บทที่2.อุบัติเหตุ
ทับทิมถอนใจอีกครั้ง...เธอเป็นลูกชาวนา แต่ไม่เคยแตะงานเหล่านั้นเลย แม้จะไม่เห็นด้วยกับวิธีที่บิดาทำนัก แต่เธอจะแย้งก็ไม่ได้
วัดเป็นศูนย์รวมของชาวบ้าน แต่ถ้าไม่ใช่วันพระ วัดก็จะเงียบสงบ
บรรยากาศร่มรื่น ดูน่ากลัวนิดๆ หากมาวัดในตอนค่ำ
ทับทิมไม่เชื่อเรื่องผี หรือเรื่องโลกหลังความตาย แต่นั่นแหละเธอเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ถึงไม่เคยเห็นก็กลัวไว้ก่อน
“จ้อยอยู่ไหนนะ?” หญิงสาวบ่นเบาๆ ตอนที่กวาดตามองหาเด็กชาย
เหมือนนกรู้จ้อยโผล่หน้ามาให้เห็นพร้อมกับตะโกนถาม
“มีอะไรเหรอพี่ทิม?”
“แม่ให้ไปดูลอบ มีปลาติดไหม แม่อยากได้ปลาสักตัวน่ะ” หญิงสาวตอบ จ้อยรีบวิ่งตรงมา
“พี่ทิมไปกับจ้อยไหมล่ะ?” จ้อยชวน
“ไปสิ” หญิงสาวตอบ “ไกลไหม แล้วจ้อยมายังไง” แล้วก็ถามต่อ
“เดินมา พี่ทิมไปด้วยจ้อยจะได้ซ้อนท้ายพี่ทิมไปไง”
เด็กชายตอบพร้อมกับยิ้มแป้น
“ขึ้นมาเลยไปทางไหนล่ะ” ทับทิมตอบ ยิ้มกว้างขึ้น เธอยันเท้ากับพื้น...ทรงตัวรอ หากเด็กชายจะนั่งที่เบาะด้านหลัง
“ออกจากวัดเลี้ยวซ้าย ไม่ไกลหรอกพี่ทิม พ่อไม่เคยวางลอบไกลบ้าน” จ้อยตอบ ขยับตัวนั่งตรงๆ ที่เบาะด้านหลัง
“ตัวหนักเหมือนกันนะเรา”
ทับทิมบ่น ตอนที่ออกแรงปั่นจักรยานไปในทิศทางที่จ้อยบอก
เสียงหัวเราะแผ่วๆ ไม่มีเสียงตอบ จ้อยอายุเกือบ10ปี อีกไม่นานคงตัวใหญ่กว่าเธอ
ถึงระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่เหมือนที่จ้อยบอก...แต่คนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายก็เลยถึงกับหอบแฮ่กๆ “ขากลับเดี๋ยวจ้อยถีบเอง พี่ทิมจะได้พัก”
จ้อยลงไปยืนเมื่อมาถึงจุดที่ทัพเอาลอบไม้ไผ่มาวางไว้...
เด็กชายถอดเสื้อวางไว้ที่ยอดหญ้า...เดินลุยน้ำลงไปดูอุปกรณ์หาปลาที่ทัพเอามาวางดักปลาไว้
“หู!! ปลาติดเต็มเลยพี่ทิม” จ้อยเงยหน้ายิ้มให้ทับทิม เขายกลอบไม้ไผ่ขึ้นชูให้หญิงสาวดู ปลาตัวใหญ่ๆ ดิ้นไปมาในลอบนั่น
“เยอะเหมือนกันนะ”
ทับทิมขยับลงไปดูใกล้ๆ เพราะจ้อยเอาลอบไม้ไผ่วางไว้ที่ตลิ่ง
“ไม่ได้เอาข้องมา เอากลับไปทั้งแบบนี้แหละเนอะพี่ทิม”
ข้องคือพาชนะใส่ปลาที่ทำจากไม้ไผ่เช่นกัน
ขากลับทับทิมเป็นคนซ้อน จ้อยออกแรงปั่นจักรยานพาเธอมุ่งหน้ากลับบ้านท่าทางสบายๆ จ้อยแข็งแรงเหลือเชื่อ ความเร็วรถจักรยานที่วิ่งดูจะเร็วกว่าตอนที่เธอเป็นคนปั่นเสียอีก
กำลังชื่นชมอยู่ดีๆ ตัวจักรยานก็เอียงวูบ
เธอล้มลงไปนอนแอ้งแม้งริมถนน ดีทว่าบริเวณนั้นหนาแน่นไปด้วยต้นหญ้าเธอเลยไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่...
เธอล้มลงไปพร้อมกับเสียงท่อไอเสียที่ดังแสบแก้วหู
กับฝุ่นที่ลอยตลบ ไอ้คนขับมอเตอร์ไซค์บิ้กไบท์คันนั้นนั่นเอง คนขับใจดำขนาดไม่เหลียวกลับมาดูด้านหลังด้วยซ้ำ เขาขับรถเหมือนอยู่กลางสนามแข่ง ไม่ได้ดูข้างทางว่ามีรถคันอื่นแล่นอยู่หรือเปล่า มันเป็นเพราะความตกใจของจ้อย เด็กชายเลยหักหน้ารถหลบ จนรถจักรยานล้มนั่นเอง
“ไอ้บ้านั่นมันจะรีบไปตายหรือไงหะ!!” ทับทิมบ่น เธอลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดเศษหญ้าบนตัว
“พี่ทิมไม่เจ็บนะ?” จ้อยถาม สีหน้าสลดลงเลย
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าให้เจอนะ พี่จะเฉ่งหมอนั่นให้หูชาเลย” หญิงสาวตอบพร้อมกับบ่นมอเตอร์ไซค์บิ้กไบท์คันนั้นต่อ
ทับทิมแทบเต้น...รถเจ้าปัญหาที่ทำให้เธอเจ็บตัวจอดอยู่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน เธอลงจากจักรยานมองรถคันนั้นตาขวาง
“จ้อยเอาปลาไปให้แม่แทนพี่ที พี่จะไปเล่นงานไอ้คนไม่มีน้ำใจก่อน”
หญิงสาวยื่นข้องไม่ไผ่ให้เด็กชาย กวาดตามองหาผู้ชายคนนั้นคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์คันนี้มา
เธอมองหาคน คนนั้นอยู่นานก็ไม่เห็น จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมองไปบนระเบียงบ้าน หลังได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ
ทับทิมกระแทกลมหายใจแรงๆ ไอ้คนไม่มีน้ำใจนั่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังคุยกับบิดาเธอนั่นเอง หญิงสาวสลัดรองเท้าแตะที่ใส่ไว้ กึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นบันได เพื่อเผชิญหน้ากับชายผู้นั้น
ยังไม่ทันได้อ้าปาก บิดาก็ทักขึ้นมาเสียก่อน
“มาพอดี นี่ไงครับลูกสาวผม” น้ำเสียงของทัพดูสำรวมเป็นพิเศษ เธอปรายตามองผู้ชายคนนั้น
“มานี่สิ จำได้ไหมล่ะ เจ้านายเก่าพ่อเอง”