บทที่ 4 ซื้อที่ดินเปลี่ยนตระกูล2
บทที่ 4 ซื้อที่ดินเปลี่ยนตระกูล2
ครึ่งชั่วยามไม่ขาดไม่เกินหูอันฉีก็กลับมา ซูเม่ยเรียกเก็บเงินและลุกขึ้นจากไปทันที ร่างบางเยื้องย่างลงบันไดจากชั้นสองลงสู่ชั้นหนึ่งโดยมีสายตาดุดันจ้องมองจนลับสายตา
“มองอันใดนักหนาขนลุกไปหมด แต่จะว่าไปบุรุษผู้นั้นก็....ช่างเถอะ” ซูเม่ยบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะส่ายหัวสะบัดความคิดไร้สาระและเดินตามท่านลุงอันฉีไปหานายช่างก่อสร้างจวน
หูอันฉีที่สืบเสาะหาช่างมาจากคนรู้จักที่ทำงานสำนักคุ้มกัน แนะนำนายช่างผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องฝีมือและความซื่อสัตย์ แม้ว่าจะไม่โด่งดังมาก แต่ชาวบ้านต่างรู้จักกันดี ท่านลุงอันฉีพานางลัดเลาะผ่านตรอกซอยไม่นานก็มาถึงร้านเล็กๆ ที่ขายอุปกรณ์ก่อสร้างไม่มากซึ่งมีลูกค้าอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น
“ที่นี่ขอรับคุณหนู ร้านของนายช่างหวังฉือ” หูอันฉีหยุดเดินและเอ่ยขึ้น
“คุณหนูกับนายท่านต้องการสิ่งใด แจ้งข้าน้อยได้เลยขอรับ” ไม่กี่ลมหายใจเมื่อซูเม่ยหยุดที่หน้าร้าน เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ปราดเข้ามาต้อนรับทันทีด้วยท่าทีนอบน้อม
“ข้ามาพบนายช่างหวังฉือเขาอยู่หรือไม่” หูอันฉีแจ้งจุดประสงค์การมาทันที
“อยู่ขอรับ เชิญด้านในทางนี้” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เดินนำทั้งสองไปยังห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นห้องทำงานของนายช่าง
เด็กหนุ่มคนนั้นแท้จริงเป็นบุตรชายของนายช่างหวังฉือ เพราะร้านก่อสร้างขนาดเล็กที่มีลูกค้าวันหนึ่งไม่ถึง 5 คน ไม่อาจจ้างคนงานประจำได้จึงได้แต่ใช้แรงงานจากคนในครอบครัวเท่านั้น และงานรับก่อสร้างก็มีแต่งานเล็กๆจากชาวบ้านเท่านั้น
คนรู้จักของท่านลุงอันฉีเล่าว่า เมื่อก่อนนายช่างหวังฉือมีชื่อเสียงมากแต่โดนผู้มีอิทธิพลขัดขาตัดหน้างานเอางานใหญ่ๆมาโดยตลอด เนื่องจากลูกสาวของนายช่างหวังฉือดันไปถูกตาต้องใจเศรษฐีเฒ่าผู้หนึ่งถึงขนาดจะรับไปเป็นอนุ แต่ชายแก่คราวพ่อไหนเลยนายช่างจะยินยอมยกบุตรสาวให้จึงเกิดเรื่องขึ้น
‘ตัดเส้นทางทำมาหากินผู้อื่นเพื่อสนองตัณหาของตัวเอง น่ารังเกียจยิ่งนัก’ ซูเม่ยได้ฟังเรื่องราวก็นึกสมเพชเศรษฐีผู้นั้น แล้วก็อดสงสารครอบครัวนายช่างไม่ได้
“ท่านพ่อขอรับ มีคุณหนูกับนายท่านมาขอพบขอรับ” เด็กหนุ่มเดินไปเคาะประตูไม้เล็กน้อยก่อนจะรายงานคนข้างใน
“เชิญทั้งสองเข้ามาได้เลยอาเฉิน” เสียงแหบพร่าเล็กน้อยกล่าวตอบกลับทันที
“เชิญท่านทั้งสองขอรับ” อาเฉินหรือหวังเซิงเฉินที่คนในห้องเรียกขานเปิดประตูและผายมือเชิญทั้งนางและท่านลุงอันฉีเข้าไปด้วยความนอบน้อม
“ข้าขอคาระวะ ท่านทั้งสองเชิญนั่งก่อนขอรับ” หวังฉือลุกขึ้นยืนก้มหัวเล็กน้อย ก่อนจะผายมือเชิญทั้งสองที่คาดว่าจะมาเป็นลูกค้าของเขาในวันนี้นั่งตรงชุดรับแขกเล็กๆถัดจากโต๊ะทำงานของเขาไม่มาก ก่อนจะหันไปยกน้ำชามารับแขกด้วยตนเองอย่างกระตือรือร้น เนื่องจากเขาไม่มีลูกค้ามานานแล้วนั่นเองจึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
“ท่านทั้งสองมีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้แจ้งมาได้เลยขอรับ” หวังฉือเมื่อยกน้ำชาเสร็จก็รีบนั่งลงสอบถามทันที
ซูเม่ยที่กำลังกวาดตามองเครื่องเรือนภายในห้องที่ดูประณีตงดงามก็เก็บสายตากลับมา ก่อนจะเริ่มพูดคุยจุดประสงค์ที่มาทันที
“นายช่างหวัง ข้าชื่อตวนมู่ซูเม่ยอยากจะสร้างเรือนใหม่สักหลังที่ชานเมืองหยางติดกับเขาอินซาน จึงต้องมารบกวนนายช่างแล้ว” ซูเม่ยเห็นท่าทางกระตือรือร้นของนายช่างหวังนั้นก็พอใจ และแนะนำตัวทันทีอย่างสุภาพ
กริยาแช่มช้อยงดงามอยู่ท่ามกลางสายตา 2 คู่ คู่หนึ่งของนายช่างหวังที่อดชื่นชมคุณหนูผู้นี้ไม่ได้ อีกคู่หนึ่งของหูอันฉี ที่มองท่าทีเรียบร้อยนั้นเปรียบเทียบกับท่วงท่าฟาดฟันโจรป่าที่ต่างกันลิบลับ
‘คุณหนูคิดจะล่อลวงผู้คนแล้ว’
และการตกลงสร้างบ้านก็เขียนสัญญาเป็นที่เรียบร้อย แบบบ้านนั้นนางเตรียมมาด้วยซึ่งคัดแบบมาจากตำราภายในมิติ แบบจวนสไตล์จีนโบราณตั้งบนที่ดิน 200 หมู่ ล้อมรั้วกำแพงรอบที่ดิน 2,000 หมู่สูง 2 จั้งด้วยอิฐ ซึ่งทำเอานายช่างหวังฉือเกือบหงายหลังตกเก้าอี้ไปเลยทีเดียว กว่าจะลงชื่อในสัญญาได้ก็เกือบ 2 เค่อ เพราะนายช่างมือสั่นไม่สามารถจับพู่กันได้
นอกจากสัญญาสร้างจวนแล้ว นางยังจะทำสัญญาสร้างที่พักคนงานเพิ่มด้วย ซึ่งเป็นอาคารสองชั้น 4 อาคาร จำนวน 500 ห้อง ทำเอานายช่างหวังถึงกับเป็นลมสิ้นสติ จนนางต้องนัดผ่านหวังเซิงเฉินอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เรื่องคุยรายละเอียด เพราะคาดว่ากว่านายช่างหวังจะฟื้นคงจะเป็นชั่วยาม
เมื่อออกจากร้านของนายช่างหวัง ซูเม่ยก็กลับโรงเตี๊ยมทันที
“เด็กๆคงชะเง้อหาแล้วเป็นแน่ ท่านลุงอันฉี” ซูเม่ยเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
“ข้าน้อยก็คิดไม่ต่างกันขอรับ คุณหนู คุณชายอยู่แต่ในห้องคงเบื่อและกังวลไม่น้อยเลย” หูอันฉีตอบอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเร่งฝีเท้ารีบกลับโรงเตี๊ยมไม่ต่างจากซูเม่ยเลย
“พี่ใหญ่ไปนานแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับอีกนะน้องเล็ก” ซูเหวินเดินวนไปมาในห้องจนน่าเวียนหัวเอ่ยถามน้องสาวที่นั่งเฝ้าน้องเฟยเฟยซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงไม่ห่าง
“พี่ใหญ่คงจะไปทำธุระหลายที่ มิใช่ว่าออกไปหาซื้อที่ดินหรอกหรือ” ซูเจียวเอ่ยตามที่ได้ยินพี่สาวคุยกับท่านลุงอันฉีก่อนจะออกไป
“อ่า เป็นเช่นนั้นก็คงจะนานอยู่” ซูเหวินเมื่อได้ฟังดังนั้นก็คลายความกังวลลง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูสองสามครั้งดังขึ้นสองพี่น้องที่นั่งอยู่ในห้องหันไปมองทันที ก่อนจะได้ยินเสียงใสๆของสตรีดังแว่วมาจากหน้าประตูนั้น
“พี่ใหญ่เอง เสี่ยวเหวิน เจียวเอ๋อ” เมื่อได้ยินเสียงที่รอคอย ซูเหวินก็วิ่งไปเปิดสลักประตูทันทีด้วยความดีใจ ไม่ต่างจากซูเจียวที่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงพี่สาว
“พี่ใหญ่กลับมาแล้ว/พี่ใหญ่กลับมาแล้ว”
