวงจิตที่แตกออกกระจัดกระจายไปเกิดหลายภพภูมิ กว่าจะรวบรวมกลับมาได้บางส่วนก็ใช้เวลานานนักดวงจิตที่เล็กชิ้นน้อยที่รวบรวมได้ถูกข้าส่งไปเกิดเป็น จ้าวซูเม่ย ก็คือร่างที่เจ้าอยู่ตอนนี้ แต่กระนั้นด้วยดวงจิตไม่สมบูรณ์นางจึงพบเจอทุกขเวทนามากมายจนรับไม่ไหว ” เทพชะตาซือมิ่งหยุดพูดพร้อมการถอนหายใจยาว เขาทำให้ชีวิตของดวงจิตอันมีบุญต้องแปดเปื้อนเสียแล้ว
“แล้วหนูเกี่ยวยังไงกับเรื่องนี้ คุณตาเทพอย่าบอกนะว่า หนูคือ....ดวงจิตที่หายไปอีกส่วนหนึ่ง”
“ใช่แล้วแม่หนู เจ้าคือดวงจิตชิ้นสุดท้ายซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุด ข้าจึงต้องดึงเจ้ามาจากโลกนั้น กลับมาอยู่ในที่ๆเจ้าควรจะอยู่ตั้งแต่แรก” เทพชะตาซือมิ่งมองดูเด็กสาวเบื้องหน้าที่เบิกตากว้างอ้าปากหวอหลังจากที่ฟังเขาพูดจบแล้ว
‘OMG มันน่าเหลือเชื่อมาก อย่างกับนิยายทะลุมิติที่เคยอ่านเลย คงไม่มีพลังปราณ กำลังภายใน เหาะเหินเดินอากาศหรอกนะ’
“ของพวกนั้นที่เจ้าคิดมันก็มีบ้าง แต่แค่กำลังภายในธรรมดาเท่านั้น ไม่มีพลังวิเศษอะไรมากมายหรอกนะ”
“คุณตาเทพ ได้ยินที่หนูคิดเหรอ ว้าวเจ๋งสุดๆไปเลย”
“เอาล่ะๆ ก่อนที่ข้าจะส่งเจ้ากลับไป ข้าจะชดเชยให้กับเจ้า ความทรงจำในโลกเดิมจะยังคงอยู่เพื่อที่เจ้าจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ มิติแห่งนี้ข้าจะมอบให้เจ้า แต่จงจำไว้อย่าเปิดเผยมันออกไป เพราะสิ่งนี้ไม่มีในโลกแห่งนี้ มันจะเป็นภัยต่อตัวเจ้าเอง” เทพชะตาซือมิ่งที่เห็นว่าเด็กสาวผู้นี้มีชะตาที่รออยู่ เขาจึงมอบพรที่พอจะมอบให้ได้เพื่อให้นางได้สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกที่แตกต่างนี้ได้ และเขาหวังว่านางจะฝ่าฟันมันไปได้ด้วยดี
ชายชราสะบัดแขนเบาๆ ก่อนจะปรากฏปานแดงรูปดอกบัวที่ข้อมือของซูเม่ยก่อนจะจางหายไป ซูเม่ยลูบข้อมือตนเองตรงที่มีปานเบาๆ ยกยิ้มอย่างดีใจกับของชดเชยที่คุณตาเทพให้ไว้
“คุณตาเทพ หนูขอ...” ซูเม่ยเตรียมจะเอ่ยขอบางอย่างแต่ก็ต้องโดนขัดขึ้น
“ที่โลกแห่งนี้เจ้าต้องเปลี่ยนคำพูดจาเสียใหม่ จะได้ไม่แปลกแยก ความทรงจำของจ้าวซูเม่ยน่าจะช่วยเจ้าได้ และสิ่งที่เจ้าจะขอ มีมากมายในมิติแห่งนี้ มีให้ใช้ไม่มีวันหมด เมื่อหยิบออกไปมันจะถูกเติมเต็มทันที เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว จงใช้ชีวิตให้ดี” เทพชะตาซือมิ่งเอ่ยกำชับอีกครั้ง เขามองเด็กสาวตรงหน้าด้วยความห่วงใยอีกครั้งก่อนจะค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆ
“เจ้าค่ะ ท่านตาเทพ”
