บทที่ 6 ตัดสินความเป็นธรรม
ซูหงซานไม่สนใจการคุกคามของคนตระกูลซู เห็นแต่ว่าเพียงสายตาเดียวเท่านั้นคนตระกูลซูก็หวาดกลัวถึงขั้นนี้ รู้ว่าตัวเองทำถูกต้องแล้ว เขาเป็นคนหนุนหลังให้จริง
นางเห็นลักษณะที่รีบร้อนอยากจะอธิบายของคนตระกูลซู และเห็นเหล่าชาวบ้านที่เดินมาจากที่ไกล ก็หมุนลูกตา มีความคิดเกิดขึ้นในใจ
ฉวยโอกาสนี้ ไม่งั้นก็......
ซูหงซานตัดสินใจ ไม่สนคนตระกูลซูและหานต้าจ้วง เดินไปทางฝูงชนโดยตรง
เดินมาถึงหน้าผู้ใหญ่บ้าน เช็ดน้ำตาออกแล้วเริ่มร้องไห้ พร้อมกล่าวขึ้นว่า
"ผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ โปรดตัดสินความเป็นธรรมให้หน่อย ให้น้องชายของข้าย้ายออกมาจากตระกูลซูเถอะ ไม่งั้นพวกเราสองพี่น้องจะถูกคนตระกูลซูขู่จนตายเลยเจ้าค่ะ
พวกเขาใช้น้องชายของข้ามาขู่ข้า ให้ข้าเอาห้าร้อยเหรียญทองแดงให้พวกเขาทุกเดือน ไม่งั้นก็จะฆ่าน้องชายของข้า
ข้าถูกพวกเขาขู่จนไร้วิธีใดๆ มีแต่ต้องแอบเอาเงินให้พวกเขา ครั้งนี้ฝนตกหนัก เลยล่าช้าไปสองวัน พวกเขาก็มาหาเรื่องถึงบ้านเจ้าค่ะ......
ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าดูบาดแผลบนร่างกายของข้าสิ ข้ากลัวพวกเขามากแล้ว
น้องชายของข้าอายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น ก็ทำงานทุกอย่างในตระกูลซู ไม่เคยได้กินอิ่ม แถมยังถูกตบตีเป็นประจำ
แม้กระทั่งเสื้อผ้าของลูกเลี้ยงของข้าก็ล้วนถูกคนตระกูลซูแย่งไป เจ้าดูพวกเขาสิ หนาวขนาดนี้ยังใส่แค่เสื้อเดียวเท่านั้น......"
ระหว่างที่พูด ซูหงซานก็ดึงหานเสี่ยวซานและหานเสี่ยวญามา ชี้ไปที่เสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเขาแล้วร้องไห้ต่อ
"ตอนที่ข้าแต่งงานมา ลูกสองคนนี้ยังมีเสื้อผ้าหลายชุดอยู่ แต่ตอนนี้ แม้กระทั่งเสื้อยังไม่มีให้เปลี่ยนเลย ล้วนถูกคนตระกูลซูแย่งไป
คนอื่นช่วยพูดกันว่าข้าเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย แต่ข้าก็ถูกขู่โดยคนตระกูลซูเจ้าค่ะ......
"ผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ ข้าอยู่ไม่ได้แล้ว คนตระกูลซูจะขู่จนข้าตาย ขู่จนน้องชายของข้าตาย ขู่จนลูกเลี้ยงสองคนของข้าตาย ขู่จนตระกูลหานของพวกข้าอยู่ไม่รอดเจ้าค่ะ"
สีหน้าที่เดิมเย็นชาของหานต้าจ้วงเหมือนถูกหิมะปกคลุมชั้นหนึ่ง สายตาที่เย็นชากวาดมองไปที่คนตระกูลซู ทำให้คนตระกูลซูล้วนกลังจนตัวสั่น
ส่วนสายตาของหานต้าจ้วงก็ตกไปที่ซูหงซานอีก เหมือนคิดอะไรอยู่ แต่พอเห็นบาดแผลบนร่างกายของนาง นัยน์ตาก็อดไม่ได้ที่จะมืดทึบลง
เห็นแต่ซูหงซานร้องไห้ต่อผู้ใหญ่บ้านเสร็จ ก็หันไปร้องไห้ต่อหานต้าจ้วงอีก
"ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าดูแลเด็กได้ไม่ดี ให้พวกเขาโดนคนตระกูลซูรังแก เป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น ข้าขอโทษ"
"ผู้ใหญ่บ้าน หากไม่ให้น้องชายของข้าแยกออกมาจากตระกูลซู ครอบครัวเราอยู่ไม่รอดจริงๆเจ้าค่ะ"
ซูหงซานร้องไห้อย่างน่าสงสาร ลักษณะที่เช็ดน้ำตานั้นทำให้คนรู้สึกสงสารจริงๆเลย
ซูหงซานคิดได้อย่างเข้าใจ หานต้าจ้วนดูดุร้ายมากพอ คนตระกูลซูก็กลัวเขา ถ้าคนในหมู่บ้านไม่ได้มา ก็ให้หานต้าจ้วงตบตีพวกเขาสักรอบหนึ่งพอ แต่พออยู่ต่อหน้าคนในหมู่บ้าน มันไม่ได้เลย
และถ้านางจะให้น้องชายแยกออกมาจากตระกูลซู ก็ต้องมีเหตุมีผล ให้คนอื่นๆไม่กล้ามาหาเรื่องอีก
ในเมื่อได้รับร่างกายและความทรงจําของเจ้าของร่างเดิม ก็ต้องอยู่แทนเจ้าของร่างเดิม ในเมื่อไม่สามารถพ้นจากตัวตนของเจ้าของร่างเดิม คนของตระกูลซูนางไม่ไปสนใจก็ได้ แต่น้องชายแท้ๆของเจ้าของร่างเดิมไม่ว่ายังไงนางก็ต้องดูแลแทน
และเด็กคนนั้นก็น่าสงสารเหมือนเด็กสองคนในตระกูลหาน ทำให้คนรู้สึกเจ็บปวดใจแทน
เดิมทีคนตระกูลซูยังอธิบายต่อหานต้าจ้วงอยู่ คิดจะให้มันกลายเป็นเรื่องเล็กๆ คิดไม่ถึงว่าซูหงซานก็กระทำเช่นนี้ ล้วนอึ้งไปหมดเลย
โจวซื่อยิ่งไม่มีเวลาไปสนใจหานต้าจ้วงที่ดูดุร้ายอยู่ข้างๆ ขึ้นไปชี้ซูหงซานแล้วด่าว่า
"ไอ้หญิงเลว เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย ข้าได้แย่งเสื้อผ้าของพวกเจ้าที่ไหนได้ ข้าเคยจะขู่เจ้าเมื่อไหร่ ไอ้หญิงเลว......"
โจวซื่อที่กำลังด่าอยู่นั้นอยู่ๆก็รู้สึกถึงความหนาวเย็น เงยหน้าเห็นหานต้าจ้วงกำลังมองนางอย่างเย็นชา หวาดกลัวจนกลืนคำพูดลงไปหมด
ซูหงซานสังเกตถึงสิ่งนี้ แอบขำในใจ แต่ภายนอกยังคงเป็นลักษณะที่ถูกรังแกยิ่งนัก และไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ชี้ไปที่โจวซื่อแล้วพูดว่า
"เจ้ากล้าพูดไหมว่าเสื้อผ้าของลูกข้าไม่ได้อยู่ในบ้านของเจ้า?เสื้อผ้าบนร่างกายของซูซวงซวงบ้านเจ้า ก็แก้จากเสื้อผ้าเดิมของลูกสาวข้า และเสื้อผ้าบนร่างกายของซูจ้วงลูกชายของเจ้า เป็นเสื้อผ้าของลูกชายของข้าต่างหาก
เจ้าแย่งของบ้านข้า จะเอาเงินของบ้านข้า ตอนนี้ยังจะขู่จนพวกเราตายอีก
โจวซื่อ ข้าเรียกเจ้าว่าอาสะใภ้รอง แล้วเจ้าล่ะ ปฏิบัติต่อพวกเราเช่นนี้หรือ?เจ้าไม่กลัวว่าพ่อแม่ของข้าจะเข้าฝันในตอนกลางคืนให้เจ้าลงไปพบพวกเขาหรือ?"
ซูหงซานพูดทีละคำด้วยความโกรธขรึม
พูดเสร็จก็ร้องไห้ต่อผู้ใหญ่บ้านอีก"ผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ ขอร้องเถอะ ให้ลูกชายของข้าแยกออกมาเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้อีกต่อไป พวกเราจะโดนขู่จนตายแล้วจริงๆเจ้าค่ะ"
"เจ้าฝันไปเถอะ อย่าลืมว่าน้องชายของเจ้าแซ่ซู เป็นคนของตระกูลซู"
โจวซื่ออดไม่ได้ที่จะด่าอีกครั้งหนึ่ง แต่กลับเนื่องจากหานต้าจ้วงอยู่เลยไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่
ผู้ใหญ่บ้านเฉิงหรงก็ขมวดคิ้วมองซูหงซาน และมองไปที่หานต้าจ้วงที่เย็นชาอยู่ข้างๆ การตัดความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย และซูสือโถวก็แซ่ซูด้วย
"เรื่องนี้......"
ผู้ใหญ่บ้านเพิ่งคิดจะพูด ก็ถูกโจวซื่อขัดจังหวะ"ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าคิดจะยุ่งเรื่องตระกูลซูเราเลยหรือ?"
"ซูสือโถวเป็นรุ่นหลานของตระกูลซู แยกออกไปไม่ได้เด็ดขาด"ซูหยวนหลินก็กล่าวขึ้นมา
แต่ตอนที่พูด ก็แอบมองไปที่หานต้าจ้วง เห็นได้ชัดว่าเขากลัวมาก
แต่ซูหงซานกลับฉวยโอกาสได้แล้วพูดว่า"น้องชายของข้าเป็นรุ่นหลานเป็นตระกูลซู งั้นพวกเจ้าก็สมควรที่จะเลี้ยงเขา เหตุใดถึงให้ข้าในฐานะที่เป็นลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วให้ห้าร้อยเหรียญทองแดงทุกเดือนอีก?ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นต่อจากนี้ไปข้าจะไม่ให้ห้าร้อยเหรียญทองแดงอีก"
พอได้ยินว่าไม่ให้เงิน คนตระกูลซูก็ล้วนโกรธมาก
"เจ้ากล้านัก!"
"เป็นไปไม่ได้!"
โจวซื่อยิ่งตะโกนเข้าไปใหญ่ คิดจะตบซูหงซานด้วยจิตสำนึก แต่มือเพิ่งยกขึ้นมาก็ถูกหานต้าจ้วงจ้องกลับไป พึมพำอย่างไม่เต็มใจ
"อย่านึกว่าข้ากลัวเจ้านะ ซูสือโถวเป็นคนของตระกูลซู จะแยกออกไปไม่ได้แน่นอน"
"ไม่แยกออกไปก็ได้ แต่ห้าร้อยเหรียญทองแดงของทุกเดือนข้าจะไม่ให้อีกเด็ดขาด"ซูหงซานพูดตรงๆ ทำให้โจวซื่อจ้องมาอย่างโกรธขรึม
ผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าทะเลาะกันแรงมาก ถอนหายใจออกมา หลังจากครุ่นคิดสักครู่หนึ่งก็กล่าวว่า
"อย่างนี้ละกัน ยังไงซูสือโถวก็เป็นคนของตระกูลซู การที่ตระกูลซูเลี้ยงเขาก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ส่วนห้าร้อยเหรียญทองแดงที่ซูต้าญาให้พวกเจ้าทุกเดือนนั้น ก็ไม่สมเหตุสมผล ทีหลังไม่ต้องให้แล้ว"
เรื่องเงินเขาสามารถเป็นคนกลางตัดสินให้ซูต้าญาไม่ต้องให้แล้ว แต่ยังไงซูสือโถวก็เป็นคนของตระกูลซู จะแยกซูสือโถวออกมาหรือเปล่าก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของตระกูลซู ถึงเขาจะเป็นผู้ใหญ่บ้านก็ยุ่งไม่ได้
คำพูดนี้ของผู้ใหญ่บ้านก็ถือว่าสมเหตุสมผล แต่สิ่งที่ซูหงซานอยากได้นั้นไม่ใช่อย่างนี้
ยังไงซูสือโถวก็เป็นน้องชายของเจ้าของร่างเดิม ในเมื่อนางครอบคลุมร่างกายของเจ้าของร่างเดิม อนาคตยังต้องอยู่ในโลกนี้ด้วยตัวตนของเจ้าของร่างเดิม ก็ต้องดูแลน้องชายคนนี้
ถ้าซูสือโถวอยู่ต่อในตระกูลซูวันหนึ่ง นางก็จะถูกขู่วันหนึ่ง
วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้ซูสือโถวออกจากตระกูลซู
ซูหงซานไม่ได้พูด นางรู้ว่าข้อเสนอนี้ของผู้ใหญ่บ้าน คนตระกูลซูจะไม่ยินยอมแน่นอน