บทที่ 4 ซื้อที่ดินเปลี่ยนตระกูล3
บทที่ 4 ซื้อที่ดินเปลี่ยนตระกูล3
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว/พี่ใหญ่กลับมาแล้ว”
ซูเม่ยยิ้มเข้ามาเมื่อเห็นท่าทางดีใจของน้องชายน้องสาว ก่อนจะเหลือบไปมองบนเตียงกว้างที่มีร่างเล็กของเด็กสาวอีกคนนอนหลับอยู่ นางเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะน้ำชากลางห้อง ก่อนจะยกมือลูบหัวน้องสาวที่เข้ามาคลอเคลียเหมือนลูกแมวน้อยก็ไม่ปาน ส่วนน้องชายที่ยืนเก้ๆกังๆอย่างเขินอาย นางก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มเบาๆ
“พี่กลับมาแล้ว หิวกันรึยัง” ซูเม่ยถามน้องชายและน้องสาวเบาๆ เพราะเกรงว่าเสียงจะดังรบกวนเฟยเฟยน้อยที่ยังหลับตาพริ้มอยู่
“ยังขอรับ รอน้องเฟยเฟยตื่นก่อนดีกว่า” ซูเหวินตอบ
“ใช่เจ้าค่ะพี่ใหญ่น้องน่าสงสารมาก ตอนหลับก็ละเมอผวาหลายครั้ง” ซูเจียวพูดพร้อมเสมองไปยังร่างเล็กด้วยแววตาเศร้ากังวล เพราะเรื่องราวในป่าครานั้นแม้นางจะหลับอยู่บนรถม้า แต่พอตื่นขึ้นมาก็ทันได้เห็นศพมากมาย นางยอมรับว่ากลัวมาก แต่ก็พอจะเข้าใจหากไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องฆ่าเรา แต่เฟยเฟยน้อยยังเล็กนักคงขวัญเสียมิน้อยเลย
“ทั้งสองคนต้องดูแลน้องให้ดีรู้มั้ย รับน้องมาดูแลแล้วต้องดีกับน้องให้มากๆ” ซูเม่ยเมื่อเห็นเจียวเอ๋อกังวลกับอาการของเฟยเฟยก็ลูบหัวน้องสาวเบาๆอีกครั้ง
“เอาล่ะ วันนี้พี่ใหญ่ซื้อที่ดินแล้วนะจะเริ่มสร้างบ้านของเราอีกสองสามวันข้างหน้า แต่อาจใช้เวลาราว 3 เดือนกว่าจะแล้วเสร็จ” ซูเม่ยรีบดึงน้องสาวจากความกังวลด้วยเรื่องน่ายินดี ที่นางทราบว่าเด็กน้อยทั้งสองรอคอยมากเพียงใด
“จริงหรือเจ้าคะ เจียวเอ๋อจะมีห้องของตัวเองหรือไม่”
“ย่อมมีจ้ะ”
“ของข้าก็มีหรือขอรับ”
“แน่นอนเสี่ยวเหวิน นอกจากจะมีห้องของทุกคนแล้ว ยังมี...นี่รับไป” ซูเม่ยตอบน้องทั้งสองที่ผลัดกันถามนางด้วยความตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะนางจะมอบสิ่งหนึ่งในน้องทั้งสองคนเก็บไว้
“นี่มัน...ป้ายประจำตัวนี่ขอรับท่านพี่ ตวนมู่...ซูเหวิน” เด็กชายอ่านตัวอักษรบนป้ายหยกสีขาวนั้นอย่างตั้งใจ ก่อนดวงตาทั้งสองที่คลอขังไปด้วยน้ำใสๆ
‘ไม่ใช่แซ่จ้าวอีกแล้ว ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกมันอีกแล้ว’ ซูเหวินยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะรู้สึกตัวว่าทำสิ่งขายหน้าจึงใช้แขนเสื้อป้ายน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้ามองพี่สาวที่กำลังมองพวกเขาด้วยสายตารักใคร่
“งั้นของเจียวเอ๋อ ก็อ่านว่า ตวนมู่ซูเจียว ไพเราะยิ่งนัก เจียวเอ๋อชอบมากเลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่” ซูเจียวกำป้ายหยกเล็กๆไว้แนบอกด้วยรอยยิ้มสดใสกว่าที่เคย
“นอกจากนี้พี่ยังบันทึกผังตระกูลโดยมีท่านพ่อเป็นหัวหน้าตระกูลด้วย แม้ตอนนี้ยังไม่เจอท่านพ่อกับท่านแม่ก็ตาม แต่พี่เชื่อว่าท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่”
“ดียิ่งขอรับ/เจ้าค่ะ” พวกเขาล้วนคิดเหมือนพี่สาว ท่านพ่อท่านแม่ยังคงมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นแน่
“แล้วเฟยเฟยละเจ้าคะท่านพี่” ซูเจียวถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ว่าน้องสาวตัวน้อยยังไม่มีชื่อแซ่เลย
“ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้เจียวเอ๋อของพี่ไม่ใช่น้องเล็กอีกแล้วนะ เพราะต่อไปนี้เฟยเฟยจะมาเป็นน้องเล็กของตระกูลเราแล้ว ตวนมู่หลินเฟย” ซูเม่ยขยับกายหันไปหยิกแก้มยุ้ยๆน่าหมั่นเขี้ยวของน้องสาวที่เจื้อยแจ้วเป็นห่วงผู้อื่นไปเสียหมด
“อ่า ยินดีด้วยน้องสาม” ซูเหวินรีบกระเซ้าเย้าแหย่น้องสาวทันทีจนได้รับค้อนวงใหญ่กลับมา ก่อนทั้งสามจะปิดปากหัวเราะกันเสียงเบา เพราะกลัวน้องเล็กเฟยเฟยจะตื่นขึ้นมาแต่คงไม่ทันเสียแล้ว
“พี่สาว เฟยเฟยหิวข้าว.....” เสียงเล็กส่งเสียงขึ้นท่ามกลางสายตาสามคู่ที่หันไปมองเจ้าตัวเล็กหัวยุ่งๆ ที่นั่งตาแป๋วแหววอยู่บนเตียงอย่างพร้อมเพรียง ก่อนทั้งสามจะหัวเราะเสียงดังออกมาอีกครั้งโดยไม่ออมเสียงใดๆ
เสียงแห่งความสุขเล็ดลอดออกมาจากห้องเพียงเล็กน้อยแต่ห้องที่อยู่ข้างๆกันย่อมได้ยินชัดเจน ห้องข้างๆนั้นก็ไม่ใช่ผู้ใดแต่เป็นห้องของผู้คุ้มกันทั้งสามอย่างหูอันฉี เจียงลู่คง และกัวเหวินชาง ที่พร้อมติดตามเด็กๆห้องข้างๆ แม้ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม
“ลู่คง เหวินชาง ข้ารู้ว่าพวกเจ้าซื่อสัตย์ แต่รับปากข้าเรื่องของคุณหนูใหญ่ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด เรื่องนี้แม้คุณหนูจะให้ข้าบอกเล่าแก่พวกเจ้าก็ตาม”
“พี่ฉีไม่ต้องห่วงพวกข้าจะไม่ปริปากแม้ครึ่งคำ คุณหนูใหญ่คือผู้มีพระคุณให้ชีวิตข้าย่อมไม่คิดทำร้าย” เจียงลู่คงกล่าว หลังจากที่เฉียดใกล้ความตายครานั้นได้คุณหนูใหญ่ฉุดดึงชีวิตมาจากประตูปรโลก เขาก็คิดจะมอบชีวิตนี้ติดตามคุณหนูตลอดไป
“ข้าก็เช่นกันพี่ฉี ข้ากัวเหวินชางไม่เคยคิดทรยศผู้มีพระคุณ”
“ดี!!! ต่อไปมีสิ่งสำคัญรอให้พวกเราช่วยคุณหนูอยู่ จงทำให้ดีที่สุด”
“ขอรับ/ขอรับ”
