บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 เจ้าน่ะหรือเป็นสหายกับนาง

“เก่งนิสาวน้อย” เสียงทุ้มดังออกมาจากด้านข้างนาง ซูเชี่ยวยังไม่ได้ลืมตาก็ได้เย็นเสียงดังแว่วออกมาซะก่อน นางหันไปตามทิศทางของต้นเสียง ทันทีที่เห็นก็จำได้ดีเพราะรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของคนคนนี้ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาผมสีน้ำเงินเข้มอมเทา ด้วยตาสีเทาร่างกายดูสูงสง่า

“เป็นท่าน” หญิงสาวพูดออกไปทันทีที่เห็นเขา

“เป็นข้าเอง” ชายหนุ่มตอบและเดินเข้ามาหานาง

“ขอบคุณท่านที่ช่วยข้าเมื่อสักครู่” ซูเชี่ยวพูดพลางยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยความจริงใจ ชายหนุ่มเพียงยิ้มและพยักหน้า

“เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ เราเจอกันครั้งที่แล้วข้าลืมถาม” ชายหนุ่มถามขึ้นทั้งที่รู้อยู่แล้วว่านางนามว่าอะไรจากป้ายที่นางทำตกไว้ครั้งที่แล้ว

“ข้านามเชี่ยว เเซ่ซูเจ้าค่ะ แล้วท่านเล่า”

“ข้ามีนามว่าเย่วซือ”

“ขอบคุณท่านเย่วชืออีกครั้ง หากท่านมีอะไรให้ข้าทำเป็นการตอบเเทนน้ำใจที่ท่านช่วยชีวิตถึง 2 ครั้งขอให้ท่านรีบบอก”

“ไม่เป็นอันใด ข้าเพียงผ่านมาและช่วยได้ทันเท่านั้น เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ” เย่วชือเจ้าสำนักเพลิงอัคคีพูดขึ้น ไหนว่านางไม่มีพลังภายในอย่างไร

แล้วสิ่งที่เขาเห็นเมื่อสักครู่คงจะเรียกว่าไม่มีพลังไม่ได้ ขนาดพลังเขาที่อยู่ในระดับสูงสุดหลังจากที่เข้าไปปะทะพลังนางที่กิ่งไม้เมื่อสักครู่ ถึงกับทำให้มือเขาสั่นคงมีแค่พลังสูงสุดเท่านั้นที่จะทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ ไม่เห็นเหมือนที่ลี่หยางเคยเล่าให้เขาฟังเมื่อ 1 ปีก่อนเลยสักนิดว่าเจ้าตัวไม่มีพลังและเข้ามาศึกษาที่นี่ได้เพราะอาศัยอำนาจของพ่อนาง และทำตัวเพื่อที่จะเข้าใกล้สหายของเขา สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นที่มุมปากและคิดในใจเรื่องนี้เริ่มสนุกขึ้นแล้วสิ

ด้านซูเชี่ยวที่เห็นชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร กำลังจะเอ่ยถามว่าคนนอกแบบเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ก็เห็นร่างคุ้นตาเดินเข้ามาจากทางตำหนักใฝ่คุณธรรมเขาไม่ใช่ใครแต่เป็นลี่หยางเจ้าสำนักวารีหยกแห่งนี้

“เจ้ายังไม่กลับอีกหรือ” ลี่หยางเดินเข้ามาและเอ่ยถามเย่วชือทันที โดยไม่ได้หันไปสนใจซูเชี่ยวที่ยืนอยู่ข้างๆ วันนี้ลี่หยางและเย่วชือเจ้าสำนักเพลิงอัคคีนัดคุยกันเรื่องการคัดเลือกผู้นำสำนักที่จะถึงอีก 1 เดือนนี้ หลังพูดคุยกันเสร็จเย่วซือก็ขอตัวกลับ เขาจึงคิดที่จะมาหาตำราอยู่ที่ตำหนักใฝ่คุณธรรม แต่เห็นทั้ง 2 คนกำลังยืนคุยกันจึงได้เดินเข้ามา

“พอดีข้าเจอสหายน่ะ เลยเข้ามาทักทาย” ก่อนที่พูดเขาก็เหลือบตามาที่ซูเชี่ยว

เห็นท่าทางของนางที่ทำเหมือนไม่อยากให้เขาบอกอะไรแก่ลี่หยางก็เข้าใจทันทีว่านางคงอยากให้เขาปิดบังเรื่องที่นางมีพลังแน่ๆ จึงไม่ได้พูดออกไป

“สหายกับนางงั้นเหรอ” ลี่หยางถามด้วยความสงสัย 2 คนนี้ไปสนิทสนมกันตอนไหนกันไม่ใช่พึ่งเจอกันครั้งแรกหรอกหรือ เย่วซือที่เห็นสีหน้าประหลาดใจจึงอยากที่จะแกล้งเขาต่อ

“ใช่" เย่วซือพูดเสร็จและหันมาพูดกับซูเชี่ยวต่อว่า

“อ้อ! เมื่อสักครู่แม่นางซูเชี่ยวบอกว่าหากมีสิ่งใดตอบแทนให้บอก งั้นวันนี้ข้าอยากที่จะชวนเจ้าออกไปเดินดูเทศกาลโคมไฟที่ด้านนอกกับข้าได้หรือไม่”

ซูเชี่ยวที่ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจ นางไม่เคยเห็นเทศกาลโคมไฟของคนที่นี่ก็อยากที่จะไปดู เพราะถ้าหากนางไปคนเดียวกลัวจะเกิดเรื่องเหมือนครั้งที่แล้วอีกและดูจากชายหนุ่มที่ทำตัวสนิทสนมกับลี่หยางก็น่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมเจ้าตัวยังช่วยชีวิตนางถึง 2 ครั้ง

“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ” ซูเชี่ยวตอบออกไปเสียงใส

“ไม่ได้” แต่กลับมีเสียงหนึ่งดังออกมา ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนแต่เป็นเสียงของลี่หยางที่ยืนอยู่ข้างๆ

“นี่มันวันหยุด เจ้าจะห้ามนางไม่ได้” เย่วซือตอบแทนซูเชี่ยว

“เจ้ากับข้ามีเรื่องที่คุยกันยังไม่จบ”

“เรื่องอะไรของเจ้า งั้นก็ไปด้วยกันเถิด” เย่วซือเห็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ของลี่หยางก็พูดตัดบท และดึงเเขนลี่หยางให้เดินไป จากนั้นหันมาทางซูเชี่ยวเป็นการเชิญ

ซูเชี่ยวกลับไปห้องพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนลี่หยางก็กลับไปเอาของที่ตำหนักหยกขาว ใช้เวลาประมาณ 1 เค่อทั้ง3ก็เดินทางออกจากสำนัก โดยลี่หยางยังยืนยันที่จะให้ซูเชี่ยวนั่งรถม้าร่วมกับตน โดยให้เหตุว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด ส่วนเขาที่เป็นคนดูแลสำนักที่นางอยู่ย่อมไม่เป็นไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel