บทที่3.อาคันตุกะสุดหล่อ 1/2
ทัพกวักมือเรียกบุตรสาว เขาผายมือไปที่คนข้างตัวพร้อมกับแนะนำ
ทับทิมอ้าปากค้าง เธอขมวดคิ้ว เถียงในใจ
แต่นั่นแหละ ช่วงนั้นเธอยังเด็กความจำเลยผิดเพี้ยน คน คนนี้อาจจะจะเป็นบรรดานายจ้างคนหนึ่งของบิดาที่อายุน้อยกว่า คงไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นหรอก
“คุณเหนือคงจำไม่ได้ นี่ทับทิมลูกสาวผมไงครับ เคยไปหาที่ไซน์งานช่วงที่ผมทำงานให้คุณไง”
ทัพพูดขึ้นอีกครั้ง ทับทิมยกมือทำความเคารพตามมารยาท เดินเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้หลังบิดาตนเอง
“โตขึ้นมากเลยนะ คงกำลังเรียนอยู่ใช่ไหม?”
ชายคนนั้นเปรยเหมือนรู้จักเธอมาก่อน
“ใช่เลยครับ ช่วงนี้ปิดเทอมเลยกลับมาอยู่บ้าน” ทับทิมพยายามไม่พูดแทรกเธอแอบสำรวจคนตรงหน้าพร้อมกับคำแย้งในใจ เป็นไปได้เหรอว่าผู้ชายคนนี้จะมีอายุรุ่นเดียวกับบิดาของเธอ หน้าตาเขาอ่อนเยาว์กว่าเห็นๆ
“คุณเหนือค้างที่ไหนครับคืนนี้?”
ทัพถามอดีตเจ้านายของเขาอีกครั้ง
“ค้างในเมืองนั่นแหละ ฉันว่างเลยออกมายืดเส้นยืดสายหน่อย” เหนือตอบ เขาชำเลืองมองหน้ายับๆ ของบุตรสาวของอดีตคนงานด้วย
“เอาคันโปรดออกมาสิครับ” ทัพมองเลยไปยังต้นมะขาม
อดีตเจ้านายเป็นคนโปรดปรานการใช้รถที่มีความเร็วสูง ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ความชอบเดิมๆ ไม่เคยเปลี่ยน
“ใช่ เอาออกมาเคาะสนิมเสียหน่อย ไม่ได้จับนานแล้ว”
บิดาเธอหัวเราะ ทับทิมแอบค้อนประหลับประเหลือก
รถพวกนั้นราคาไม่น้อยเลย และหากคนขับไร้น้ำใจ อีกไม่นานหรอกคงเกิดอุบัติเหตุขึ้น หากเขายังใช้ความเร็วเท่าที่เคยเฉี่ยวเธอลงไปนอนคลุกฝุ่นข้างทาง
“หายไปไหนมา พ่อกลับมาไม่เจอ” ทัพหันมาสนใจบุตรสาว
“แม่ให้ไปเอาปลาที่ลอบของพ่อไงคะ” ทับทิมตอบ เบ้ปากใส่ผู้ชายตัวใหญ่ที่เธอยังติดใจเรื่องอายุของเขา
“ได้ไหมล่ะ”
“ได้สิคะ ทิมไม่ได้ลงไปเอาเองหรอก จ้อยนู้นลงไปกู้มา” หญิงสาวยกเครดิตให้เด็กชาย
“มันขยันดี นิสัยดีด้วย” ทัพเอ่ยชม
“ใครรึ?” คนแปลกหน้าถาม
“เด็กวัดน่ะคุณเหนือ ผมขอมาเป็นลูกบุญธรรม”
“ทัพไม่มีลูกอีกเลยเหรอ นอกจากแม่หนูคนนี้น่ะ?”
คำถามของคนตรงหน้าทำให้ทับทิมฉุนกึก เขาถามเหมือนกับว่าเธอแลดูเด็กกว่าเขาหลายรอบ ทั้งที่หน้าตาของเขาแก่อ่อนกว่าตนเองไม่น่าจะเกิน15ปี ปีนี้ทับทิมอายยุ22 อีกไม่กี่เดือนเธอก็ใกล้เรียนจบแล้ว คนตรงหน้าน่าจะอายุประมาณ...30ต้นๆ
“พยายามแล้วครับ ผมคงไร้วาสนาที่จะมีลูกอีกคน ดีที่ถูกชะตากับจ้อยมัน...หน่วยก้านเอาเรื่องเลยครับ” ทัพตอบเสียงสำรวม “คุณเหนือล่ะครับมีครอบครัวหรือยัง?”
ทับทิมกลั้นใจรอฟังคำตอบ
“ยังหรอก ฉันยิ่งกว่าทัพอีก คงไร้วาสนาที่จะมีคู่” เสียงตอบกลั้วเสียงหัวเราะ ทับทิมแอบเบ้ปาก บ่นคนตรงหน้าในใจ
‘นิสัยแบบนี้ใครจะไปเอา’ ผู้ชายที่ดูกระด้าง ผู้หญิงไม่ค่อยชอบหรอก ท่าทางเขาเข้าถึงยาก ดูหยิ่งๆ ไม่น่าคบ
แต่คำพูดของบิดาทำให้ทับทิมขมวดคิ้ว
“เลือกเอาสักคนสิครับ คุณเหนือมีสาวในสต็อกเยอะแยะจะตาย”
“ใครบอกทัพล่ะ ข่าวลือทั้งนั้น” เหนือมองเลยไปยังเด็กสาวด้านหลังอดีตลูกน้อง ผิวแก้มหล่อนอมเลือดผาด มองแล้วเพลินตา ท่าทางของหล่อนคงดื้อเอาเรื่อง แววตาหล่อนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าขำ
“ถึงผมจะไม่ได้ทำงานกับคุณเหนือแล้ว ข่าวของคุณผมก็อ่านตามหน้าสื่อนั่นแหละครับ”
ทับทิมแอบเบ้ปาก บิดาดูจะพินอบพิเทาชายผู้นี้จนน่าเกลียด แค่อดีตเจ้านายจะอะไรนักหนา
“พวกนั่นก็นั่งเทียนไปเองนั่นแหละ ทัพเคยเห็นฉันจริงจังกับใครบ้างล่ะ”
ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบเรื่อย อาจจะเป็นเพราะหน้าที่รัดตัว เหนือเลยไม่ใคร่คบใครจริงจัง
“แก่แล้วนะครับ เดี๋ยวลูกจะโตไม่ทันใช้” ทัพสัพยอก
“ฉันก็หาแบบทัพมาเลี้ยงไว้สักคนสิ เอาไว้ดูแลฉันตอนแก่” ชายหนุ่มตอบเสียงร่าเริง
ทับทิมขี้เกียจฟังคนแก่คุยกัน เธอเตรียมจะลุกหนี
“พ่อ ทิมไปช่วยแม่ในครัวนะ” หางตาหญิงสาวตวัดผ่านหน้าอาคันตุกะสุดหล่อ เธอหาช่องต่อว่าเขาไม่ได้เลย เมื่อบิดาออกตัวพินอบพิเทาเขาจนหน้าเกลียด เดี๋ยวค่อยหาโอกาสเหมาะฉะที่หลังก็ได้
“ไปทำอะไรมา ขากางเกงมีแต่ต้นเจ้าชู้”